Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward

Go down 
2 posters
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward   Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward EmptyFri Oct 12, 2012 3:37 pm

”เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง เก้ง

เสียงของอาวุธกระทบกันอย่างต่อเนื่อง ใช่แล้วมันเป็นเสียงของการต่อเนื่อง มาร์คัสกับบัสเตียนนั้นต่อสู้กันได้สูสี ไม่มีใครรู้เลยว่าการต่อสู้นี้จะจบลงด้วยชัยชนะของใคร แต่แน่นอนว่าคนอื่นๆก็ต้องพยายามดิ้นรนเพื่อความเอาตัวรอดเช่นกัน บัสเตียนแกว่งขวานของเขาหวังจะตัดร่างของมาร์คัสหากทว่า มาร์คัสนั้นก็รู้ทันเขาก้มหลบก่อนที่จะพุ่งไปแทงบัสเตียน เฉกเช่นเดียวกันตัวบัสเตียนนั้นก็รู้ดี เขายกเข่ามาดักหน้าของมาร์คัสไว้ ทำให้มาร์คัสต้องกลิ้งหลบ มาร์คัสรีบลุกขึ้นมาก่อนที่จะพบกับบัสเตียนที่เหินมาพร้อมกับอาวุธของเขา มาร์คัสใช้กำปั้นของเขาชกไปยังหน้าท้องของบัสเตียน ร่างของบัสเตียนนั้นลอยไปกระแทกกับกำแพง

บัสเตียนที่แผ่นหลังกระแทกกับกำแพงนั้นพยายามลุกขึ้นมา มาร์คัสเองก็กำลังเดินตรงไปยังบัสเตียน มาร์คัสยกดาบขึ้นช้าๆ บัสเตียนพยายามจะคว้าอาวุธของตัวเองอีกครั้ง แต่ว่าชายร่างยักษ์คนนี้ใช้เท้าเตะมันออกไป อาวุธคู่กายของบัสเตียนนั้นดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อมเสียแล้ว ผมที่อยู่ใกล้ๆนั้นรีบใช้เท้าของผมพลักร่างของทหารฝ่ายฮัปปิสเบริก์ออกไปก่อนที่จะพุ่งไปทางมาร์คัสที่กำลังจะสังหารบัสเตียน เช่นเคยมาร์คัสนั้นรู้ทันเขาหันมาก่อนจะใช้เท้าของเขายันไปบนใบหน้าของผม ผมล้มลงไปกับพื้น มาร์คัสกำลังจะใช้ดาบปักบนร่างของผม

บัสเตียนคว้าอาวุธของเขาได้ทันก่อนที่เขาจะพุ่งมายังมาร์คัสอีกครั้ง ทั้งคู่ปะทะกัน ผมรีบลุกขึ้นมาหวังจะช่วยบัสเตียนแต่บัสเตียนตะโกนบอกให้ผมไม่ต้องมายุ่ง...ผมตัดสินใจหันกลับไปช่วยชาวบ้านในการรบ ในตอนนี้สิ่งที่ทำได้คือรอคอยให้ทัพใหญ่มุ่งเข้ามาและช่วยให้พวกผมพ้นจากสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆแบบนี้

“ไม่ไหวแล้ว...พวกผมต้านไม่ไหวแน่ๆ” ชาวบ้านคนนึงตะโกนขึ้นมา
“อย่าพึ่งยอมแพ้ซิ...ผมยังมีโอกาสรอดนะ”

ผมตะโกนตอบๆ จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้หรอกว่าผมจะทำได้ไหม...ผมไม่คิดเลยว่าผมต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งขนาดนี้ จำนวนของชาวบ้านที่ยังมีชีวิตเริ่มลดลงทุกวินาที ร่างกายของผมเริ่มเหนื่อยล้า ผมหันไปมองทางบัสเตียนที่กำลังหลบคมดาบอาวุธของมาร์คัส บัสเตียนเองนั้นก็เริ่มเหนื่อยล้าเช่นกัน แต่ว่าเขายังกำอาวุธของเขาไว้แน่นและพยายามโต้กลับ แต่สภาพร่างกายที่ย่ำแย่ขนาดนี้ทุกอย่างๆ ดูเหมือนจะยากไปหมด ความเร็วของอาวุธที่เริ่มช้าลง ประสาทสัมผัสที่ตอบสนองไม่ได้รวดเร็วดั่งปกติ บางที....ถ้าพวกผมหนีอาจจะไม่ทำให้ต้องมีชาวบ้านตายขนาดนี้ก็ได้ นั่นซิ...ผมจะไปใส่ใจเรื่องกาอูลกับฮัปปิสเบริก์ทำไมกันนะ? บ้านเกิดผมก็ไม่ใช่...ผมก็แค่มาอาศัยช่วยคราวในขณะที่ผมหาทางกลับไปยังโลกปัจจุบัน

“ไม่ไหวแล้ว...ไม่อยู่แล้ว” ชาวบ้านกลุ่มนึงทิ้งอาวุธก่อนที่จะเริ่มวิ่งหนี

บางทีถ้าผมวิ่งหนีและทิ้งบัสเตียนไว้ที่นี่ ให้ตายอย่างวีรบุรุษ...ในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอยู่นั้น ผมก็คิดถึงเหตุการณ์นึงได้ มันเป็นเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน

---

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก”

ผมนอนบนพื้นเวทีด้วยความเหนื่อยล้า ในช่วงนึงของชีวิตของผม ผมต้องเริ่มฝึก MMA เพื่อไว้เรียนป้องกันตัวเบื้องต้น ตัวผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องเป็น MMA ทำไมไม่ใช่ศิลปะการต่อสู้ง่ายๆ ถ้าให้เดาแล้วบางทีอาจจะเป็นความชอบส่วนตัวของคุณพ่อก็ได้ละมั้ง ท่ามกลางความเหนื่อยล้าผมพยุงตัวขึ้นมาก่อนจะเห็นชายร่างยักษ์ที่กำลังดื่มหน้าอยู่ ชายคนนี้เองก็เคยเป็นชายที่มีชื่อเสียงในสังเวียน MMA เขาหันมาทางผม ก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นเวที

“นายน่ะรู้รึเปล่าว่าการขึ้นชก MMA สิ่งที่สำคัญที่สุดคืออะไร” เขาถามผม
“พละกำลังงั้นหรอครับ” ผมตอบเขา

เขาส่ายหน้าก่อนที่จะพูดตอบกลับผม

“ไม่ใช่หรอกไอ้หนู...MMA น่ะไม่ใช่เรื่องว่าใครเคลื่อนไหวเร็วกว่า หมัดใครหนักกว่า”
“แต่มันเป็นเรื่องของใครยอมเสียสละให้กับมันมากกว่า ใครเสียสละให้กับมากกว่า”
“พูดง่ายๆคือการแพ้ชนะน่ะมันอยู่ที่ตรงนี้ต่างหาก”

เขากุมมือก่อนที่จะทุบไปที่อกซ้ายของตัวเองเบาๆ เป็นการบอกคำตอบกับผมว่า “ใจ” ผมก็ยืนงงๆไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาจะสื่อ

---

เมื่อผมนึกถึงคำพูดนี้แล้ว ตอนนี้ผมเองก็เริ่มเข้าใจมันแล้ว เพราะว่าสมัยก่อนผมไม่เคยต้องเผชิญสถานการณ์อะไรแบบนี้ แต่ในขณะที่ผู้คนเริ่มถอดใจ สิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้คือ ผมจะต้องไม่ยอมแพ้ และยังคงรอคอยกองทัพใหญ่ที่กำลังมุ่งมายังหมู่บ้านเล็กๆแบบนี้ ผมยังคงสู้ต่อไปพร้อมๆกับชาวบ้านอีกหลายคนที่จะสู้ไปพร้อมกับผม รวมถึงบัสเตียนเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน แม้ว่าศัตรูจะแข็งแกร่งขนาดนั้น บัสเตียนที่กำลังประลองกับมาร์คัสอยู่นั้น ก็พลาดท่าโดนเข่าของมาร์คัสกระแทกเข้าไปกลางหน้าท้อง บัสเตียนโดนเข้าไปทรุดลงไปกับพื้นด้วยความเจ็บปวด เขากุมหน้าท้องก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เขาใช้มือขวาของเขาพยุงตัวขึ้นมา หากทว่ามาร์คัสใช้เท้าของเขาเหยียบไปยังของบัสเตียน กดไม่ให้บัสเตียนลุกขึ้นมา

“บัสเตียน...ข้าเป็นเกียรติจริงๆที่ ข้าได้ประลองกับนักรบมากฝีมืออย่างเจ้า”
“หากทว่า...ชีวิตของเจ้ามันจบลงตรงนี้!!” มาร์คัสยกดาบขึ้นเตรียมปักร่างของบัสเตียน

ผมพยายามจะวิ่งไปยังบัสเตียน เพื่อจะขวางมาร์คัสไว้ แต่ร่างกายของผมมันไม่ฟังคำสั่งของผมแล้วผมล้มลงไปกับพื้น ผมลุกขึ้น แต่ภาพที่ผมเห็นคือเหยี่ยวขาวที่บินโฉบตัดหน้ามาร์คัส มันทำให้มาร์คัสเสียสมาธิ เขาหันกลับไปทางเดียวกันกับทิศที่นกพิราบบิน มาตำแหน่งนั้นคือบนหลังคา ไม่ใช่เพียงแต่มาร์คัสแต่ผมเองก็หันไปทางหลังคาเช่นกัน ผมเห็นชายคนนึงยืนอยู่บนนั้น แต่เพราะแสงอาทิตย์ทำให้สิ่งที่ผมเห็นเป็นเพียง “เงา” เท่านั้น เงานั้นง้างลูกธนูก่อนที่จะยิงมาทางมาร์คัส ชายร่างยักษ์คนนี้ใช้ดาบของเขาตัดลูกธนูที่บินตรงมายังใบหน้าของเขา

เจ้าของเงากระโดดลงมาจากหลังคา เหยี่ยวสีขาวนั้นบินมาเกาะบนไหล่ของเขา ผมเห็นใบหน้าของชายคนนี้ก็ยิ้มออกด้วยความดีใจ เขาคือ “เอลฮานด์ สตอร์มโคล้ก” การปรากฏตัวของเขามาพร้อมกับเสียงม้าที่วิ่งมาจำนวนมาก ธงของกาอูลโบกบนท้องฟ้า หญิงผมทองในชุดเกราะสีฟ้าบนม้าสีขาว กับ อินาริ มาริเอะบนม้าสีน้ำตาล หญิงผมทองชักดาบของตัวเองก่อนจะชี้ไปข้างหน้า เธอตะโกนขึ้นด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขาม

“โจมตี”

ทหารเมื่อได้ยินคำสั่งนั้นก็ขี่ม้าผ่านหน้าของผู้ตะโกน หญิงชาวญี่ปุ่นนั้นก็หยุดนิ่งอยู่ข้างกายของหญิงผมทอง ดูเหมือนกระดานจะพลิกเสียแล้ว หากทว่ามาร์คัสยังไม่ถอยเขายังพุ่งไปเข้าไปตะลุยกับทหารจำนวนมาก ผมเดินตรงไปเข้าไปหาบัสเตียนที่กำลังพยุงตัว ดูเหมือนเขาจะไม่เป็นอะไรนัก ดูเหมือนจะได้เวลาที่ผมจะได้พักแล้ว ผมทิ้งตัวลงไปบนพื้น ภาพของเหล่าทหารของฝ่ายฮัปปิสเบริก์กำลังล้มตาย

“แลเหมือนจะจบแล้ว” บัสเตียนพูดกับผม

ผมพยักหน้า ชายหนุ่มที่ชื่อว่ามาร์คัสนั้นพอรู้ตัวเขาก็โดนล้อมเสียแล้ว หญิงผมทองกระโดดลงมาจากม้าสีขาวของเธอก่อนจะใช้ดาบชี้ไปทางมาร์คัส เธอด้วยน้ำเสียงอันน่าเกรงขามของเธออีกครั้ง

“มาร์คัสเจ้านั้นพ่ายแล้ว...ยอมแพ้ดีๆเสียเถิด”

มาร์คัสหลับตาลง พร้อมทั้งยิ้มด้วยรอยยิ้ม เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าสีครามที่อยู่เหนือศีรษะ เขาให้คำตอบกับหญิงผมทองคนนี้โดยไม่ลังเล คำตอบนั้นคือ “ข้าขอปฏิเสธ” สิ้นคำพูดของเขาก็มีเสียงม้าจำนวนหนึ่งดังขึ้นมา ทุกคนต่างหันไปมองต้นเสียงนั้น เสียงนี้เกิดจากกลุ่มทหารม้าที่มีชายผมน้ำตาลเป็นคนนำขบวน ดูเหมือนจะมีไม่มากเท่าไหร่นัก ถ้าหากเทียบกับกองทัพของทางกาอูลแล้ว ผมมั่นใจแน่นอนว่าน้อยกว่าอย่างแน่นอน ชายหนุ่มผมน้ำตาลในผู้คลุมสีแดงใช้ดาบของเขาฟันกองทหาร เพื่อฝ่าวงล้อมเข้าไปหามาร์คัส มาร์คัสกระโดดขึ้นหลังม้าของชายคนนั้นก่อนจะหันมาพูด

“ข้ายังไม่คิดจะตายตรงนี้ ถ้างั้น....”

ชายหนุ่มในผ้าคลุมแดงควบ้มาก่อนที่จะวิ่งฝ่าวงล้อมของทหารกาอูล และวิ่งหายไป ดูเหมือนครั้งนี้จะเป็นพวกเราที่กำชัยไว้ได้ หญิงผมทองเดินตรงมาที่ผม เช่นเดียวกับอินาริที่วิ่งมาข้างๆเธอ

“เจ้าซินะที่นามว่ามาซารุ โทคิโอะ” เธอถามผม

ผมพยักหน้าตอบ เธอพยักหน้าตอบรับเช่นกันก่อนที่จะหันไปตะโกน “จับชายคนนี้ไว้” เมื่อผมได้ยินคำ ผมไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ผมได้ยิน เธอสั่งให้ทหารจับผม เช่นเดียวกับบัสเตียน อินาริ หรือแม้แต่เอลฮานด์ก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน อินาริเดินตรงเข้ามาหาหญิงผู้ออกคำสั่งมะกี้

“นายหญิงค่ะ ท่านคิดดีแล้วหรือที่จะทำเช่นนี้” อินาริพยายามจะปกป้องผม
“ข้าเห็นด้วยกับแมรี่ ชายผู้นี้ทำคุณประโยชน์ให้กับพวกเราไว้ หากไฉนท่านต้องทำเช่นนี้กับเขา” บัสเตียนเสริม
“พวกเจ้าก็รู้นี่...ข้าไม่เคยล้อเล่น ทหารจับตัวชายคนนี้ไว้!!” หญิงที่ชื่อว่าซาร่าห์ย้ำอีกครั้ง
“แต่ว่านายหญิง” อินาริกำลังจะพูดต่อ

ซาร่าห์หันมาค้อนใส่อินาริ ทำให้เธอถอยออกไป ทหารสองนายพยุงตัวผมขึ้นมาก่อนจะนำเชือกมาผูกที่มือของผมทั้งสองข้างไว้ดัวยกัน ซาร่าห์มองผมก่อนที่จะเริ่มออกคำสั่งอีกครั้ง คำสั่งต่อไปของเธอนั้นคือกลับไปยังเมืองหลวง ทหารสามสี่นายเริ่มล้อมผม คล้ายๆกับเป็นผู้คุมนักโทษอะไรอย่างนั้น ซาร่าห์กลับขึ้นม้าของเธอก่อนที่เธอจะเริ่มบังคับม้าไปยัง “เมืองหลวง” ของเธอ เช่นเดียวกันกับเอลฮานด์ , บัสเตียน และมาริเอะที่ต่างก็มุ่งกลับไปยังเมืองหลวงๆพร้อมกัน ก่อนที่ผมจะเดินทางออกจากหมู่บ้านนี้ ผมเหลียวหลังกลับไป ซากศพของชาวบ้านจำนวนมากที่นอนบนพื้น รวมถึงศพของทหารเองก็เช่นกัน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมโดนทหาร พลักให้เดินไปข้างหน้า

การเดินทางไปยัง “เมืองหลวง” นั้นเงียบสนิท ไร้เสียงพูด มีเพียงแต่เสียงเท้าของม้าที่ย่ำลงกับฝืนแผ่นดิน ผมไม่เห็นเลยว่าอะไรอยู่ข้าหน้า นอกเสียจากแผ่นหลังของทหารที่อยู่บนม้า ข้างทางเป็นทุ่งหญ้าและพงไพรตลอดทาง กล้ามเนื้อของผมเริ่มล้า หากทว่าผมไม่สามารถหยุดได้ ผมจำเป็นต้องอดทนและก้าวหน้าต่อไป ผ่านไปได้ราวๆชั่วโมงกว่า ผมก็เดินผ่านเข้าไปยังตัวเมือง ถ้าให้มองรอบๆแล้วที่นี่คงเป็นเมืองหลวงที่ซาร่าห์ว่า ดูจากประชากรและความเจริญ เมื่อกองทัพเดินเข้ามา ผู้คนในเมืองก็ต่างออกมารอต้อนรับ ผมเหมือนเป็นตัวประหลาดยังไงก็ไม่รู้ ประชาชนอาณาจักรกาอูลทุกสายตาต่างจ้องมาที่ผม ราวกับผมเป็นตัวประหลาด

ผมเดินมายังลานกว้างของตัวเมือง ทหารทุกนายหยุดเดิน ทหารสองคนพลักตัวผมไปยังข้างๆตัวของซาร่าห์ที่ยืนอยู่กลางลานกว้างแห่งนี้ ประชาชนต่างจ้องมองผม พลางซุบซิบกัน ซาร่าห์มองก่อนที่จะเริ่มตะโกนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแบบที่เธอตะโกนประจำ

“ชายผู้นี้...เป็นพ่อมด”

พ่อมดงั้นหรอ? ผมเริ่มรู้สึกหวาดกลัวทันใด เพราะอย่างที่หลายๆท่านรู้กัน หากผู้ใดถูกเรียกว่า “พ่อมด” หรือ “แม่มด” จุดจบของคนๆนั้นคือการถูกเผาทั้งเป็น แค่คิดผมก็กลัวแล้ว ชาวบ้านเริ่มพูดคุยซุบซิบกันหลังจากที่ได้ยินคำว่า “พ่อมด” ออกมาจากปากของซาร่าห์

“พวกท่านอยากจะให้ข้าทำอะไรกับชายคนนี้?” ซาร่าห์ตะโกนถามต่อ
“เผามันทั้งเป็น!!” ชาวบ้านคนนึงตะโกนขึ้นมา

หลังจากเสียงตะโกนเสียงแรกก็เริ่มมีเสียงตะโกนว่า “เผามันทั้งเป็น” ตามมา ผมหันไปมองซาร่าห์ที่ดูเหมือนเธอจะยิ้มอย่างพอใจในคำตอบของประชากร หากทว่ามีชายคนนึงชูมือขึ้นมาแย้งในสิ่งที่ทุกคนต้องการ มันเป็นมือของชายผมม่วง ที่มีใบหน้าไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก

“ข้าขอคัดค้าน”
“ในสงครามเมื่อครู่นี้ หากพวกเราไม่ได้แผนการของเขา”
“ข้ามั่นใจว่าข้าคงมิได้ยืนตรงนี้”

“ข้าเห็นด้วยกับบัสเตียน” เสียงของเอลฮานด์ดังขึ้นหลังจากที่บัสเตียนพูดจบ
“นี่คือบทลงโทษของผู้ที่ทำความดีหรือ” เอลฮานด์ตั้งคำถาม

ผู้คนรอบๆเริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง ดูเหมือนคำพูดของเอลฮานด์และบัสเตียนจะเริ่มทำให้คนไขว่เขวไม่น้อย

“ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะเปลี่ยนลงโทษก็ได้”
“ทหารนำมันไปขัง!!”

ซาร่าห์ตะโกน ทหารนำตัวของผมไปยังห้องขัง เมื่อผมรู้ตัวอีกทีนึง ผมก็อยู่ในห้องขังอันมืดมิดเสียแล้ว แขนซ้ายแขนวาของผมถูกตึงเข้ากับกำแพง มีเพียงแสงไฟจากคบเพลิงบนกำแพง และแสงจากดวงตะวันผ่านลูกกรงที่เล็กนิดเดียว ผมเห็นชายผมดำสวมชุดสีดำพร้อมทั้งดาบสีดำที่อยู่ข้างหลังเขา นั่งพลิกหน้าหนังสือไปมานั่งอยู่ ผมจ้องใบหน้าของเขา ทำให้เขาจ้องใบหน้าผมกลับ

“เจ้าหรือ? ที่ท่านหญิงซาร่าห์กล่าวว่าเป็นพ่อมด”

ผมพยักหน้าตอบ โดยไม่ได้พูดอะไร

“โชคร้ายหน่อยนะ” เขาพูดต่อ

โชคร้ายงั้นหรอ? จะว่าอย่างงั้นก็ได้ ผมไม่คิดเลยว่านี่คือสิ่งที่ผมจะได้รับหลังจากที่ผมทำลงไป ผมไม่ได้หวังจะได้รับการตบรางวัลที่หรูหราอะไรจากการที่ช่วยป้องกันแผ่นดินของอาณาจักรกาอูล แต่อย่างน้อยๆก็คงไม่ใช่การที่ผมจะถูกขังในห้องมืดแบบนี้ แต่ผมสงสัยมากกว่าทำไมกัน? ถ้าหากไม่ได้บัสเตียนหรือเอลฮานด์ ผมคงไม่ได้มานั่งคิดถึงสาเหตุตรงนี้หรอก เพราะผมคงถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว

“ข้ามีนามว่าเนโร่ แองเจลโล่” เขาแนะนำตัวกับผม
“มาซารุ โทคิโอะ” ผมบอกชื่อของผมเช่นกัน

สิ้นสุดบทสนทนาสั้นๆนี้ ชายที่ชื่อว่าเนโร่ก็กลับไปอ่านหนังสือต่อ ผมแหงนหน้ามองเพดาน ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผมไม่รู้เลยว่าในอนาคตต่อจากนี้ผมจะเจออะไร และหนทางข้างหน้ามันจะโหดร้ายขนาดไหน แต่ผมก็ทำอะไรกับมันไม่ได้ สิ่งเดียวที่ผมทำได้ในตอนนี้คือการอดทนและรอคอยเท่านั้น แม้ว่าผมจะไม่อยากทำเช่นนั้นก็ตาม แต่นี่อาจจะเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นได้

---

ณ ปราสาทแห่งหนึ่งในพื้นที่อาณาจักรฮัปปิสเบริก์ ในห้องที่มีบัลลังค์ตั้งอยู่ รอบๆถูกตกแต่งอย่างสวยงาม หากแหงนหน้ามองขึ้นไปจะเห็นกระจกที่ถูกทาสีเป็นรูปอย่างสวยงาม บนพื้นนั้นถูกปูด้วยพรมสีแดง บนบัลลังค์นั้นมีสตรีผมสีทองนั่งอยู่ เธอใช้นิ้วของเธอม้วนเส้นผมของเธอด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย เบื้องหน้าของเธอมีชายสองคนที่รู้จักในชื่อว่า “เซน่อน” และ “มาร์คัส” ยืนอยู่

“พ่ายมางั้นหรือ” หญิงที่อยู่บัลลังค์ตั้งคำถามกับชายทั้งสอง
“ขอรับ...ตัวข้านั้นต้องกราบขออภัยท่านอลิซเบทด้วยขอรับ” ชายที่มีนามว่าเซน่อนพูด
“ฮ่าๆ...สมแล้วที่พวกเจ้า...ข้ามิได้หวังเลยว่าพวกเจ้าจะคว้าชัยในสงครามครั้งนี้” เสียงเยาะเย้ยดังขึ้น

เซน่อนและมาร์คัสหันไปทางต้นเสียงก่อนจะเห็นชายร่างยักษ์กำลังดื่มเหล้าอยู่ ผมของเขาสีทมิฬไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ผมของเขายังยุ่งเหยิง เช่นเดียวกับกับหนวดสีดำที่อยู่รอบๆคางของเขาเอง คำพูดประโยคนี้ทำให้มาร์คัสแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมาชัดเจน เขาขักดาบของเขาก่อนที่จะชี้ไปที่ชายร่างยักษ์คนนี้

“กาเรธ!! เจ้าว่าเช่นไรนะ” มาร์คัสด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว
“โห...หรือว่าจะไม่จริงล่ะ? แค่ไพร่เจ้ายังชนะไม่ได้เลย” ชายที่ถูกเรียกว่ากาเรธพูดต่อ

มาร์คัสกำดาบแน่น ร่างกายสั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธแค้น เซน่อนจับไหล่ของมาร์คัส มาร์คัสหลับตาลงก่อนที่จะเก็บดาบเข้าไปยังฝักของตัวเอง ชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่ในห้อง เขาเป็นชายผมสีส้มในชุดสีดำ ใบหน้าของเขาเองนั้นก็ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ ข้างลำตัวของเขามีแต่ดาบเต็มไปหมด

“ถ้างั้นคราวหน้า...ข้าขอนำทัพไปเอง” เขาอาสาขึ้นมา
“เจ้างั้นหรือเซย์มัวร์? ถ้าหากเจ้าประสงค์เช่นนั้น ข้าจะมิขัด”
“หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ...ชายที่เคยผ่านความตายมาแล้ว” อลิซาเบทพูดขึ้นประโยคสุดท้าย

เซยมัวร์โค้งก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปคนเดียว
ขึ้นไปข้างบน Go down
Rave
Superstar Grade A
Superstar Grade A
Rave


จำนวนข้อความ : 882
Join date : 17/03/2011

Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward   Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward EmptyMon Oct 15, 2012 9:17 am

เซร์มัวร์นี่เทรพสุดแล้วนะ Very Happy
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sorakara Tatakai : Chapter 2 : Reward
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sorakara Tatakai : Chapter 1 : History
» Artificial Girl : Chapter 3
» Artificial Girl : Chapter 19
» Artificial Girl : Chapter 4
» Artificial Girl : Chapter 20

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: