Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 13

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 13 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 13   Sengoku : 13 EmptyWed Sep 10, 2014 9:44 pm

น้อยคนนักที่จะรู้อีกซีกโลกมีอะไรและมีหลายๆคนต่างอยากได้คำตอบนี้
หากทว่าในวันนี้พวกเขาไม่ต้องหาคำตอบเหล่านั้นอีกแล้วเพราะคำตอบนั้นกำลังแล่นมาหาพวกเขาแล้ว

ณ ปราสาทแคว้นมิโนะ...หรือให้พูดคือปราสาทของตระกูลเท็ตซึยะ หากทว่าวันนี้ดูต่างออกไป เพราะมีไดเมียวจากเกือบทุกแคว้นมารวมกัน ไม่ว่าจะเป็นตระกูลโอนิสึกะ , ตระกูลยาชิโระ , ตระกูลโยชิคุนิ  รวมถึงตระกูลโฮมุระก็ด้วย เหล่าไดเมียวพร้อมกับบริวารที่ไว้ใจได้ของตนต่างเดินเข้าไปในห้องโถง มันเป็นห้องโถงที่ค่อนข้างใหญ่ โดยตรงกลางห้องนั้นเป็นโต๊ะไม้ที่ทำขึ้นมาอย่างดีตั้งอยู่ บนโต๊ะนั้นมีแผนที่กางอยู่ เหล่าไดเมียวที่ถูกรับเชิญต่างนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกวางไว้ใกล้ๆกับโต๊ะ ส่วนเหล่าบริวารนั้นนั่งเบื้องหลังของเจ้านายตนเอง เมื่อเหล่าไดเมียวทุกคนนั่งประจำที่แล้ว ซูตะที่นั่งอยู่หัวโต๊ะก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมา

“พวกท่านคงรู้แล้วใช่ไหมว่าที่ข้าเรียกพวกท่านมาเพื่ออะไร?”

เหล่าไดเมียวทุกคนต่างพยักหน้า

“เมื่อสองสัปดาห์ก่อนแคว้นมากกว่า 10 แคว้นถูกทำลายพินาศจนย่อยยับ”
“โอซึมิ , ซัทซึมะ , ฮิโกะ , เฮียวกะ , บุนโกะ , บุเซ็น , ชิซูเค็น , อิโยะ , โทซะ , อาวะ , ซานุกิ”
“ล้วนแต่ถูกพวกมันทำลายทั้งหมด...”
“ด้วยฝีมือของพวกมัน...ไอ้พวกชาวอังกฤษ” ซูตะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ท่านพอจะเล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” เรียวชินผู้นำตระกูลโอนิสึกะเอ่ยปากถาม
“ได้...ข้าจะเล่าให้ฟัง” ซูตะตอบ

=====

ณ แคว้นฮิเซ็น มันเป็นแคว้นติดชายฝั่งทะเล ซึ่งเป็นหนึ่งในแคว้นที่มีการค้าขายมากที่สุดแคว้นหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น เหล่าพ่อค้าจากต่างแดนมักจะมารวมตัวกันที่นี่ และต่างนำสินค้าจากดินแดนตัวเองมาเสนอขาย เมื่อชาวญี่ปุ่นมาเห็นสินค้าเหล่านั้นก็ต่างพิศวงและตกตะลึงทุกครั้ง ราวกับว่าชาวต่างชาติพวกนี้เป็นนักเวทย์มนต์อะไรอย่างนั้น เรือจากต่างชาติต่างมาเทียบท่าที่นี่โดยไม่สุดสาย หากทว่าคราวนี้ต่างกับคราวก่อน เรือลำใหญ่ มันสูงกว่า 200 ฟุต พร้อมทั้งปืนใหญ่อีกเกือบร้อยกว่ากระบอก โดยมันไม่ได้เทียบท่าเพียงแค่ลำเดียว แต่เทียบท่าถึงสองลำด้วยกัน ชาวบ้านรวมถึงพ่อค้าต่างจับจ้องมาที่เรือทั้งสองลำนี้ ไม่นานนักเจ้าของเรือก็เดินลงมา เขาเป็นชายร่างใหญ่สำหรับชาวญี่ปุ่น ดูเหมือนจะเป็นชาวต่างชาติ  ผมของเขานั้นเป็นสีทอง ดวงตาของเขานั้นเป็นสีน้ำเงิน เขาชวมชุดเกราะสีแดง โดยบนชุดเกราะนั้นมีรูปสิงโตสีทอง เมื่อเขาย่ำเท้าลงสู่ท่าเขาก็กวาดสายตาไปรอบๆ ทุกสายตาเองก็จับจ้องมาที่เขาก่อนที่เขาจะหันไปก่อนจะตะโกนเป็นภาษาอังกฤษ

“บุก”

สิ้นเสียงเหล่าทหารที่ถือปืนก็ต่างวิ่งกรูลงมาจากเรือ เมื่อพวกเขาเหยียบลงสู่พื้นดิน พวกเขาก็ยกปืนก่อนจะเริ่มยิงใส่ชาวบ้านที่กำลังจับจ่ายสินค้าอยู่ กระสุนเจาะร่างของชาวบ้านก็จะล้มลงไปนอนกับพื้น ของเหลวสีแดงออกจากร่างของพวกเขา ทหารประจำแคว้นอิเซ็นวิ่งมาพร้อมกับดาบซามูไร หวังจะหยุดการสังหารครั้งนี้ หากทว่าชายหนุ่มสีทองใช้ดาบใหญ่ของตัดร่างของทหารเหล่านี้ได้อย่างไม่ยากเย็น ทหารอีกกลุ่มหนึ่งรีบวิ่งตรงมาหวังจะจัดการชายจากต่างแดนผู้นี้ แต่ไม่ทันได้เข้าใกล้ กระสุนอีกจำนวนมากลอยมาปลิดชีพของพวกเขาอีก ชาวต่างชาติผู้นี้ดูก่อนจะหันกลับไปที่เรือรบของตนเอง บนเรือนั้นมีสตรีผมสีทองยืนอยู่

“แมรี่...เจ้านำเรือลำนี้อ้อมไปบุกถล่มปราสาทหลังนั้น” ชายคนนี้พูดในขณะที่ชี้ไปที่ปราสาทของแคว้นฮิเซ็น
“รับทราบค่ะ ท่านพี่เอ็ดเวริด์” หญิงสาวนามแมรี่พยักหน้าก่อนจะเริ่มออกเรือ

เรือลำใหญ่นั้นแล่นออกไปช้าๆ ชายผมทองหันหลังกลับไปก่อนจะเห็นกองทัพยกธนูขึ้นมาก่อนจะยิง ลูกธนูจำนวนมากลอยตรงมาที่ชายนามเอ็ดเวริด์ แต่เขาใช้ดาบของเขายกมาป้องกันไว้ได้ ธนูลอยมาปักไว้บนดาบของชายชาวอังกฤษ เหล่านักธนูพวกนั้นหยิบลูกธนูขึ้นมาก่อนจะเตรียมยิงธนูชุดที่สอง แต่ไม่ทันที่พวกเขาจะได้ยิงธนู เอ็ดเวริด์ก็วิ่งมาด้วยความรวดเร็วก่อนจะแกว่งดาบที่ดูหนักอึ้งของเขาอย่างรวดเร็ว ราวกับมันเบาหยั่งปุยนุ่น คมดาบเปิดรอยแผลให้กับเหล่านักธนูพวกนั้น พวกเขาลงไปนอนบนพื้น ก่อนจะพยายามลุกขึ้นมา แต่ดูเหมือนจะไม่เกิดขึ้นเสียแล้ว เอ็ดเวริด์มองร่างไร้วิญญาณพวกนี้ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ขอให้พระผู้เป็นเจ้ารับวิญญาณของพวกเขาเหล่านี้ด้วย...และโปรดอภัยบาปของลูกด้วย”

ในขณะเดียวกันที่ปราสาทของแคว้นนี้ ผู้คนกำลังแตกตื่นกับการบุกรุกของชาวต่างชาติ บนชั้นสูงสุดของปราสาทนั้น ไดเมียวหัวล้านกำลังนั่งหน้าเครียด โดยรอบๆตัวเขามีเหล่ากุนซือมากมายที่กำลังถกเถียงกันอยู่ เสียงมากมายดังขึ้นจนไม่สามารถจับใจความได้ ไม่นานนักก็มีเสียงเปิดประตูขึ้นมา เสียงเปิดประตูนี้ทำให้เหล่ากุนซือเลิกเถียงกันก่อนจะหันมาทางต้นเสียง พวกเขาเห็นทหารจากแคว้นของเขาเอง

“ท่านครับ...ข้างๆปราสาทของเรามีเรือรบอยู่ครับ” ทหารคนนั้นพูดด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
“ว่าไงนะ” ไดเมียวทำสีหน้าตื่นตระหนกก่อนจะวิ่งไปที่ระเบียง

สิ่งที่เขาเห็นคือเรือขนาดใหญ่ที่หันปืนใหญ่มาทางด้านปราสาทตนเอง สาวผมทองที่ยืนอยู่บนเรือออกคำสั่งให้ “ยิง” ลูกระเบิดออกมาจากปากกระบอกก่อนจะลอยมาที่ปราสาท แรงกระแทกนั้นสร้างความสั่นสะเทือนไม่น้อย ผู้คนที่อยู่ในปราสาทไม่สามารถทรงตัวได้ก่อนจะล้มลงไปกับพื้น หากทว่าไม่ใช่แค่ผู้คนนั้นที่ไม่สามารถทรงตัวได้ ปราสาทด้วยก็เช่นกัน โครงสร้างภายในเริ่มพังทลายลงมาช้าๆ ผู้คนที่อยู่ภายในหนีตายกันอย่างอลหม่านพยายามจะวิ่งหนีออกจากปราสาทหลังนี้ หากทว่าพวกเขาหนีไม่สำเร็จเพราะไม่นานนักปราสาทหลังจากนี้ถูกทำลายลงในที่สุด

นี่ไม่ใช่ปราสาทเพียงหลังเดียวที่ถูกทำลายลง แต่ยังมีปราสาทที่โดนทำลายเช่นนี้กว่าอีก 10 แคว้น ไม่มีใครสามารถหยุดยั้งเรือลำใหญ่นี้ได้ และไม่มีใครสามารถหยุดเทคโนโลยีของชาวต่างชาตินี้ได้ และแน่นอนหากไม่มีใครหยุดพวกเขาเหล่านี้ อีกไม่นานทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่นคงถูกทำลายลงในไม่ช้า

เมื่อซูตะเล่าจบลงผู้คนเริ่มฮือฮากับสิ่งที่ซูตะเล่าเช่นเดียวกันกับเหล่าไดเมียวที่นั่งอยู่ เหล่าไดเมียวแต่ละคนต่างทำหน้าครุ่นคิดกับสิ่งที่ เช่นเดียวกันกับเหล่าผู้ติดตามที่ต่างคุยและวิจารณ์กับสิ่งที่ซูตะเล่า เสียงของผู้คนนั้นดังกึกก้องไปทั่ว หนึ่งในไดเมียวอย่างไทโซยกมือขึ้นมา เมื่อผู้คนเห็นไทโซยกมือขึ้นมาก็เริ่มเงียบลงก่อนที่ในที่สุดจะไร้ซึ่งเสียงผู้คนเลย ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ไดเมียวหน้าใหม่อย่างไทโซก่อนที่ไทโซจะเริ่มพูดขึ้น

“แล้วข้าจะรู้ได้เช่นไรว่าเรื่องนี้คือเรื่องจริง...ไม่แน่บางทีเรื่องที่ท่านเล่าอาจจะเป็นเรื่องแต่งก็ได้”
“ท่านพอมีเหตุผลอะไรยืนยันได้รึเปล่า?” ไทโซถามกลับ
“หลักฐานน่ะ...ข้าไม่มีหรอก” ซูตะตอบ

เสียงฮือฮาดังขึ้นก่อนที่ทุกคนจะจับจ้องมาที่ซูตะ ซูตะได้ยินดังนั้นก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนจะเริ่มเดินไปรอบๆพร้อมกับพูดในสิ่งที่อยู่หัวของตนเอง

“แต่ว่าหลักฐานมันจำเป็นจริงๆหรือ? ถ้าหากพวกเราไม่ร่วมมือกัน เพราะข้าไม่มีหลักฐาน”
“และเมื่อชาวต่างชาติบุกมาทำลายเรา พวกเราก็จะไม่มีแผ่นดินยืนอยู่ แบบนั้นมันดีแล้วหรือ?” ซูตะเอ่ยปากถาม
“โทษที...ข้ากลัวว่าเจ้าจะหักหลังน่ะ พอดีข้าได้ยินเรื่องหักหลังของเจ้ามาเยอะ ข้าเลยไม่ไว้ใจน่ะ” ไทโซตอบกลับ

ประโยคทำให้เหล่าผู้ติดตามของซูตะลุกฮือขึ้นด้วยความโมโหก่อนจะชี้หน้าของไทโซพร้อมกับตะโกนสาปแช่ง หากทว่าซูตะทำสัญลักษณ์มือให้หยุด พวกเขาเงียบลงอย่างรวดเร็วก่อนจะนั่งลงไปกับพื้นเช่นเคย บรรยากาศทุกอย่างเงียบลงอีกครั้ง ก่อนที่รอบนี้จะเป็นชายผมยาวที่มีผ้าปิดปากปิดริมฝีปากของเขาอยู่ชูมือขึ้นมา เมื่อเขาชูมือขึ้นเขาก็ลดมือลง ทุกคนต่างมองไปที่เขา เขาคือยาชิโระ อิโอชิมะ

“ข้าอยากจะเสนอว่า...เราร่วมมือกันก่อนและถ้าเรารู้ว่าท่านซูตะหักหลัง”
“พวกเราจะร่วมลงโทษเขาอย่างสาสม”
“ข้าเห็นด้วยกับท่านอิโอชิมะ...วิธีนี้น่าจะปลอดภัยที่สุด” เรียวชินแสดงความเห็นเหมือนกัน

ไทโซกับเคนตะเองก็มองหน้ากันก่อนจะพยักหน้าเช่นกัน ดูเหมือนไดเมียวทุกคนจะตกลงกันได้ ซูตะเห็นดังนั้นก็นั่งลงบนเก้าอี้ หากทว่าหลังจากที่ทุกคนตกลงกันได้ สิ่งต่อมาที่พวกเขาต้องมีคือ “แผนการ” ด้วยกำลังอย่างเดียวคงหยุดชาวต่างชาติพวกนี้ไม่ได้แน่ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาต้องมีอีกอย่างคือ “แผนการ” เหล่าไดเมียวเริ่มพูดขึ้นกันก่อนจะต่างเสนอความคิดขึ้นมา แน่นอนว่ามีหลายไอเดียเกิดขึ้น บ้างก็เป็นไอเดียที่ดูสมเหตุสมผล แต่ในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายไอเดียที่ดูไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่และก็ถูกลืมไปในที่สุด เวลายังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางเหล่าไดเมียวที่ยังคงหารือเกี่ยวกับแผนการที่น่าจะดีพอที่จะล้มผู้รุกรานได้

“ข้านึกอะไรออกอย่างหนึ่ง...” ชายหนุ่มนามเคนตะพูดขึ้นมา
“มันอาจจะไม่ใช่แผนการที่ดีนัก...แต่ข้าอยากจะเสนอให้เราลองไปคุยกับชายคนหนึ่งก่อน”
“ข้าว่าเขาน่าจะช่วยเราเรื่องยุทโธปกรณ์ได้”
“แล้วท่านเคนตะกำลังหมายถึงใครล่ะ? ช่วยแจ้งให้พวกเราทราบซิ” ซูตะเอ่ยปากถาม
“นักประดิษฐ์อัจฉริยะ...โดจิ คาเมอิ” เคนตะตอบ
“แต่ว่าเท่าที่ข้าได้ยินมาการหาตัวคาเมอินั้นยากยิ่งกว่าหาเข็มในมหาสมุทรเสียอีกนะ” เรียวชินแย้ง
“ลูกน้องของท่านอิโอชิมะที่ชื่อว่าฮารุกะมีอาวุธของคาเมอิอยู่ในมือ เธอน่าจะเคยเจอเขามาก่อนนะ” เคนตะพูดขึ้นมา

หญิงในชุดเกราะสีน้ำเงินพร้อมกับผมเปียสีดำที่มีชื่อว่าฮารุกะลุกขึ้นมาก่อนจะแย้งความคิดของเคนตะ

“ข้าต้องทำให้พวกท่านผิดหวัง...หากทว่าข้าไม่ได้อาวุธนี้มาจากมือคาเมอิโดยตรง”
“ข้าได้มาจากคนอื่นอีกทีนึง” ฮารุกะตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชาเช่นเคย
“แล้วคนที่เจ้าว่านี่หมายถึงใคร?” ไทโซเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย
“พ่อข้าเอง...และพ่อข้าก็ถูกสังหารไปแล้ว” ฮารุกะพูดพลางกำหมดของตัวเองด้วยความแค้น

พูดจบฮารุกะก็นั่งลงไปบนพื้นเช่นเคย ในห้องประชุมนั้นยังคงเงียบกันอยู่ ก่อนที่จะเป็นซูตะทำลายความเงียบครั้งนี้

“ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าแผนของท่านเคนตะนั้นใช้ไม่ได้”
“เว้นเสียแต่เราจะมีใครซักคนที่จะอาสาไปตามหาคาเมอิ ซึ่งข้าเองก็ไม่รู้ว่าชายผู้นี้อยู่ไหน”
“ซึ่งถ้าหากมีใครอาสา...ข้าต้องการให้มันหาตัวคาเมอิให้เจอภายในสองวัน!! มีใครอาสาไหม?” ซูตะเอ่ยปากถาม

เสียงซุบซิบดังขึ้น แน่นอนว่างานนี้คล้ายๆกับงานที่เสี่ยงอยู่ไม่น้อย ตัวงานนั้นอาจจะไม่เสี่ยงเท่าไหร่ หากทว่าถ้าเขาคนนั้นทำล้มเหลวคงได้รับบทลงโทษที่รุนแรงไม่น้อย แล้วใครกล้ารับงานนี้ล่ะ? แน่นอนถ้าหากไม่มีใครรับแผนนี้ก็จะไม่ใช้ไม่ได้ แต่ในตอนนี้มันมีแผนอื่นดีกว่านี้แล้วงั้นหรือ? เสียงปรึกษาและเสียงเกี่ยงงานดังขึ้นและดูเหมือนะไม่มี ก่อนที่จะมีมือของชายคนหนึ่งยกขึ้นมาท่ามกลางกลุ่มผู้คน

“ข้าเอง...ข้าอาสาจะรับงานนี้”

สิ้นเสียงของเขา เขาก็ลดมือลงก่อนจะเดินผ่านกลุ่มของเหล่าซามูไร เมื่อเขาเดินผ่านออกมาแล้ว ทุกคนก็ได้เห็นชายร่างเล็ก พร้อมกับผมเปียสีดำและใบหน้าที่ดูงดงามเป็นเอกลักษณ์ของเขา

“ข้า ยาโนะ จะขอรับงานนี้เอง”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 13
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 41
» Sengoku : 9
» Sengoku : 22
» Sengoku : 38
» Sengoku : 10

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: