Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 30

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 30 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 30   Sengoku : 30 EmptyMon Oct 27, 2014 11:05 pm

เมื่อสิบปีก่อน ณ คฤหาสน์เล็กๆ ที่มีสวนรายล้อม ดอกไม้นานาพันธุ์มากมายนับไม่ถ้วนถูกปลูกไว้ ผีเสื้อหลากหลายสีต่างมาเกาะอยู่บนดอกไม้พวกนี้ ชายหนุ่มผมดำตัดสลับขาวที่มีดวงตาคมดุจดั่งเหยี่ยวเดินเข้าไป ผู้คนต่างมองเขาด้วยดวงตาหวาดกลัวและต่างซุบซิบสงสัยว่าเขาผู้นี้เป็นใคร ไม่แปลกเท่าไหร่นักเพราะใบหน้าของนั้นไร้ซึ่งความเป็นมิตร เขายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆก่อนจะถึงห้องๆหนึ่ง เขาคุกเข่าลงไปก่อนจะใช้มือเลื่อน ประตูกระดาษออกไป เมื่อเขาเลื่อนออกไป เขาก็เจอชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ ฝั่งชายนั้นเป็นชายหัวล้านและมีหนวด เขาไม่ใช่ชายร่างท้วมอะไร ออกจะแนวผอมเสียด้วยซ้ำ ข้างๆเขานั้นเป็นสตรีวัยกลางคน ใบหน้าของเธอนั้นมีรอยเหี่ยวย่อย เธอกร้าวผมขึ้นมา เช่นเดียวกันกับชายข้างๆนาง เธอเป็นหญิงร่างบางเช่นกัน ชายผมดำคนนี้คลานเข้าไปในห้องก่อนจะใช้มือของเขาเลื่อนปิดประตูกระดาษ เมื่อประตูถูกปิดลง เขาก็หันกลับมาและก้มกราบชายหญิงคู่นี้

“เจ้าคือ...มาซารุ ที่อาสาจะมาเป็นองค์รักษ์ของตระกูลเราน่ะ?” ชายหัวล้านเอ่ยปากถาม
“ขอรับ ข้ามีนามว่ามาซารุ และข้าก็พร้อมจะรับใช้พวกท่าน” ชายหนุ่มนามมาซารุแหงนหน้ามองและตอบคำถามของเขา
“ด้วยฝีมือระดับเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถเลือกจะรับใช้ตระกูลของไดเมียวได้สบายๆ”
“แต่เหตุใดทำไมเจ้าถึงเลือกรับใช้ตระกูลพ่อค้าอย่างเราล่ะ?” ชายหัวล้านเอ่ยปากถามผู้มาเยือน
“ตัวข้านั้นไม่ประสงค์ที่จะใช้ดาบเล่มนี้เพื่อสังหารผู้อื่น แต่ข้าประสงค์ที่จะปกป้องผู้อื่น” มาซารุตอบ
“ช่างเป็นเจตนารมณ์ที่ดีมาก หลังจากนี้ข้าหวังว่าหลังจากนี้ เจ้าจะปกป้องพวกข้าด้วยชีวิตของเจ้า” ชายหัวล้านพูดกับมาซารุ

มาซารุโค้งอีกครั้งก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เมื่อเขาเดินออกไปนั้น เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะของเด็กผู้หญิง มาซารุเดินไปตามเสียงนั้นก่อนจะเห็นเด็กผู้หญิงผมดำยาวสลวย ในชุดกิโมโนสีน้ำเงิน เธอกำลังเล่นกับบริวารของเธออย่างสนุกสนาน มาซารุยืนจ้องมองเธอ เด็กหญิงคนนี้หยุดเมื่อเธอสัมผัสได้ว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอมองไปก่อนจะเห็นมาซารุจ้องมองตนเองอยู่ เธอดึงแขนกิโมโนของบริวารพลางชี้นิ้วไปที่ชายตาเหยี่ยวที่ยืนมองเธออยู่

“คนนั้นใครอะ” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงใสๆ
“เอ่อ...คือ” บริวารที่ถูกถามพูดด้วยน้ำเสียงอ้ำอึ้ง เพราะเธอก็ไม่รู้ว่าชายคนนี้คือใคร
“ข้ามีนามว่ามาซารุ เป็นองค์รักษ์คนหาของตระกูลนี้ แล้วเจ้าล่ะ?” มาซารุตอบพร้อมกับตั้งคำถามขึ้นมา
“ข้ามีนามว่าฮารุกะ เป็นลูกสาวของตระกูลนี้” เด็กสาวคนนี้พูดด้วยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความภูมิใจ
“ถ้างั้นหลังจากนี้ข้าก็จะปกป้องชีวิตของท่านด้วยชีวิตของข้า เช่นเดียวกันกับชีวิตของพ่อแม่ของท่าน” มาซารุคุกเข่าลงไป

ตระกูลมายะ (หรือให้พูดอีกนัยก็คือตระกูลที่มาซารุรับใช้นั่นแหละ) เป็นตระกูลพ่อค้าประจำเมือง ซึ่งพวกเขาจะเป็นคนคอยซื้อผลผลิตของชาวนา ไม่ว่าจะเป็นพืชไร่หรือพืชสวน หรือแม้แต่ข้าว เขาจะนำไปขายให้ตั้งแต่ชนชั้นสูงจนไปถึงชนชั้นทั่วไป กล่าวคือไม่ว่าจะเป็นใครก็ต่างต้องจ่ายเงินให้กับตระกูลมายะทั้งนั้น พอผมเล่ามาถึงจุดนี้ บางคนก็อาจจะสงสัยว่าแล้วถ้างั้นตระกูลมายะต้องการองค์รักษ์ไปทำไมกัน? เรื่องราวมันจะเริ่มหลังจากนี้

เกี้ยวสีดำถูกยกขึ้นโดยเหล่าบริวาร เบื้องหลังของเขานั้นมีเกวียนจำนวนมากที่ขับตามเขามา มาซารุนั้นเดินอยู่ข้างๆเกี้ยวพลางมองทิวทัศน์ไปรอบๆ มันเป็นทุ่งหญ้ามากมาย ชาวนาที่ทำงานกันอย่างหลังขดหลังแข็ง แสงแดด นั้นอาบใบหน้าของพวกเขา เช่นเดียวกันกับหงาดเหงื่อที่ไหลท่วมใบหน้าของชาวนาเหล่านั้น ซักพักนั้นเหล่าบริวารก็วางเกี้ยวสีดำนั้นลงกับพื้น ก่อนที่ชายหัวล้านจะก้าวออกมาจากเกวียน เมื่อเขาก้าวเท้าออกมาจากเกวียน เหล่าชาวนาก็ต่างทิ้งงานของพวกเขาและต่างตรงมาล้อมเขาราวกับชายคนนี้เป็นศาสดาของศาสนาอะไรซักอย่าง

“ทุกท่าน...ข้ากลับมาแล้วและข้าก็พร้อมจะจ่ายเงินอย่างงานให้กับทุกคนที่นำสินค้าชั้นดีมาให้ข้า” ชายหัวล้านตะโกนสุดเสียง

เมื่อเหล่าชาวบ้านได้ยินก็ต่างวิ่งกันไปหยิบผลผลิตของตัวเองลงใส่ตะกร้าก่อนจะนำมาให้ชายคนนี้ดู เขาเริ่มดูผลผลิตทุกอย่างละเอียด ละเอียดชนิดที่ว่าละเอียดเกินไปเสียด้วยซ้ำ แม้แต่ตำหนิเล็กๆน้อย เขาก็ยังเอามาใช้เป็นข้ออ้างในการลดจำนวนเงินที่เขาจะจ่ายเพื่อซื้อสินค้า มันคงไม่ใช่ปัญหาหรอกถ้าหากเขาทำแค่คนสองคน แต่เขาทำเช่นนี้กับทุกคนๆที่ต่อแถว แต่ด้วยความที่ว่าไม่บ่อยนักที่จะมีพ่อค้าผ่านมาแถวนี้ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนัก พวกเขาก็ต้องก้มหน้าก้มตารับไว้ จนกระทั้งมาถึงคนหนึ่ง เขาเป็นชายหัวล้านร่างยักษ์ ร่างกายท่อนบนของเขานั้นไม่ได้สวมเสื้อผ้าอะไร ผิวของเขานั้นคล้ำไปเพราะยืนอยู่ท่ามกลางแสงแดด เขาวางตะกร้าลงข้างหน้าของพ่อค้าคนนี้ ในตะกร้านั้นเต็มด้วยข้าวโพดหลายฝัก พ่อค้าร่างผอมหยิบข้าวโพดขึ้นมาก่อนจะเริ่มอุบายของตน แต่ไม่ทันที่คำพูดของเขาจะได้ถ่ายทอดออกมา ชายร่างยักษ์คนนี้ก็จับไปที่ไหล่ของพ่อค้าหัวใส และจ้องมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยแรงข่มขู่ มาซารุผู้เป็นองค์รักษ์เดินตรงไปหาชายร่างยักษ์คนนี้ก่อนจะบอกให้เขาปล่อยเจ้านายของตน แต่ชายคนนี้เพิกเฉยต่อคำเตือนนั่น มาซารุจับไปที่ไหล่ของเขา ชายร่างยักษ์ใช้มือผลักมาซารุออกไป แรงผลักนั้นทำให้มาซารุล้มลงไปกับพื้น มาซารุลุกขึ้นมาจากพื้นก่อน ก่อนจะเอ่ยปากเรียกชายคนนั้น ชาวนาร่างยักษ์หันกลับมาก่อนจะเจอมาซารุออกแรงทุ่มลงไป ร่างของบุรุษผู้นี้กระแทกลงไปกับพื้น ฝุ่นนั้นลอยขึ้นมาจากผืนพสุธา

“อย่าแตะร่างของเจ้านายของข้าอีก” มาซารุพูดกับชายร่างใหญ่

หลังจากที่ชายหัวล้านแห่งตระกูลมายะซื้อสินค้าของเขาเสร็จ เขาก็เดินทางกลับไปที่คฤหาสน์ของเขา เขาลงไปนั่งลงกับพื้นพร้อมกับสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่าไหร่ เขาลงไปนั่งกับพื้นก่อนจะบ่นไม่หยุด เขาพูดเร็วมาก ขนาดมาซารุที่นั่งอยู่ใกล้ๆยังจับใจความไม่ทัน เมื่อเขาอารมณ์เย็นลงและหยุดพูด ชายหนุ่มหัวล้านผู้นี้ก็คว้ากาน้ำชาและรินลงไปในแก้วจนเกือบเต็มก่อนที่เขาจะใช้มืออันผอมแห้งคว้าแก้วและยกดื่ม เขาวางลงบนผืนเสื่อ เมื่อเขาวางแก้วลง องค์รักษ์ของเขาที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็เริ่มเปล่งเสียงขึ้นมา

“นี่เป็นครั้งแรกรึเปล่าขอรับที่ท่านทำแบบนี้?” ชายตาเหยี่ยวเอ่ยปากถาม
“ข้าทำแบบนี้ทุกครั้งแหละ” เจ้านายของเขาตอบ
“เพราะเช่นนี้เลยทำให้ท่านต้องถูกหมายปองตลอดใช่ไหมขอรับ” มาซารุเอ่ยปากถามต่อ
“มั้ง” ชายหัวล้านตอบสั้นๆพลางหยิบน้ำชามาดื่ม
“ทำไมท่านไม่ลองทำธุรกิจอย่างใสสะอาดล่ะขอรับ?” มาซารุเสนอเจ้านายของตน
“ใสสะอาดงั้นเรอะ? ไม่มีทางหรอก บนโลกของการค้า ความใสสะสะอาดคือหนทางสู่ความอับจน”
“เจ้าไม่เคยเดินบนถนนสายนี้ เจ้าไม่รู้หรอกว่าทำยังไง” ชายหนุ่มหัวล้านต่อว่าลูกน้องของตน
“ข้าต้องขอโทษด้วยขอรับที่ก้าวก่ายท่าน” มาซารุก้มกราบเพื่อเป็นการแสดงการขอขมา

ชายหัวล้านเห็นดังนั้น เขาก็ไม่ได้พูดอะไร มาซารุก็คลานออกไปจากห้อง เมื่อเขาออกมา เขาก็ลุกขึ้นมาก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาเดินไปตลอดทาง หัวของเขาคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วหรือ? สำหรับตัวเขาเขามองว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องแต่ในขณะเดียวกันคำสั่งของเจ้านายไม่มีทางผิด ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอยและเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ลูกบอลสีขาวก็ลอยตรงมาทางเขา มาซารุยังไหวตัวทันก่อนจะใช้มือทั้งสองคว้าบอลไว้ได้ มันเป็นบอลเคมาริ ขนาดเล็ก ดูเหมือนจะเป็นบอลสำหรับเด็ก

**เคมาริ = เป็นการละเล่นอย่างหนึ่ง โดยผู้เล่นทั้งสองจะเดาะบอลขึ้นฟ้า และใช้ส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อไม่ให้บอลตกพื้น โดยลูกบอลนั้นทำมาจากหนังกวาง ซึ่งการละเล่นนี้ จอร์ช ดับเบิ้ล ยู บุช เคยเล่นตอนมาเยือนประเทศญี่ปุ่นด้วย**

เมื่อเขารับบอลไว้นั้น เขาก็เห็นบริวารของฮารุกะวิ่งตรงมาที่เขา พลางชี้ไปที่ลูกบอลที่อยู่ในมือของเขา มาซารุก้มมองก่อนจะยื่นบอลไปให้กับเธอ เธอรับไว้ก่อนจะโค้งขอบคุณมาซารุก่อนจะวิ่งกลับไป มาซารุชะโงกหน้าออกไปก่อนจะเห็นบริวารคนเมื่อครู่นี้ยื่นลูกบอลสีขาวให้กับเด็กผมสีดำยาวสลวย ในวันนี้เธอสวมชุดกิโมโนสีแดงสด บนเนื้อผ้านั้นมีลายของดอกไม้นานาพันธุ์ เมื่อเธอรับลูกบอลนั้นเธอก็หันไปมอง เธอเห็นมาซารุ เธอก็ส่งยิ้มให้พลางโบกมือให้กับมาซารุ ชายหนุ่มที่ถูกทักทายก้มโค้งให้กับเด็กสาวคนนี้ ฮารุกะในเยาว์วัยก้มมองลูกบอลของตนก่อนจะเงยหน้ามามองมาซารุ

“มาเล่นด้วยกันไหมล่ะ มาซารุ” ฮารุกะเชิญชวน
“ถ้าหากท่านประสงค์ดังนั้น” มาซารุโค้งให้

ฮารุกะโยนบอลไปทางมาซารุก่อนที่มาซารุจะใช้เท้าเดาะบอลไปทางฮารุกะ เขาเดาะด้วยแรงนิดเดียว เพื่อให้เด็กสาวอายุ 10 ปี ส่งลูกกลับมาง่ายๆ เด็กสาวนามฮารุกะใช้มือของเธอตบลูกขึ้นมาเพื่อส่งกลับไปให้กับคู่ของตน ทั้งสองเล่นกันไปได้ ซักพักก่อนที่จะเป็นมาซารุที่รับบอลไม่ได้ก่อนที่บอลจะตกพื้นไป ฮารุกะก้มลงไปก่อนจะเก็บบอลขึ้นมาใหม่ เธอมองหน้าของมาซารุก่อนจะเอ่ยปากถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

“ทำไมสีหน้าของเจ้าดูไม่ค่อยดีเลย...ไม่สบายรึเปล่า?” ฮารุกะเอ่ยถาม
“เปล่าขอรับ ตัวข้านั้นสบายดี” มาซารุปฏิเสธ
“แล้วมีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ฮารุกะถามต่อ
“ไม่มีขอรับ” มาซารุปฎิเสธอีกครั้ง

ฮารุกะมองด้วยสายที่บ่งบอกชัดเจนว่าเธอไม่เชื่อในคำพูดของมาซารุ หากทว่าเธอก็ไม่ได้พูดอะไร มาซารุก้มโค้งก่อนจะเดินจากไป

=====

ในค่ำคืนนั้น ในขณะที่มาซารุกำลังหลับอยู่ เขานอนอยู่ในฟูกของเขาอย่างสุขสบาย ช่วงนิทรานั้นเป็นช่วงเดียวที่เขาไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องรู้สึกอะไร หากทว่าค่ำคืนอันแสนสงบสุขของเขาก็ถูกทำลายลง เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงไอร้อนอะไรบางอย่าง มันทำให้เขาลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเขาลืมตาตื่นขึ้นมา เขาเห็นห้องของเขารุกไปด้วยเพลิง เขารีบลุกขึ้นมาพร้อมกับคว้าดาบที่อยู่ใกล้ๆตัวของเขาขึ้นมา เขารีบเลื่อนประตูกระดาษออกก่อนจะวิ่งออกจากห้องของเขา เมื่อเขาออกมาสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือทางเดินที่ถูกเปลวเพลิงครอบงำ เขารีบเร่งฝีเท้าของเขาไปยังห้องของเจ้านายของเขา เขาใช้มือของเขาเลื่อนประตูออก สิ่งที่เขาเห็นนั้นคือร่างของเจ้านายของและร่างของภรรยาของชายหัวล้านนอนอยู่บนพื้น เบื้องหน้าพวกเขามีชายอีกคนที่ถือดาบที่เปื้อนโลหิตอยู่ เขาใส่หน้ากากปิดบังใบหน้าของเขา มาซารุเห็นดังนั้นด้วยความโกรธเขาจึงพุ่งไปพร้อมกับใช้ดาบฟันเข้าไปที่ร่างของเขา ด้วยความรวดเร็วของชายตาเหยี่ยวมันไม่ทันทำให้ชายปริศนาไม่ทันจะได้ยกดาบมาปัดป้อง คมดาบนั้นเปิดปากแผลของชายคนนี้ ฆาตกรกุมปากแผลของเขาก่อนจะรีบถอยออกไป มาซารุไม่ได้ไล่ตามอะไรแต่เขาเลือกจะก้มลงไปดูร่างของเจ้านายของเขา

“ข้าอ่อนแอ....ข้าช่วยพวกท่านไม่ได้” มาซารุกล่าวขออภัยกับร่างไร้วิญญาณของเจ้านาย

มาซารุลุกยืนขึ้นมาก่อนจะได้ยินเสียงของใครบางคนเดินตรงเข้ามา มาซารุรีบหันกลับไปก่อนจะเห็นร่างของฮารุกะที่ยืนอยู่ข้างหลังตน ใบหน้าของมาซารุเมื่อเห็นเด็กสาวคนนี้ก็ยิ้มด้วยความยินดี หากทว่าดวงตาของเธอนั้นเบิกโพลนด้วยความกลัว เธอเห็นร่างของพ่อแม่ของเธอที่นอนอยู่ที่พื้น เธอเห็นโลหิตที่ติดอยู่บนคมดาบของมาซารุ มาซารุก้มมองคมดาบของตัวเองก่อนจะเข้าใจทันทีว่าฮารุกะทำไมถึงตื่นกลัว แต่ไม่ทันที่มาซารุจะได้เอ่ยปากพูดอะไรทั้งสิ้น เธอก็กรีดร้องก่อนจะวิ่งหนีออกไป มาซารุพยายามวิ่งตามออกไป เมื่อเขาวิ่งออกไปสิ่งที่เขาเห็นคือความมืดมิด เขาพยายามกวาดสายตาหาฮารุกะและปรับความเข้าใจกับเธอ แต่ไม่ว่าเขาจะเพ่งเล็งสายตาและมองไปทางไหน เขาก็ไม่เจออะไรทั้งสิ้น ในขณะที่เขากำลังตามหาอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงของผู้คนวิ่งตรงมาทางเขา มันเป็นเหล่าทหารประจำแคว้นที่เขาอยู่ พวกเขาล้อมกรอบมาซารุอย่างรวดเร็ว มาซารุเห็นดังนั้นก็ได้แต่ปล่อยดาบลงพื้น

มาซารุถูกจับขังไว้ในกรงตลอดทั้งคืน และเมื่อเช้าเหล่าทหารก็นำตัวไปพบกับโชกุน มือของเขาไขว้หลังและถูกเชือกผูกไว้ เบื้องหน้าของเขาคือไดเมียวประจำแคว้นที่นั่งอยู่ตรงข้ามของเขา ข้างๆของไดเมียวมีขุนนางที่ยืนถือกระดาษอยู่ เขาอ่านเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับไดเมียวฟัง เจ้าของแคว้นฟังพลางพยักหน้า เมื่อเขาอ่านจบเขาก็ม้วนกระดาษของเขาก่อนจะถอยออกจากข้างๆตัวเจ้านายของเขา ไดเมียวหันมามองมาซารุที่นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาจ้องมองชายคนนี้ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและความโกรธเกรี้ยว ก่อนจะเอ่ยปากถามชายตาเหยี่ยวที่นั่งบนพื้น

“มาซารุ...ข้าถามตรงๆ เจ้าฆ่าตระกูลมายะรึเปล่า?”
“ไม่ใช่ข้าขอรับ” มาซารุปฏิเสธทันควัน
“งั้นหรือ...แล้วดาบของเจ้าที่เปื้อนเลือดนั่นแปลว่าอะไรหรือ มาซารุ?” ไดเมียวเอ่ยปากถามมาซารุต่อ
“ข้าจะใช้ดาบนี่ฟันเข้าไปที่ร่างของคนที่จะฆ่าเจ้านายของข้า” มาซารุตอบคำถามของชายคนนี้
“แล้วร่างของคนที่เจ้าฟันล่ะ? หายไปไหน?” ไดเมียวกดดันมาซารุอย่างต่อเนื่อง
“มันหนีไปได้ ตัวข้านั้นไร้ความสามารถ เพลงดาบของข้านั้นไม่ดีพอจึงทำให้มันหนีไปได้” มาซารุกล่าวโทษตัวเอง

ไดเมียวได้ยินก็พยักหน้าก่อนจะกระซิบกับขุนนางที่นั่งข้างๆตน เมื่อเขาพูดกันเสร็จก็หันกลับมาคุยกับมาซารุ

“ถ้าหากไม่ใช่เจ้าที่เป็นคนร้าย ดังนั้นก็เป็นไปได้ว่าใครจะเป็นคนฆ่าตระกูลมายะ” ไดเมียวเริ่มพูด
“คนๆนั้นคือ ฮารุกะ” ไดเมียวพูดต่อ
“เดี๋ยวก่อนท่าน!! นางยังเป็นเด็ก จะเป็นไปได้ยังไงกันที่นางเป็นฆาตกร”
“อีกอย่างคนร้ายคือคนที่ข้าฝากรอยแผลไว้บนกลางลำตัว ดังนั้นไม่ใช่นางแน่นอน” มาซารุปกป้องคุณหนูฮารุกะ
“แต่เจ้าก็หาชายคนนั้นมายืนยันไม่ได้นี่...ถ้าไม่ใช่เจ้าก็ต้องเป็นนาง” ไดเมียวพูดสวนกลับไป

มาซารุเงียบ มันเป็นอย่างที่เขาพูด เขาไม่มีหลักฐานอะไรมาโต้แย้งเลย เขากัดริมฝีปากตัวเอง ในหัวของเขาคิดหาวิธีปกป้องคุณหนูแห่งบ้านมายะ ในฐานะที่เขาเป็นองค์รักษ์แห่งตระกูลมายะแล้ว สิ่งสุดท้ายที่เขาต้องปกป้องก็คือเด็กสาวคนนี้

“ข้าสารภาพก็ได้....คนฆ่าตระกูลมายะคือข้าเอง” มาซารุพูดขึ้นมา
“แล้วสิ่งที่เจ้าพูดก่อนหน้านี้ทั้งหมดล่ะ? โกหกงั้นหรือ?” ไดเมียวเอ่ยปากถาม
“ใช่ ข้าโกหก” ชายตาเหยี่ยวตอบ
“ในตอนแรกข้าคิดจะหาทางเอาตัวรอด แต่ถ้าหากข้าโกหกแล้วคุณหนูต้องรับโทษ”
“ข้าสู้รับโทษแทนนางดีกว่า” มาซารุพูดด้วยสายตาแน่วแน่

ไดเมียวคนนี้พยักหน้า

“ตามจริงข้าต้องประหารเจ้า แต่เพราะเจ้ารับสารภาพออกมา โทษของเจ้าจึงเป็นจำคุกเท่านั้น” ไดเมียวพูดกับมาซารุ
“ทหาร!! นำตัวมันไปขัง” ผู้มีอำนาจตะโกนสั่งให้ทหารจับตัวเขาไป

ทหารพยุงตัวมาซารุไปก่อนจะจับไปในห้องขัง มันเป็นห้องขังห้องเดิมที่เขาอยู่ ชายหนุ่มคนนี้นั่งอยู่ในนี้เกือบครึ่งทศวรรษ เขาเห็นนักโทษมากมาย เข้าออกห้องขังแห่งนี้ ทุกวันเขาได้แต่นั่งนึกถึงวันในอดีต และเขาก็ได้แต่นึกสงสัยว่าในตอนนี้เด็กผู้หญิงที่เขาปกป้องนั้นเป็นยังไงแล้ว? ชีวิตเธอกินดีอยู่ดีไหม? เธอเจอชายที่รักเธอหรือเปล่า? สำหรับมาซารุนั้น “ฮารุกะ” เปรียบเสมือนสิ่งสุดท้ายที่เหลืออยู่ให้เขาปกป้อง และในตอนนี้เขาก็ได้ทำหน้าที่ของเขาแล้ว และแล้วในวันหนึ่งกองทัพตระกูลเท็ตซึยะก็บุกเข้ามา มันเป็นชัยชนะที่สุดแสนจะง่ายดายของตระกูลเท็ตซึยะ ชายหนุ่มผมสีดำและชายชุดเกราะหนักนาม “จิน” เปิดประตูห้องขังมา เขาเห็นมาซารุนั่งอยู่บนพื้น มาซารุหันมามอง จินเดินมาที่ประตูห้องขังก่อนจะเปิดลูกกรง ซูตะเดินตรงมาก่อนจะยื่นมาทางมาซารุที่นั่งอยู่บนพื้น

“เหยี่ยวดำ มาซารุ...ข้าต้องการพลังของเจ้า”
“ในการครองใต้หล้า...ข้าต้องการพลังของเหยี่ยวตัวนี้!! เพื่อช่วยมังกรอย่างข้า” ซูตะพูดด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขาม

มาซารุพยักหน้าก่อนจะคว้ามือนี้ไหว เขาตัดสินใจรับใช้ตระกูลเท็ตซึยะ เพื่อที่จะได้มีโอกาสออกไปเจอหน้าคุณหนูของเขาอีกครั้ง แม้ว่าเธอจะมองเขาเช่นไหร่ แต่หน้าที่ของเขาก็ยังเช่นเดิม หลังจากนี้บันทึกก็ได้เขียนแต่เรื่องสงครามต่างๆที่เขาเคยร่วม ตั้งแต่สงครามบุกยึดแคว้นทังโกะ สงครามต่างชาติ รวมถึงวันนี้

”วันนี้อาจจะเป็นวันสุดท้ายของข้าที่ได้เขียนบันทึกฉบับนี้ ท่านซูตะเป็นนายที่ดี และข้าก็ต้องขอบคุณเขาที่ทำให้ข้ามีวันนี้ ข้าเองก็ต้องขอบคุณมูชิและจินเช่นกันที่เป็นเพื่อนคุยกับข้า หากทว่าข้าคงไม่สามารถลงมือฆ่าคุณหนูฮารุกะได้หรอก เพราะยังไงข้าก็ยังเป็นองค์รักษ์ของตระกูลมายะอยู่”

=====

ยาโนะอ่านบันทึกฉบับสุดท้ายแล้วก็เข้าใจความรู้สึกของฮารุกะทันที ยาโนะโอบร่างของเธอไว้พลางใช้มืออีกข้างลูบหัวนาง ยาโนะพูดกับนางเบาๆว่า “ไม่เป็นไร” “ไม่เป็นไร” หากทว่าฮารุกะกลับร้องไห้ดังขึ้นมาอีก เธอร้องไห้ราวกับเด็กๆ นี่เป็นครั้งแรกที่ชายหน้าหวานได้เห็นด้านที่อ่อนแอของนาง ยาโนะยังคงสวมกอดเธอต่อไป จนกระทั้งเธอหยุดร้องไห้ ยาโนะปล่อยเธอออก ฮารุกะเองก็ไม่ได้พูดอะไร เธอได้แต่ก้มหน้าก้มตา

“แย่แล้วครับ ท่านยาโนะ!!” ชายหนุ่มตาเดียวนามอากิโตะวิ่งขึ้นมาด้วยสีหน้าแตกตื่น
“อะไรหรือ อากิโตะ?” ยาโนะเอ่ยปากถาม
“มะกี้นินจาของเรารายงานมาว่า ตระกูลยาชิโระ ถูกทำลายแล้วขอรับ” อากิโตะรายงาน

ฮารุกะได้ยินคำพูดนี้รีบวิ่งลงไปข้างล่างก่อนจะขึ้นม้าและควบไป ยาโนะเห็นดังนี้ก็ต้องรีบขึ้นม้าและตามเธอไป ยาโนะหันกลับมาหาเท็ตซึกะก่อนจะบอกให้เขานำทัพกลับตระกูลทังโกะ ก่อนที่ยาโนะจะควบม้าตามหญิงคนนั้นไป ไม่มีใครรู้เลยว่าข้างหน้ามีอะไร และเกิดอะไรขึ้น แต่จิตใจของเด็กสาวนามฮารุกะนั้นปวดร้าวราวกับโดนเกาทัณฑ์นับล้านดอกปักลงไปที่หัวใจของนาง
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 30
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 41
» Sengoku : 9
» Sengoku : 22
» Sengoku : 38
» Sengoku : 10

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: