Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion"

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion" Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion"   Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion" EmptySun Nov 30, 2014 10:35 pm



----------------------------------------------------

“ขอทางหน่อยครับ” ชายในชุดสูทสากลสีดำปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับชูบัตรประจำตัวเหนือศีรษะ เหล่าผู้คนที่ต่างมุงดูกับเหตุการณ์บางอย่างจึงค่อยๆหลีกทางให้กับเขาอย่างว่าง่าย ชายคนดังกล่าวค่อยๆลอดผ่านเทปตำรวจสีเหลืองสำหรับป้องกันไม่ให้ผู้คนเข้าใกล้ที่เกิดเหตุ สำหรับเขาทีสามารถลอดผ่านเทปดังกล่าวได้โดยไม่มีใครขัดข้องแสดงว่าเขาต้องเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือไม่ก็ผู้ที่เกี่ยวข้อง

“เป็นยังไงบ้าง?” ชายในชุดสูทสอบถามกับตำรวจที่กำลังตรวจสอบร่างโชกเลือดของชายผู้หนึ่ง เขาไม่มีลมหายใจอีกต่อไปแล้ว หรือต่อให้มีเขาก็คงสาหัสจนยากที่จะช่วยเต็มทนเพราะศีรษะของเขาบุบเละจนแทบจะเห็นสิ่งที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะ

“สภาพดูไม่จืดเลยผู้หมวด” ตำรวจผู้นั้นกล่าว ชายที่ถูกเรียกว่าผู้หมวดจึงเดินไปตรวจสอบสภาพศพของชายนิรนามผู้เคราะห์ร้าย

“ใช่ ดูไม่จืดเลยจริงๆ” ผู้หมวดพูดขึ้น

“คงมีใครใช้วัตถุแข็งๆฟาดใส่เขา จากนั้นก็ฟาดย้ำๆที่ศีรษะจนเละใช่ไหมครับ?” นายตำรวจตั้งข้อสันนิษฐาน

“ไม่ใช่” ผู้หมวดปฏิเสธข้อสันนิษฐานของนายตำรวจอย่างไม่ใยดี ทำให้นายตำรวจถึงกับทำหน้าเจื่อนๆ

“ดูที่กำแพงสิ” ผู้หมวดกล่าว พร้อมชี้นิ้วไปที่กำแพง เผยให้เห็นรอยเลือดที่เริ่มแห้ง

“รอยเลือดจากศพ และเป็นสาเหตุของสภาพศีรษะเละแบบนั้น”

“ดังนั้นจึงสันนิษฐานได้ว่า เขาเสียชีวิตจากการที่ศีรษะกระแทกกับกำแพง ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า” ผู้หมวดจำลองเหตุการณ์

“อย่างนี้นี่เอง คนร้ายลอบทำร้ายเขาจากด้านหลัง แล้วเอาศีรษะของเขากระแทกกับกำแพงสินะครับ?” นายตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานอีกครั้ง

“ไม่ใช่” และผู้หมวดก็ปฏิเสธข้อสันนิษฐานของนายตำรวจอีกครั้งเช่นกัน ทำให้นายตำรวจเริ่มคิดได้ว่าเขาควรรับฟังเฉยๆจะดีกว่า

“สภาพศพของเขา ไม่มีร่องรอยใดๆนอกจากที่ศีรษะ ซึ่งหมายความว่าไม่มีร่องรอยของการต่อสู้หรือขัดขืนเลย นายคิดว่าเขาจะยอมให้ถูกโขกกำแพงซ้ำๆแบบนั้นง่ายๆงั้นหรือ? สรุปได้ว่าการที่ศีรษะของเขากระแทกกำแพงซ้ำๆ เกิดจากความเต็มใจของเจ้าตัวเอง” ผู้หมวดอธิบายยาวเหยียดจนเห็นภาพ

“งั้นก็แสดงว่า...” นายตำรวจพูดทิ้งช่วง ก่อนที่ผู้หมวดจะพูดต่อขึ้นมา

“เขาฆ่าตัวตายด้วยการเอาศีรษะกระแทกกำแพงซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

----------------------------------------------------

“หม่าม้า!!??”

โนโดกะเปล่งคำพูดนั้นออกมาอย่างยากลำบากเมื่อได้เห็นบุคคลตรงหน้า หญิงสาวผู้มีผมยาวไปจนถึงแผ่นหลังสีน้ำตาล เธอมีดวงตาสีน้ำตาลและใบหน้าที่ดูเรียวสวย เธอคว้าแขนของมิสะที่กำลังจะลงมีดกับสองวิญญาณหนุ่มสาวที่ดูไร้ทางสู้

จะว่าไปก็เธอดูคล้ายกับโนโดกะในรูปแบบที่สูงวัยยังไงยังงั้น...

“เจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ที่ดีต้องไม่ทำร้ายวอนเดอร์เรอร์นะ” หญิงสาวคนนั้นกล่าวกับมิสะ

ภาพในอดีตของโนโดกะเริ่มย้อนกลับเข้ามาในความทรงจำ อดีตที่ทำให้เธอเชื่ออยู่เสมอว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าเธอได้จากไปแล้ว...

คุณแม่ของเธอ...

----------------------------------------------------

“โนโดกะจัง ทำใจดีๆไว้นะลูก หม่าม้าจากเราไปแล้วนะ” คำพูดของผู้เป็นพ่อทำให้โนโดกะนิ่งเงียบ เธอยังคงอ้าปากค้างเพราะเธอเพิ่งจะถามถึงคุณแม่ของเธอไป

“ไม่จริงใช่ไหมคะป๊ะป๋า” โนโดกะพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ช่วยแลบลิ้นแล้วบอกว่าป๊ะป๋าล้อเล่นเหมือนทุกครั้งสิคะ... ได้โปรด...” น้ำใสๆเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตาของโนโดกะ แม้ริมฝีปากของเธอจะพยายามฝืนยิ้มด้วยความหวังเพียงเล็กน้อยว่าเรื่องทั้งหมดที่เธอได้ยินจะไม่ใช่ความจริง

“ลูก...” โนโดกะถูกคุณพ่อของเธอดึงมาสวมกอด ทำให้เธอเริ่มปล่อยโฮออกมา

“หม่าม้าจากไปแล้วจริงๆลูก... หม่าม้าไม่อยู่กับเราแล้ว...” ผู้เป็นพ่อยังคงตอกย้ำความจริงให้โนโดกะได้รับรู้ มันยิ่งทำให้น้ำตาของโนโดกะไหลพรากออกมามากกว่าเดิม มากเสียจนเปียกเสื้อผ้าของผู้เป็นพ่อที่ยังคงกอดและลูบศีรษะเธอเบาๆ

คุณแม่ของเธอได้จากไปแล้วจริงๆ...

----------------------------------------------------

“ปล่อยหนู!!! หนูจะไปหาหม่าม้า!!!!!”

โนโดกะพยายามที่จะขอดูใบหน้าคุณแม่เธอเป็นครั้งสุดท้ายในงานศพที่ถูกจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย แต่กลับถูกคุณพ่อของเธอห้ามปรามไว้โดยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้โนโดกะต้องมานั่งร้องไห้ฟูมฟายอีก จนทำให้เธอถึงกับโวยวายและร้องไห้ออกมาอย่างไม่อายใครท่ามกลางสายตาของแขกเหรื่อที่จ้องมองเธอเป็นตาเดียว ทำให้คุณพ่อต้องพาตัวเธอออกมานอกงานชั่วคราวเพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายจนกระทั่งโนโดกะเริ่มสงบสติอารมณ์ได้โดยมีคุณพ่อของเธอคอยดูแลตลอด

หลังจากสิ้นสุดพิธีศพของคุณแม่ของโนโดกะ คุณพ่อของเธอก็ได้จากไปอีกคน...

การด่วนจากไปแทบจะต่อเนื่องกันของคุณพ่อและคุณแม่ทำให้โนโดกะเกือบจะตรอมใจและหมดอาลัยตายอยาก โชคดีที่เธอยังมี คาวากุชิ มิโอะ เพื่อนสนิทที่สุดของเธอคอยอยู่เคียงข้างมาตลอด ทำให้โนโดกะที่สิ้นหวังจึงเริ่มกลับมาร่าเริงอีกครั้ง...

----------------------------------------------------

“โนโดกะจัง!!” เสียงของ “คุณแม่” ทำให้โนโดกะกลับมาสู่ปัจจุบันอีกครั้ง ในขณะที่เธอกำลังสับสน “คุณแม่” ของเธอก็โผเข้ามาสวมกอดเธอแบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว

ไออุ่นของอ้อมกอดอันคุ้นเคยทำให้น้ำตาของโนโดกะเริ่มไหลรินอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข เธอกอดคุณแม่ของเธออย่างแนบแน่นด้วยความคิดถึงอย่างเปี่ยมล้นราวกับเกรงว่าบุคคลที่อยู่ตรงหน้าจะหายไปอีกเป็นครั้งที่สอง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ที่ยืนมองด้วยความยินดีเมื่อโนโดกะได้พบเจอกับคนในครอบครัวที่จากไปนานอีกครั้งหนึ่ง

----------------------------------------------------

หลังจากที่โนโดกะได้พบเจอกับ “คุณแม่” ของเธอหรือโฮชิมุระ โนโซมิ เจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต่างได้เวลาพักผ่อนชั่วคราวและวางแผนที่จะจัดการกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ระหว่างนั้นโนโดกะที่ได้พบเจอกับคุณแม่อีกครั้งก็ได้พูดคุยถึงเรื่องราวต่างๆ แน่นอนว่าโนโดกะมีเรื่องที่จะต้องถามและพูดคุยกับคุณแม่ของเธออีกมากมาย

“สรุปคือหม่าม้าก็เป็นเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์เหมือนกันงั้นหรอคะ?” โนโดกะถามขึ้นหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวบางส่วนจากคุณแม่ของเธอ

“ใช่แล้วล่ะ” โนโซมิยิ้ม

“และคุณโนโซมิก็เป็นเจ้าหน้าที่ระดับแนวหน้าด้วย เก่งยิ่งกว่าชั้นหลายเท่าเลยล่ะ” มิสะเสริม

“แหม ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมิสะจัง” โนโซมิถ่อมตัว

“ที่หม่าม้าหายไป เพราะหม่าม้าติดอยู่ในมิติวิญญาณระหว่างปฏิบัติภารกิจ แน่นอนว่าเรื่องนั้นป๊ะป๋าเองก็รู้ หม่าม้าขอโทษด้วยนะที่ทำให้ลูกต้องเสียใจ” โนโซมิสำนึกผิดอย่างใจจริง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่รู้ว่าตอนนี้หม่าม้ายังมีชีวิตอยู่ก็พอแล้วค่ะ” โนโดกะกล่าว

“พิธีศพแบบหลอกๆนั่นป๊ะป๋าก็เป็นคนจัดการเอง เพื่อให้ลูกเชื่อว่าหม่าม้าตายแล้วจริงๆ แต่อย่าโกรธป๊ะป๋าเลยนะ ป๊ะป๋าคงไม่อยากให้ลูกต้องมาพัวพันกับเหตุการณ์อะไรแบบนี้” โนโซมิกล่าวขอโทษแทนสามีของเธอ

“แหะๆ ไม่ทันแล้วล่ะค่ะ ตอนนี้หนูเป็นเจ้าหน้าที่แห่งหน่วยอัลฟ่าไปแล้ว” โนโดกะพูดพร้อมทำท่ากำมือขึ้นฟ้า ทำให้โนโซมิหัวเราะคิกคักในความทะเล้นของลูกสาว

“อีกอย่างหนูไม่โกรธป๊ะป๋าหรอกค่ะ หนูเข้าใจ เพราะอย่างนี้นี่เอง ป๊ะป๋าถึงไม่ยอมให้หนูได้เห็นหน้าหม่าม้าเป็นครั้งสุดท้าย” โนโดกะเริ่มนึกถึงเหตุการณ์ที่งานศพเมื่อในอดีต ที่เธอร้องไห้ฟูมฟายหลังจากที่คุณพ่อพยายามห้ามไม่ให้เธอได้พบหน้าคุณแม่ในโลงศพเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งถ้าหากเธอได้เปิดโลงศพในตอนนั้นออกมาก็คงมีแต่ความว่างเปล่า และอาจจะทำให้เธอโวยวายหนักกว่าเดิมที่ศพของคุณแม่เธอหายไป

“ต้องขอบคุณคุณริวเฮย์กับคุณอากิโกะด้วยนะ ที่ช่วยเหลือหม่าม้าระหว่างที่ติดอยู่ในมิติวิญญาณ” โนโซมิพูดถึงวิญญาณวอนเดอร์เรอร์ชายหญิงสองตน เขาและเธอมีชื่อว่า คุเซะ ริวเฮย์ และคุเซะ อากิโกะ ซึ่งเกือบจะถูกมิสะจัดการไปแล้วแต่โชคดีที่โนโซมิมาห้ามได้ทันท่วงที เขาและเธอเป็นวิญญาณสองสามีภรรยาที่สิงสถิตย์อยู่ในบ้านแห่งนี้ จะเรียกว่าเป็น “ผู้มีพระคุณ” ของโนโซมิก็คงไม่ผิดนัก

“ไม่คิดเลยนะคะว่าคุณโนโซมิจะเป็นคุณแม่ของโนโดกะ” มิสะพูดขึ้น

“เพราะนามสกุลไม่เหมือนกันสินะ ชั้นไม่ได้เปลี่ยนนามสกุลตามสามีน่ะ” โนโซมิไขข้อสงสัยเกี่ยวกับนามสกุลของเธอ ซึ่งทำให้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าโนโดกะจะเป็นลูกสาวของสุดยอดเจ้าหน้าที่อย่างโนโซมิได้

“เปล่าหรอกค่ะ ที่ชั้นพูดหมายถึง... แม่กับลูกนี่ต่างกันราวฟ้ากับเหวต่างหาก” ที่มิสะพูดคงหมายถึงความสามารถของโนโดกะและโนโซมิที่ต่างกันเหลือเกิน เพราะโนโซมินั้นเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ระดับสุดยอดของหน่วยอัลฟ่า ในขณะที่โนโดกะยังคงเป็นเจ้าหน้าที่ระดับธรรมดาๆแถมยังดูไม่เอาไหนอีกต่างหากในบางครั้ง

“คุณมิสะ ช่วยชมชั้นบ้างก็ได้นะคะ” โนโดกะงอนหน้างอ

“ชั้นเป็นคนทำให้ภารกิจที่รีสอร์ทลุล่วงไปด้วยดีนะ” โนโดกะเริ่มโอ้อวดวีรกรรมของตนเอง

“ตอนนั้นเธอยังถ่อมตัวอยู่เลยนี่นา ตอนนี้มาอวดซะแล้ว” มิสะแซว

“สนิทกันจังเลยนะ” โนโซมิพูดขึ้น

“ไม่ใช่ซะหน่อย!!” ทั้งโนโดกะและมิสะต่างพูดพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย ทำให้โนโซมิอดอมยิ้มไม่ได้

“เอาล่ะ เลิกผ่อนคลายกันได้แล้ว” มิสะปรับน้ำเสียงของตัวเองให้ดูซีเรียสจริงจังขึ้นจนทำให้เจ้าหน้าที่บางคนถึงกับปรับอารมณ์แทบไม่ทัน รวมทั้งโนโดกะที่ยังคงรู้สึกมีความสุขและผ่อนคลายอยู่

“เราต้องวางแผนกันก่อน ตอนนี้เรายังไม่รู้ตัวบงการของวิญญาณที่อยู่ข้างนอกพวกนั้น สู้ไปก็ไม่มีประโยชน์” มิสะกล่าว

“ผมว่าผมน่าจะพอรู้นะครับ” เจ้าหน้าที่ทุกคนหันควับไปทางต้นเสียง นั่นก็คือเสียงของวอนเดอร์เรอร์ผู้เป็นสามีหรือริวเฮย์ วิญญาณผู้ที่สิงสถิตย์อยู่ในบ้านหลังนี้

“ผมรู้สึกได้นะครับถึงพลังบางอย่างที่พยายามจะควบคุมอากิโกะภรรยาของผม”

“พลังอะไรงั้นหรือ?” มิสะถาม

“ผมก็บอกไม่ถูกครับ แต่มันพยายามจะควบคุมให้ภรรยาผมทำบางสิ่งบางอย่าง แต่ผมช่วยเธอไว้ได้ทัน  ผมว่ามันน่าจะมาจากวิญญาณตัวบงการอะไรอย่างที่คุณว่ามา พวกที่อยู่ข้างนอกนั้นก็คงโดนพลังนั่นควบคุมเหมือนกัน” ริวเฮย์อธิบาย

“แต่น่าแปลกที่ผมกลับไม่ได้โดนพลังอะไรนั่นไปด้วย”

“หืม... มีแต่วิญญาณผู้หญิงที่จะโดนพลังอะไรนั่นงั้นรึ...” มิสะลูบคางพลางครุ่นคิด

“พวกเวนเดททร้าที่อยู่ข้างนอกก็มีแต่ผู้หญิงนะ” มาโมรุตั้งข้อสังเกต

“อืม... เลือกทั้งเหยื่อที่เป็นเพศหญิง และวิญญาณที่เป็นเพศหญิง น่าจะเป็นพวกที่มีความพยาบาทต่อผู้หญิงล่ะมั้งนะ” มิสะคาดเดา

“คงจะเป็นพวกที่อกหักจากสาวมาแน่ๆเลย” โนโดกะพูดขึ้นแบบขำๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เธอก็พูดในลักษณะนี้ไปสองครั้งแล้วถูกมองด้วยสายตาตำหนิ

“อาจเป็นไปได้” แต่คราวนี้ผิดคาดเมื่อมิสะเออออตามโนโดกะไปด้วย ทำให้โนโดกะถึงกับร้องว่า “เห??”

“เรื่องที่มันน่าแค้นมันก็มีแต่เรื่องรักๆใคร่ๆนี่ล่ะนะ” มิสะกล่าว

“ชั้นก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” มาโมรุก็เห็นด้วย

“ถ้าแบบนั้นล่ะก็...”

ยังไม่ทันที่มิสะจะพูดจบ อยู่ๆวิญญาณอากิโกะภรรยาของริวเฮย์ก็พุ่งออกไปนอกบ้านอย่างรวดเร็วแบบที่ทุกคนไม่ทันตั้งตัว แม้กระทั่งตัวริวเฮย์เอง ในขณะที่ทุกคนกำลังหยุดนิ่งด้วยความตกตะลึงอยู่นั้น วิญญาณริวเฮย์ก็พุ่งตามอากิโกะไปติดๆ

“หรือว่านั่นจะเป็น...” โนโดกะที่กำลังตกตะลึงอยู่พูดตะกุกตะกัก

“รีบตามไปเร็ว!!!” มิสะพูดแทรกโนโดกะขึ้นมา ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างพุ่งไปที่ประตูและเคลียร์สิ่งกีดขวางที่ประตูออก เป็นผลทำให้เวนเดททร้าที่อยู่ข้างนอกบางส่วนหลุดเข้ามาข้างในบ้าน แต่ก็ถูกมิสะใช้มีดสั้นในมือจัดการมันจนหมด

“นั่นต้องเป็นฝีมือของเจ้าตัวบงการแน่นอน” เมื่อมิสะพูดจบเจ้าหน้าที่ทุกคนก็ต่างจับอาวุธในมือของตัวเองไว้มั่นแล้วบุกตะลุยออกไปนอกบ้านทันที

----------------------------------------------------

“นี่คุณหมายความว่ายังไง??” ชายหนุ่มถามหญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้ที่อยู่เบื้องหน้าของตนเองด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนจะได้ยินอะไรบางอย่างที่เขาไม่อยากจะเชื่อหูจากปากของหญิงสาว

“นายหูหนวกหรอ?? ชั้นบอกว่าเราเลิกกันเถอะ” หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนๆ

“ทำไมล่ะ?? ผมมันไม่ดีตรงไหน??” ชายหนุ่มยังคงดูมีท่าทีที่ไม่เข้าใจ

“นี่นายอย่าพูดมากได้ไหม?? เลิกก็คือเลิก อย่ามาเซ้าซี้น่ารำคาญ” หญิงสาวพูดแบบไม่ใส่ใจความรู้สึกของคู่สนทนาแม้แต่น้อยแล้วทำท่าจะหันหลังเดินกลับ

“เวลาที่ผ่านมาคุณไม่เคยรักผมเลยหรอ?? ทำไมคุณทำกับผมแบบนี้!!” ชายหนุ่มตะคอกแล้วคว้าแขนหญิงสาวที่กำลังจะเดินหนี

“ปล่อยนะ!!” หญิงสาวสะบัดแขนออกด้วยท่าทีรังเกียจ

“บอกให้ตรงๆเลยละกันนะ หน้าตาเหียกๆอย่างนายคิดเหรอว่าชั้นจะสนใจ ถ้านายไม่มีเงินน่ะ?? ห๊ะ?? ชั้นยอมคบกับนายเพราะนายมีเงินไง แต่ตอนนี้นายมันถังแตก” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสุดทน

“เห๊อะ!! ไม่มีผู้หญิงที่ไหนจะยอมทนลำบากกับผู้ชายที่มีแต่ตัวหรอก จำใส่กะโหลกไว้ด้วย!!”

“แต่ผมรักคุณจริงๆนะ!!” ชายหนุ่มยังคงไม่ยอมแพ้

“แล้วรักมันกินเข้าไปได้ไหมล่ะ!!!” หญิงสาวแผดเสียงใส่ชายหนุ่มจนเขานิ่งไป แต่หญิงสาวก็ไม่สนใจเดินจากไปทั้งๆแบบนั้น ปล่อยให้ชายหนุ่มผู้ผิดหวังจากความรักทรุดลงอยู่ตรงนั้นราวกับร่างอันไร้วิญญาณ

“ทำไมล่ะ... แค่ความรักมันไม่พอหรือยังไง...” ชายหนุ่มพร่ำเพ้ออยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยว พลางคิดถึงอดีตอันหอมหวานระหว่างเขากับหญิงสาว ในตอนนั้นเขาเป็นยังเป็นเจ้าของธุรกิจและมีฐานะพอสมควร ก่อนที่ธุรกิจของเขาจะมาล้มละลายทำให้เขาแทบไม่เหลืออะไร เมื่อหญิงสาวทราบข่าวแทนที่จะให้ความช่วยเหลือกลับเริ่มตีตัวออกห่างเขาเรื่อยๆและตัดความสัมพันธ์กับเขาในที่สุด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะคบกับเขาเพียงเพราะสิ่งๆเดียวนั่นคือ “เงิน” ไม่ใช่ “ความรัก”

“พวกผู้หญิง... มันชั่ว... นังสารเลว...” ชายหนุ่มเริ่มพยุงตัวขึ้นอย่างอ่อนแรง เขาเดินเซจนเกือบล้ม แต่โชคดีที่เขาใช้มือทั้งสองข้างยันกำแพงไว้ได้ทัน เขาใช้ศีรษะของตนกระแทกกับกำแพงเบาๆ จากกระแทกเบาๆกลายเป็นแรงขึ้น... แรงขึ้น... จนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเลือด แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่หยุด... เขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดทางกายอีกต่อไปแล้วเมื่อจิตใจของเขาถูกทำร้ายจนเจ็บปวดมากยิ่งกว่า

จนกระทั่งศีรษะของเขาทนแรงกระแทกซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่ไหวอีกต่อไป สติของเขาดับวูบพร้อมกับร่างอันไร้สติของเขาที่ล้มลงไปตรงนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่าร่างที่กองอยู่กับพื้นตรงนั้นยังมีลมหายใจอยู่หรือไม่...

----------------------------------------------------


แก้ไขล่าสุดโดย ฟ้ามืด เมื่อ Sun Dec 14, 2014 10:08 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ขึ้นไปข้างบน Go down
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion" Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion"   Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion" EmptySun Nov 30, 2014 10:37 pm

เหล่าเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์วิ่งตามริวเฮย์ที่พุ่งตัวตามอากิโกะโดยที่ไม่มีใครรู้ว่าจุดหมายของอากิโกะอยู่ที่ใดกันแน่ และเพราะเหตุใดอากิโกะถึงพุ่งตัวออกไปแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยแบบนั้น ท่ามกลางเวนเดททร้าหญิงสาวที่เข้ามาโจมตีเป็นระยะๆ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาต่อเหล่าหญิงสาวสังกัดองค์กรพิฆาตผีที่ถูกฝึกฝนมาอย่างดี

“อากิโกะ!! หยุดนะ!!” ริวเฮย์ตะโกน แม้รู้ดีว่ามันไม่ได้ช่วยอะไรสักนิด อากิโกะยังคงพุ่งตัวด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่ทั้งริวเฮย์และเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ต่างวิ่งตามไปติดๆ

เวนเดททร้าตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปโจมตีโนโซมิซึ่งเป็นคนเดียวที่ไม่มีอาวุธติดตัว ดูเหมือนว่าเวนเดททร้าตัวนั้นจะคิดผิดอย่างมหันต์ที่เข้าไปโจมตีสุดยอดเจ้าหน้าที่อย่างโนโซมิ เมื่อมันถูกโนโซมิหมุนตัวเตะเข้าเต็มๆจนกระเด็นหายไป โนโดกะเองก็มองดูเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยความตะลึงที่เห็นว่าคุณแม่ของเธอนั้นมีความสามารถขนาดนี้ โนโซมิเมื่อรู้สึกตัวว่าถูกมองก็หันไปยิ้มเล็กๆให้กับโนโดกะ

“ฝีมือไม่ตกเลยนะคะคุณโนโซมิ” มาโมรุพูดขึ้น พร้อมโยนปืนพกที่อยู่ในมือขวาให้โนโซมิ ซึ่งเธอก็ยกมือขึ้นรับแม้ยังไม่รู้เหตุผลว่ามาโมรุจะโยนให้เธอทำไม

“ชั้นให้ยืมค่ะ ยังไงๆคุณโนโซมิก็ต้องมีอาวุธติดมือบ้างนะคะ” มาโมรุขยิบตาให้โนโซมิ เธอพยักหน้าและยิ้มให้มาโมรุพร้อมควงปืนพกกระบอกนั้นอย่างชำนาญ

“ขอบใจนะมาโมรุจัง” โนโซมิกล่าวขอบคุณพร้อมใช้อาวุธปืนในมือยิงใส่เวนเดททร้าอีกตัวที่เข้ามาโจมตีจากทางด้านหลังราวกับมีเรดาห์ประจำตัว ซึ่งแม้กระทั่งโนโดกะเองที่วิ่งตามโนโซมิอยู่ข้างหลังแท้ๆยังไม่ทันเห็นเวนเดททร้าตัวดังกล่าวด้วยซ้ำ

อากิโกะที่พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วอยู่นานได้หยุดกึกและลอยค้างกลางอากาศ ทำให้ริวเฮย์หยุดตามอากิโกะ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ที่วิ่งตามมาก็หยุดเช่นกัน ทุกคนต่างมองไปยังอากิโกะเพื่อดูสถานการณ์ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป เหมือนว่าทุกคนใกล้จะได้คำตอบแล้วว่าทำไมอากิโกะถึงพุ่งตัวออกจากบ้านแบบไม่มีเหตุผลแบบนั้น

เวนเดททร้าหญิงสาวที่คอยตามรังควานเหล่าเจ้าหน้าที่เริ่มลอยไปรวมตัวยังจุดที่อากิโกะลอยอยู่ แสดงให้เห็นว่าบริเวณนี้มีเวนเดททร้าหญิงสาวเป็นจำนวนมาก เมื่อทุกคนเห็นดังนั้นก็อดคิดไม่ได้ว่าวิญญาณหญิงสาวพวกนี้มาจากไหนกัน หรือจะเป็นวิญญาณของเหยื่อหญิงสาวที่หายไปจริงๆ แต่มันมีจำนวนมากขนาดนี้เลยหรือ?

หลังจากที่ตรงหน้าของริวเฮย์และเหล่าเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์เต็มไปด้วยวิญญาณเวนเดททร้าหญิงสาวซึ่งหนึ่งในนั้นมีอากิโกะรวมอยู่ด้วย เวนเดททร้าทุกตัวก็ต่างหยุดนิ่งแบบนั้นกลางอากาศราวกับรอใครบางคนหรืออะไรบางอย่าง ทุกคนที่เฝ้ามองเหตุการณ์ต่างสงสัยในท่าทีของพวกมัน ก่อนที่คำตอบจะถูกไขกระจ่างเมื่อเวนเดททร้าอีกตัวหนึ่งปรากฏขึ้นมาท่ามกลางเวนเดททร้าหญิงสาวตรงนั้น

แต่ทว่ามันเป็นเวนเดททร้าเพศชาย แม้ร่างกายของมันจะอยู่ในชุดที่ดูสะอาดสะอ้าน แต่บริเวณศีรษะของมันดูแทบไม่ได้ เพราะกะโหลกศีรษะของมันบุบเละและแตกร้าวจนเห็นบางอย่างที่อยู่ภายในกะโหลกศีรษะนั้น ราวกับโดนอะไรบางอย่างกระแทกเข้าอย่างรุนแรง เลือดไหลอาบใบหน้าจนดูแทบไม่ออกว่าหน้าตาของมันจริงๆแล้วเป็นอย่างไร เวนเดททร้าหญิงสาวที่อยู่รอบๆตัวมันเริ่มหมุนวนร่างของมันเป็นวงแหวน รวมทั้งอากิโกะก็รวมอยู่ในวงแหวนนั้นด้วย

“อากิโกะ!!” ริวเฮย์เรียกชื่อเธอแต่ทว่าเธอถูกหลอมรวมไปอยู่ในวงแหวนนั่นจนดูไม่ออกแล้วว่าเธออยู่ตรงไหน ทำให้ริวเฮย์พุ่งเข้าไปอย่างไม่สนอันตรายแต่ก็พบว่าวงแหวนนั่นตัดร่างของริวเฮย์จนขาดกระจุยและสลายหายไปทันที ท่ามกลางความตกตะลึงของเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ ที่แม้กระทั่งวิญญาณด้วยกันเองยังถูกจัดการอย่างโหดเหี้ยม คนที่รู้สึกสลดใจมากที่สุดคงเป็นโนโซมิที่ได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดีจากวิญญาณสองสามีภรรยาที่เปรียบเสมือนผู้มีพระคุณของเธอ

“เอาล่ะ... นังแพศยาทั้งหลาย” เวนเดททร้าเพศชายที่อยู่ตรงหน้าพูดด้วยน้ำเสียงดังกังวาน

“เรียกใครว่านังแพศยากันห๊ะ!!!” มาโมรุแผดเสียงด้วยความโมโหที่ถูกเรียกด้วยถ้อยคำหยาบคายเช่นนั้น เธอใช้ปืนลูกโม่ในมือยิงใส่เวนเดททร้าตรงหน้าทันที กระสุนพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่ามันไร้ผล เมื่อวงแหวนที่ล้อมรอบตัวมันตัดลูกกระสุนออกเป็นเสี่ยงๆแล้วสลายหายไปทันที

“ผู้หญิงที่ให้ความสำคัญแต่กับเงิน มันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกผู้หญิงแพศยานักหรอก” เวนเดททร้าชายหัวเราะ

“หึ!! พวกแกทำอะไรชั้นไม่ได้หรอก อย่าพยายามเลย มาเป็นส่วนหนึ่งของชั้นเถอะ” มันยังคงพูดต่อไปโดยไม่สนใจ

“ไอ้เวรเอ้ย!!” ด้วยความที่อารมณ์มาโมรุยังคงเดือดพล่าน เธอจึงสบถพร้อมประเคนลูกกระสุนขนาดจุดสี่สี่แม็กนั่มใส่เวนเดททร้าปากเสียตัวนั้นอีกครั้ง และผลก็ออกมาเหมือนเดิมเมื่อกระสุนถูกตัดออกเป็นเสี่ยงๆเช่นเคย ดูเหมือนความเลือดร้อนของมาโมรุในตอนนี้จะไม่เป็นผลดีสักเท่าไหร่ มันทำให้กระสุนของมาโมรุเสียไปโดยเปล่าประโยชน์เรื่อยๆ

“ต้องหาทางทำลายวงแหวนนั่นให้ได้” มิสะพูดขึ้น

“สไมล์ ใช้เฮฟเว่นส์ แอร์โรว์ยิงใส่มัน” สิ้นคำสั่งของมิสะ มิโนริหรือสไมล์ก็จัดการใช้ปืนไรเฟิลติดลำกล้องของเธอยิงใส่เวนเดททร้า กระสุนพุ่งตรงไปอย่างรวดเร็วและเฉียบขาด แต่ทว่ากระสุนนั้นก็ยังถูกวงแหวนมรณะตัดออกเป็นเสี่ยงๆไม่ต่างกับกระสุนปืนลูกโม่ของมาโมรุ ดูเหมือนกระสุนไรเฟิลเจาะเกราะจะไม่สามารถทำอันตรายวงแหวนมรณะนี้ได้เช่นกัน

“ดื้อจังนะ... ก็บอกแล้วว่าพวกแกทำอะไรชั้นไม่ได้” เวนเดททร้าชายยิ้มเยาะ

“ชั้นมาชักชวนดีๆแล้วนะ ถ้าไม่ยอมกันก็คงต้องใช้กำลังบังคับสักหน่อย แต่ชั้นชอบให้โอกาส ดังนั้นชั้นให้เวลาอีกสิบวินาทีนะสาวๆ” มันพูดด้วยน้ำเสียงดังกังวานแต่ฟังดูกวนประสาท ก่อนที่มันจะนับเลขถอยหลังจากสิบอย่างสบายใจ

“เอายังไงดีคะคุณมิสะ” โนโดกะเริ่มหวั่นเกรงกับศัตรูตรงหน้าถามมิสะโดยที่มือของเธอเกาะโนโซมิคุณแม่ของเธอไว้แน่น ในขณะที่ศัตรูตรงหน้านับเลขถอยหลังไปเรื่อยๆนั้น มิสะยังคงมีสีหน้าที่ดูมั่นใจราวกับว่าศึกครั้งนี้ยังไงๆพวกเธอก็ชนะ แม้ว่าดูจากสถานการณ์แล้วพวกเธอจะดูเสียเปรียบเป็นอย่างมาก

“ดูเหมือนแกจะดูถูกพวกชั้นมากไปนะ” มิสะพูดพร้อมยิ้มมุมปาก

“เตรียมโดนอะไรหนักๆไว้ได้เลยนะ...” มิสะพูดเป็นปริศนา ก่อนที่เซต้าจะปรากฏตัวมาอยู่ข้างๆเธอ มิสะหันหน้าไปมองเซต้าเล็กน้อยก่อนที่จะออกคำสั่ง

“เซต้า ใช้คามิคาเซ่”

“รับทราบ” สิ้นคำสั่งของมิสะ เซต้าก็พุ่งตัวไปยังเวนเดททร้าตรงหน้าทันที ท่ามกลางความงุนงงของโนโดกะที่ไม่เข้าใจว่ามิสะกำลังจะทำอะไร แต่คนอื่นๆกลับดูเข้าใจในแผนการของมิสะทำให้โนโดกะอดถามไม่ได้

“คุณมิสะ คุณจะทำอะไรน่ะ??” โนโดกะถามขึ้น

“เซต้าคามิคาเซ่ มันคือระเบิดที่ติดตัวอยู่กับเซต้า มันจะเปลี่ยนเซต้าให้กลายเป็นระเบิดสังหาร” มิสะอธิบาย

“แล้วที่คุณมิสะให้เธอพุ่งไปก็หมายความว่า...”

“ระเบิดพลีชีพยังไงล่ะ” มิสะสรุปให้โนโดกะฟังด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับไม่รู้ตัวว่าสิ่งที่เธอทำมันไม่ต่างอะไรกับการส่งเซต้าไปตายชัดๆ...

“ทำไมคุณทำแบบนั้นล่ะคะ!! แบบนั้นเซต้าก็จะถูกทำลายไปด้วย!!” คำพูดของมิสะทำให้โนโดกะเผลอพูดขึ้นเสียงใส่มิสะโดยไม่ตั้งใจ แต่มิสะยังคงยิ้มมุมปากและหันหน้าไปพูดกับเธอ

“ขนาดสร้างเธอยังทำได้... ซ่อมเธอคิดว่าเราจะทำไม่ได้เชียวหรือ?”

หลังจากนั้นเซต้าก็พุ่งตัวไปข้างหน้าด้วยความเร็ว เวนเดททร้าชายยังคงยิ้มเยาะเหมือนคิดว่าเหล่าเจ้าหน้าที่พิฆาตผีกำลังทำอะไรที่มันไร้ประโยชน์อีกเช่นเคย มันยังคงนับเลขถอยหลังด้วยน้ำเสียงกวนประสาทโดยไม่รู้ว่าบุคคลที่กำลังพุ่งเข้าไปหานั้นไม่ได้มาในฐานะ “มนุษย์” แต่มาในฐานะ “ระเบิด”

เมื่อเซต้าพุ่งเข้าไปใกล้ตัวของมันแล้ว ร่างกายของเธอก็มีเสียงเหมือนกลไกอะไรบางอย่างทำงานภายในตัว เสียงนั้นดังเป็นจังหวะเรื่อยๆ จากจังหวะช้ากลายเป็นเร็ว และมันก็เร็วขึ้น... เร็วขึ้น... จนเป็นเสียงถี่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ศัตรูตรงหน้ากำลังนับถอยหลังใกล้ถึงศูนย์

มันไม่รู้ตัวเลยว่ามันกำลังนับถอยหลังวันพินาศของมันอยู่...

ตูม!!!!!!!!

เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณจนเจ้าหน้าที่บางคนถึงกับต้องปิดหู ตึกราบ้านช่องที่อยู่ใกล้ๆก็ถูกแรงระเบิดไปด้วยจนเสียหาย ควันฟุ้งกระจายจนมองแทบไม่เห็นอะไรตรงหน้า แต่ที่แน่นอนคือเซต้าได้ถูกทำลายไปพร้อมๆกับศัตรูเป็นที่เรียบร้อย แต่ดูเหมือนไม่มีใครเศร้าเสียใจเท่าไหร่เพราะใครๆต่างก็รู้ดีว่ายังไงๆเซต้าก็จะถูกซ่อมแซมกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้แน่นอน

“บอกแล้วอย่าดูถูกกัน” มิสะพูดขึ้นอย่างสะใจเมื่อทำลายศัตรูได้

แต่ดูเหมือนมิสะจะคิดผิด...

เพราะเมื่อกลุ่มควันจางลง มิสะที่ยิ้มมุมปากหุบยิ้มลงอย่างรวดเร็ว เพราะเวนเดททร้าที่น่าจะถูกทำลายไปพร้อมๆกับเซต้ายังคงอยู่ ดูเหมือนวงแหวนที่ป้องกันตัวมันจะหายไป เศษชิ้นส่วนของเซต้าที่รอนำไปซ่อมแซมกระจายเกลื่อนตามพื้น ดูเหมือนศึกนี้จะยังไม่จบ แต่อย่างน้อยก็ทำให้วงแหวนมรณะถูกทำลายไปได้

“แสบไม่เบาเลยนะพวกแก แต่ชั้นยังไม่ตายโว้ยอีดอก” เวนเดททร้าชายคำราม

“ในสภาพที่ที่เหลือแต่ตัวยังมาปากดีอีก” มาโมรุตะโกน

“ชั้นจะจับพวกแกมาเป็นบริวารให้หมดเลยคอยดูเถอะ!!”

“แกน่ะคงผิดหวังในผู้หญิงมาสินะ ถึงได้เกลียดผู้หญิงแบบนี้” คำพูดนั้นทำให้เวนเดททร้าชายหยุดกึกราวกับถูกแทงใจดำ

“แกผิดหวังจากผู้หญิงคนเดียวแล้วมาเหมารวมว่าผู้หญิงทุกคนมันเลวหมดงั้นหรือ?? ทุเรศสิ้นดี!! แกทำให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรด้วยต้องมาสังเวยชีวิตกับผู้ชายเฮงซวยอย่างแก!!” มิสะตะคอก แต่ดูเหมือนว่าเจ้าเวนเดททร้าที่ไร้ซึ่งเกราะป้องกันจะไม่สนใจคำพูดนั้นและพุ่งเข้าไปยังกลุ่มเจ้าหน้าที่ทันที  โดยไม่สนเลยว่าเหล่าเจ้าหน้าที่ที่อยู่ตรงหน้ามีเยอะกว่าตั้งหลายเท่า อีกทั้งตัวเองที่ไร้ซึ่งเกราะป้องกันนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเวนเดททร้าธรรมดาๆตัวหนึ่งที่ไร้ซึ่งพลังอำนาจใดๆโดยสิ้นเชิง

“พวกผู้หญิงมันชั่ว!! มันเลว!! มันเห็นแก่เงิน!! ดีแต่หลอกแดกผู้ชายพอหมดประโยชน์แล้วก็ทิ้ง!!” มันพูดพร่ำเพ้อพร้อมเข้าโจมตีเหล่าเจ้าหน้าที่ แต่ก็ถูกกระสุนปืนลูกโม่ของมาโมรุยิงใส่จนกระเด็น มันได้รับความรุนแรงจากกระสุนไปเต็มๆเพราะไม่มีอะไรคอยดูดซับอำนาจของกระสุนให้อีกแล้ว เหมือนกระสุนจากมาโมรุอย่างเดียวจะยังไม่จบ เมื่อมีกระสุนปืนกลหนึ่งชุดจากเวอร์ดี้ซัดเข้าไปอีก ร่างของมันพรุนไปด้วยลูกกระสุน แต่มันก็ยังไม่สิ้นฤทธิ์พยายามพุ่งเข้าไปหวังที่จะโจมตีเหล่าเจ้าหน้าที่พร้อมยังบ่นพึมพำจนฟังไม่ได้ศัพท์ ทำให้มันถูกกระสุนปืนไรเฟิลจากมิโนริเข้าไปอีกหนึ่งนัด

คราวนี้ร่างของมันลงไปกองกับพื้นเป็นที่เรียบร้อย มันพยายามจะพยุงตัวเองขึ้นมาในขณะที่เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างเดินเข้ามาหาโดยที่มีมิสะเดินนำหน้า มิสะเดินเข้าไปหาเวนเดททร้าผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากกระสุนหลายรูปแบบที่พยายามเอื้อมมือมาจับขาของมิสะ มิสะมองมันด้วยสายตาสมเพชเวทนาก่อนที่เธอจะสะบัดแขนให้มีดสั้นของเธอออกมาจากแขนเสื้อ

“แกมันก็แค่คนที่อกหักแล้วไม่ยอมปล่อยวางเท่านั้นแหละ...” นั่นคือคำพูดสุดท้ายของมิสะก่อนที่คมมีดของเธอจะตัดผ่านร่างของมันจนสลายไป

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ทุกคนก็หลุดจากมิติวิญญาณจนได้ ทุกคนต่างคลายความเครียดและอึดอัดที่สั่งสมมานาน โดยเฉพาะโนโดกะที่ดูดีใจเป็นพิเศษเพราะเธอได้คนในครอบครัวเธอกลับมาคนหนึ่ง เวอร์ดี้ มิโนริและมาโมรุต่างพากันเก็บชิ้นส่วนของเซต้าเพื่อนำกลับไปซ่อมแซมต่อไป

“แค่ความผิดหวังของผู้ชายคนหนึ่ง... ทำให้เกิดเรื่องอะไรเลวร้ายแบบนี้ขึ้นได้” มิสะส่ายหน้า

“จริงๆชั้นว่าต้องโทษนิสัยของผู้หญิงบางคนด้วยนะคะ ที่เห็นค่าของเงินมากกว่าค่าของความรัก” โนโดกะกล่าว

“ชั้นเห็นด้วยกับโนโดกะจังนะ อย่างสามีชั้นก็ไม่ได้รวยอะไรมากมาย แต่เขารักชั้นคนเดียว แค่นี้มันก็เพียงพอแล้ว” โนโซมิเสริมในเชิงเห็นด้วยกับลูกสาว

“ทุกคน!!” เสียงของผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น พร้อมการปรากฏตัวของเจ้าหน้าที่โกสท์ฮันเตอร์ฝ่ายผู้ชายที่ไม่ได้ไปอยู่ในโลกวิญญาณด้วย ทุกคนยังคงอยู่พร้อมหน้าไม่ว่าจะเป็นมิคาโดะ เชน โนบุฮิเดะ เกล เรียว และเอ็นสึเกะ

“ปลอดภัยใช่ไหม?” เชนถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ใช่ แล้วดูสิว่าใครอยู่กับเราด้วย” มิสะพูดพร้อมผายมือไปที่โนโซมิ ทำให้เจ้าหน้าทีชายต่างตกใจที่เห็นเธออีกครั้ง

“คุณโนโซมิ!!” โนบุฮิเดะตะโกนเสียงดังราวกับเสียงจากโทรโข่งเมื่ออยู่ในบรรยากาศเงียบๆยามค่ำคืน

“ยังเสียงดังเหมือนเดิมเลยนะโนบุฮิเดะคุง” โนโซมิแซว

“ชั้นชักอยากจะกลับไปที่องค์กรแล้วล่ะ” โนโซมิพูดขึ้น

“เจ้าบ้าเอ็กซ์ยังใส่แต่กางเกงชั้นในเดินไปเดินมาอยู่หรือเปล่านะ” โนโซมิพูดเหมือนกับว่าเธอนั้นมีความสนิทสนมกับผู้บังคับบัญชาของตนเองในระดับหนึ่ง

“งั้นทุกคนกลับกันเถอะ ภารกิจเสร็จสมบูรณ์แล้วล่ะ ทุกคนก็ดูท่าทางอยากจะพักผ่อนด้วย” มิสะกล่าว ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ก่อนที่ทุกคนจะเริ่มเดินกลับ โดยคนที่มีความสุขที่สุดในตอนนี้คงหนีไม่พ้นโนโดกะที่คุณแม่ของเธอกลับมาอยู่กับเธออีกครั้งหนึ่ง

ถ้าคุณพ่อของเธอยังอยู่ล่ะก็คงจะดีใจมากแน่นอน...

----------------------------------------------------


----------------------------------------------------

Ghost Hunter Archives

Weapon Data #8 Zeta Cannon / Zeta Blade / Zeta Kamikaze
สามอาวุธประจำตัวของเซต้า เซต้าแคนนอน คือปืนกลเบาสองมืออาวุธหลักของเซต้า ดัดแปลงมาจากปืนกลเบา Heckler & Koch UMP , เซต้าเบลด คือใบมีดที่มีลักษณะเหมือนเครื่องประดับผมสองข้าง ใบมีดดังกล่าวสามารถตวัดโจมตีเหล่าวิญญาณที่เข้ามาใกล้ตัวได้อย่างรวดเร็ว และเซต้าคามิคาเซ่ คือระเบิดที่ติดตัวอยู่กับเซต้า โดยตัวเซต้าจะพุ่งเข้าใส่เป้าหมายแล้วระเบิด (แบบระเบิดพลีชีพ) มีพลังทำลายล้างเทียบเท่ากับระเบิดซีโฟร์ประมาณสองร้อยปอนด์ และจะทำให้ตัวเซต้าถูกระเบิดไปด้วย จึงเปรียบเสมือน “ท่าไม้ตาย” ของเซต้า ซึ่งจะใช้เมื่อยามจำเป็นจริงๆเท่านั้น
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Ghost Hunter : Chapter 9 "Family Reunion"
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Ghost Hunter : Chapter 2 "Operation Ghost Hunter"
» Ghost Hunter : Chapter 5 "In Trouble"
» Ghost Hunter : Chapter 1 "Training Lesson"
» Ghost Hunter : Chapter 3 "Epic Battle"
» Ghost Hunter : Chapter 4 "Weird Trip"

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: