Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm : Act IV

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm : Act IV Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm : Act IV   Cataclysm : Act IV EmptySun May 03, 2015 4:09 pm

Cataclysm : Act IV 2gwb40m

“ด้วยน้ำมือ.. พลังอันไร้เทียมทานแห่งข้า โพรโตเนี่ยนจะรู้จักถึงจุดจบที่ไร้ซึ่งทางแก้ไข !!”

  ชายร่างอสูรผู้มีปราณแห่งเพลิงปลกคลุมทั่วกายแหงนหน้าขึ้นมองสู่แสงจันทร์สีแดงฉานในยามราตรี... ซึ่งใกล้ตัวของเขาได้มีศพไร้วิญญาณของนักดาบรูปงามตนหนึ่ง อีกทั้งหมอผีชุดสีดำตัดเขียวกำลังค้นกายของศพนั้นอยู่ บรรยากาศทั่งทั้งดินแดนแห่งมรกตล้วนแล้วแต่ถูกเลือดสีแดนฉานของมวลมนุษย์สาดลงต่อผิวดิน แม้แต่ศพของกองทหารนั้นก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้ชัดว่าเป็นศพมนุษย์จริง ๆ

  ที่หลังของต้นไม้ต้นหนึ่ง.. มีชายร่างเล็กซ่อนตัวอยู่ เขาคลุมผ้าคลุมสีเทาทั่วตัวแม้กระทั่งศีรษะด้วยก็เช่นกัน แต่ถึงการแต่งตัวของชายผู้นี้จะต่างจากกองทหารอย่างเห็นได้ชัดก็ตามที ตัวเขายังคงมีตราประทับขนาดใหญ่เป็นสัญลักษณ์ของกองทหารแห่งสตรอม ครูเซสอยู่ ซึ่งนั่นก็เป็นหลักฐานที่บ่งบอกได้ว่าเขาคือหนึ่งในพวกของกองทหารที่เสียชีวิตเหล่านั้น ชายผู้นี้ดูสั่นกลัว... ทำอะไรไม่ถูก แม้กระทั่งที่จะหันไปแอบมองดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยังไม่สามารถทำได้

“นายท่าน... พลังแห่งซินโดร่าไม่ได้อยู่กับหนุ่มพลังสายฟ้าตนนี้ขอรับ” หมอผีตนนั้นเอ่ยเมื่อเขาสิ้นสุดการค้นตัว
“เป็นไปไม่ได้...” ชายร่างปีศาจตนนั้นเอ่ยขึ้น แต่ดูท่าทางสิ่งที่เขาเอ่ยกับการกระทำจะดูแตกต่างโดยสิ้นเชิง ไม่แสดงถึงความตกใจหรือใด ๆ ทั้งสิ้น
“พวกมันกำลังตามหาพลังแห่งซินโดร่างั้นหรอ ?... มิน่าล่ะถึงได้โจมตีพวกเรา” ชายผู้หลบซ่อนกล่าวขึ้นเบา ๆ อย่างกับพูดกับตัวเอง

  มารเพลิงตนนั้นหันกลับไปยังสมุนของตน... เขามองไปรอบด้านต่าง ๆ ที่พอจะคาดว่าพลังแห่งซินโดร่าจะถูกทหารเหล่านี้ซ่อนไว้ เขาสังเกตเห็นรถม้าคันหนึ่งที่ล้มคว่ำ ดูสภาพแล้วมันคงจะเกิดขึ้นจากการโจมตีของใครสักคนหนึ่ง มารตนนั้นจ้องมองรถคันนั้นและมุ่งตรงไปโดยไร้ซึ่งวาจาใด ๆ เมื่อปีศาจตนนี้ยืนอยู่ที่หน้ารถม้าคันนั้น เขาพยายามที่จะเปิดประตูมันออก แต่มันดูเหมือนจะถูกล๊อคไว้จากภายใน เขาถอยตนออกมาเล็กน้อยก่อนที่ตนจะแสดงถึงความสงสัยออกมา

“ดูเหมือนจะมีสิ่งมีชีวิตอยู่ในนั้น...” ปีศาจตนนั้นเอ่ยขึ้นพร้อมกับรวบรวมพลังตนไว้ที่หมัดข้างหนึ่ง
“แย่ล่ะสิ !! มาเรียอยู่ข้างในนั้น.. ต้องรีบติดต่อท่านโคริมเสียแล้ว” ชายหนุ่มคลุมกายเอ่ยขึ้น ซึ่งเขาเริ่มหันไปดูสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ดูท่ามันจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเขาเท่าไหร่

“ตูม !!”

  เสียงที่เกิดขึ้นจากแรงกระแทกของปราณอสูรสู่รถม้าคันนั้น ภายในของรถม้าดูมืดสนิท มีเพียงแต่ข้าวของที่กระจัดกระจายรกรุงรังไปหมด อีกทั้งในนั้นยังมีลมหายใจของกุลสตรีคนหนึ่งและสิ่งมีชีวิตที่สองคน เหมือนนั่นจะเป็นเด็กทารกของหญิงผู้นั้นเพราะท่าทางของสตรีตนนี้ได้แสดงถึงการปกป้องลูกของตนอยู่ อสูรตนนั้นไม่แสดงถึงอาการใด ๆ ออกมากับภาพที่เห็น เพียงแต่แสยะยิ้มออกมาด้วยความคิดในหัวที่ว่ามนุษย์ช่างน่าสมเพศเสียจริง ไม่นานนักชายร่างเพลิงก็เดินเข้าไปในรถสี่เหลี่ยม หันไปดูรอบทางเพื่อเสาะหาถึงสิ่งที่ตนต้องการและแสดงถึงความโกรธออกมาอย่างเห็นได้ชัด คล้ายกับว่าเขาไม่เห็นถึงสิ่งที่ต้องการเลย ทันใดนั้นมารตนนี้ก็บีบคอสตรีผู้นั้น... สายตาของเขาแสดงถึงความไร้ปราณี ความกลัวได้เจาะเข้าผ่านร่างของสตรีตนนี้ เธอพยายามจะขัดขืนต่อการกระทำของมาร

“มันอยู่ที่ไหน ?” มารตนนั้นเอ่ยถาม
“ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องใด... ได้โปรดปล่อยข้าไปเถิด”
“อย่าโกหกข้า !!” มารตนนั้นตะคอกกลับ “คิดว่าข้าไม่รู้หรอกหรือว่าเจ้าเป็นใคร ?... นังแม่มด !!”

  อสูรตนนั้นแสดงถึงความโมโหและเหวี่ยงหญิงผู้นั้นออกไปจากรถม้า... ร่างของเธอกระแทกลงกับพื้นผิวดินแดนมรกต เธอสำลักเลือดออกมาด้วยความเจ็บปวดจากการถูกบีบเข้าที่คอหรือว่าจากแรงกระแทกที่ตนได้รับก็ไม่อาจรู้ได้ ปีศาจตนนั้นเดินออกมาจากรถม้า มุ่งตรงเข้าไปหาสิ่งมีชีวิตที่ตนเรียกว่าแม่มดและบีบคอเธออีกครั้ง แต่ในครั้งนี้ที่หัตถ์แห่งปีศาจได้ก่อเกิดออร่าเพลิงที่เริ่มจะเผาผลาญกายหยาบของสตรีตนนั้นช้า ๆ มันสร้างความเจ็บปวดที่แสนจะทรมาณให้แก่เธอ การกระทำเหล่านั้นทำให้ชายผู้ที่หลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้มิอาจทนเห็นอีกต่อไปได้... แต่เขารู้ดีว่าหากตนปรากฏตัวออกไปในตอนนี้จะกลายเป็นการทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปกว่าเดิม สิ่งที่เขาทำได้มีแค่ภาวนาว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเองเท่านั้น

“ท่านโคลริม... ได้โปรดเถิด !! รีบมาได้แล้วขอรับ” เขาพร่ำบ่นเบา ๆ  
“มันอยู่ที่ไหน ?!!” อสูรตนนั้นตะโกนถามด้วยความโกรธาและบีบคอของหญิงผู้นั้นแรงกว่าเดิม
“ข้า... ไม่รู้จริง ๆ ว่าท่านพูดถึงอะไร... ได้โปรดปราณีแก่ข้าด้วยเถิด” สตรีผู้นั้นเอ่ยขอถึงความเมตตาจากปีศาจ
“น่าขำ !! เจ้าเอ่ยขอความเมตตาต่อปีศาจเช่นข้าเชียวหรอ ?” ปีศาจตนนั้นเอ่ยพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ “พวกเจ้านี่มันน่าสมเพศนัก...”

  มารตนนั้นยกร่างของสิ่งมีชีวิตอ่อนแอที่อยู่ในมือของเขาขึ้นมา.. และกดร่างนั้นลงไปกับพื้นด้วยความแรงอย่างไร้ปราณี ดูเหมือนอสูรตนนี้จะหมดความอดทนต่อคำตอบที่ถูกปิดบังไว้แล้ว หญิงผู้นั้นกระอัดเลือดของตนออกมาราวกับใกล้เข้าถึงความตายทุกที โลหิตนั้นได้กระเซ็นไปถูกใบหน้าของปีศาจ มันกลับกลายเป็นการทำให้ปีศาจตนนี้พิโรธยิ่งกว่าเดิม เขาใช้มืออีกข้างที่ไม่ได้ใช้งานเช็ดเลือดอันแสนสกปรกเหล่านั้นออกไปและแสดงถึงสายตาที่ดูน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเดิม

“บอกข้ามา... พลังแห่งซินโดร่าอยู่ที่ไหน ?!!”
“ข้าไม่รู้จริง ๆ”
“เจ้าคิดจริง ๆ งั้นหรอว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังโกหกต่อข้า !!... หรือว่าเจ้าอยากจะเป็นแบบหนึ่งในคนเหล่านั้น !!” อสูรกายเอ่ยด้วยความโมโห... เขาไร้ซึ่งความอดทนอีกต่อไป พร้อมที่จะฆ่าหญิงผู้ตกเป็นเหยื่อผู้นี้ได้ตลอดเวลา “บอกมา !!”
“ข้า... บอกท่านแล้ว... ข้าไม่รู้จริง ๆ” เธอยังคงตอบกลับต่ออสูรด้วยคำพูดเดิม ๆ “ข้าเพียงแค่...”
“งั้นหรอ ?!!” มารแห่งความตายตะคอกกลับไป “งั้นข้าก็จะส่งเจ้าไปสู่พันธนาการแห่งความทรมาณเลยล่ะกัน !!”

  เมื่อมารตนนั้นเอ่ยจนจบ เขาเริ่มดูดกลืนพลังวิญญาณด้วยแขนข้างที่กำลังบีบคอสตรีผู้นั้นอย่างช้า ๆ... เธอเริ่มดูอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ... ร่างของเธอเริ่มซูบผอมลง ผิวทั่วกายค่อย ๆ ซีดเผือกทีละเล็กทีละน้อย แต่สิ่งเหล่านั้นกลับเป็นการทำให้อสูรตนนั้นดูแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพียงชั่ววูบได้มีลูกศรพุ่งเข้าไปทะลุศีรษะของมารเพลิง มันเป็นของชายผู้ที่ใส่ผ้าคลุมทั่วตัว เขาถือคันศรไว้แน่นพร้อมที่จะยิงลูกศรต่อไป ดูเหมือนกับว่าเขาทนรอและทนดูอีกต่อไปไม่ได้แล้ว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็แสดงถึงความกลัวออกมาอย่างชัดเจน มันน่าประหลาดกับสิ่งที่ตนเห็นต่อหน้า เพราะแทนที่มารตนนั้นจะล้มลงไปแต่กลับนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยสักนิดเดียว ไม่นานนักมารตนนั้นก็ลุกขึ้นมา หันไปมองชายผู้ที่เป็นปรปักษ์ต่อตนพร้อมกับสีหน้าที่ดูพึงพอใจกับมัน อสูรกายตนนั้นดึงลูกศรออกจากหัวของตนอย่างหน้าตาเฉยเหมือนกับว่านั่นเป็นแค่ไม้แท่งเล็ก ๆ เท่านั้น

  ปีศาจแห่งเพลิงไซอาลอทปล่อยร่างของหญิงที่จวนจะถึงความตายแล้วเริ่มเดินตรงไปหาชายผู้นั้นเรื่อย ๆ แต่ชายผู้ถือคันธนูก็ตอบโต้กลับโดยการยิงลูกศรกลับไป... ลูกศรเหล่านั้นไม่มีคำว่าพลาดเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่มันกลับไร้ซึ่งผลกระทบต่อมารตนนี้ด้วยซ้ำ เขาได้รับบาดแผลทั่วตัวจากลูกศรธนูเหล่านั้นแต่การย่างก้าวเข้าไปหาชายผู้นั้นกลับไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยแม้แต่น้อย ถึงกระนั้นชายผู้ถือธนูก็พยายามถอยตัวไปทีละเล็กทีละน้อยและแล้วชายผู้นั้นก็สะดุดร่างไร้ชีวิตของทหารคนหนึ่ง เขาล้มลงไปกับพื้น พยายามที่จะลุกขึ้นมาแต่ถูกมารเพลิงเหยียบเข้าไปที่กลางอก แม้แต่ส้นเท้าของมารผู้นี้ยังมีไอร้อนที่สามารถละลายร่างของมนุษย์ได้ ชายผู้นั้นกรีดร้องด้วยความทรมาณ แต่กลับกัน... อสูรแสดงถึงความพึงพอใจ เขาแสยะยิ้มต่อชายผู้ที่อยู่ใต้แทบเท้าของเขา พร้อมทั้งมืออีกข้างที่ตั้งท่าเตรียมที่จะเสียบทะลุร่างของหนุ่มผู้นั้น

  เพียงชั่ววูบเท่านั้น… มันได้มีพลังที่ก่อเกิดขึ้นมาภายใต้ร่างของมารเพลิงตนนั้น ทันใดนั้นหัตถ์แห่งดินได้พุ่งขึ้นมาจับร่างเพลิงของมารปีศาจ แม้นว่าเพลิงที่จะสามารถเผาผลาญกายาของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย แต่กลับมิอาจที่จะสลายพลังพสุธาลงได้ ที่เบื้องหน้าของไซอาลอทมีชายผู้กล้าสองตนปรากฏขึ้น หนึ่งเป็นชายหนุ่มผมสีทองผู้ถือแส้เถาวัลย์เป็นอาวุธคู่กาย ชายผู้นี้แต่งตัวดูมีฐานะราวกับว่าตนอยู่ในงานเลี้ยงของเหล่าตระกูลผู้ดียังไงยังงั้น ที่ข้างกายของชายผมสีทองเป็นชายผู้ดูมีอายุ ร่างกายของชายแก่ผู้นี้ดูกำยำ แข็งแกร่ง... ต่างจากหนุ่มผมสีทองผู้สง่าคนนั้นอย่างลิบลับ นอกจากกายาที่ดูบึกบั่นแล้ว เขาแต่งกายราวกับว่าเป็นบาบาเรี่ยนไม่มีผิด ชุดเกราะที่มีน้ำหนักและขวานขนาดใหญ่ที่คนที่มีพลกำลังมหาศาลเท่านั้นที่จะฟาดฟันมันได้ ชายทั้งสองคนนี้จ้องมองอสูรกายแห่งเพลิงอย่างไม่ละสายตาอย่างกับว่าจะฆ่ากันให้ตายไปข้างหนึ่ง

  ไม่นานนักมารตนนั้นก็ระเบิดพลังมหาศาลของตนจนหลุดออกมาจากพันธนาการแห่งดิน เขาถอยฉากออกห่างจากผู้กล้าทั้งสอง... เขายืนอยู่ที่เบื้องหน้าของหมอผีผู้เป็นพันธมิตรต่อเขา นักสู้ทั้งสี่ไม่เอ่ยวาจาใดแม้แต่น้อย ไม่ขยับตัว เพียงแค่จ้องหน้าอย่างไม่ละสายตาเท่านั้น เหมือนกับว่าเพียงแค่จ้องกันก็รู้ถึงเป้าหมายที่จะทำต่อไปแล้ว “ฆ่า” นั่นคือสิ่งที่พวกเขาจะทำ แต่ที่น่าแปลกคือทั้งสองฝ่ายไม่มีท่าทีจะโจมตีกันเลยแม้แต่น้อย หรือว่าพวกเขากำลังรอ... รอให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเปิดฉากโจมตีเสียก่อน ความเงียบงันได้เข้าครอบงำพื้นที่แห่งมรกตโดยสิ้นเชิง เหนือแดนสีเขียวนั้น เมฆสีเลือดได้เข้าปลกคลุมพร้อมกับพายุสงครามที่โหมกระหน่ำเข้ามา ชายชราร่างยักษ์ผู้นั้นเป็นฝ่ายเริ่มเคลื่อนไหวก่อน เขาหันไปมองมนุษย์ทั้งสองตนที่ได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของมารร้ายไซอาลอท สายตาของชายแก่ผู้นี้ดูโกรธแค้น... ไม่อาจให้อภัย

“โครนอส... เจ้าขยับตัวไหวรึเปล่า ?” ชายชราผู้นั้นเอ่ยถามใครสักคน เขาหันหน้าไปหาชายผู้สวมผัาคลุมผู้นั้น โครนอส... เหมือนจะเป็นนามของชายผู้นั้น
“ไหวครับท่านโคลริม” เขาตอบกลับ ลุกขึ้นมาจากผืนดินด้วยสภาพที่เจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับมา
“พาลูกสาวข้าไปยังที่ปลอดภัยซะ !!” โคริมกล่าวก่อนที่จะหันกลับไปหาอสูรกายตนนั้น “ข้าจะจัดการเจ้ามารตนนี้เอง !!”

  ชายนามโครนอสได้นำตัวสตรีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บผู้นัันออกมาจากพื้นที่นั้น... พวกเขาทั้งสองมุ่งตรงไปยังรถม้า ที่ที่ลูกของหญิงคนนั้นหลับไหลอยู่ ไม่นานนักโคลริมก็กำขวานยักษ์ของตนไว้แน่น มันได้ก่อเกิดปราณอันแสนทรงพลังขึ้น สีของพลังปราณมันต่างไปจากครั้งแรกที่เขาใช้วิชาหัตถ์พสุธา มันเป็นสีเหลืองใสแทนที่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม เหมือนกับว่าเขาใช้พลังธาตุแสงแทนที่จะเป็นดิน นั่นทำให้มารตนนั้นรู้สึกประหลาดใจกับสิ่งที่ตนได้ประจักษ์ เนื่องเพราะพลังธาตุดินและเพลิงที่เป็นธาตุหลักของแสงมันเป็นพลังคนละเส้นสาย เท่ากับว่าโคลริมผู้นี้สำเร็จการฝึกพลังธาตุเพลิงแล้ว พลังที่ขวานเริ่มเข้มข้นมากขึ้นอย่างรวดเร็วจนดูน่ากลัว ทางด้านอสูรเพลิงจึงเริ่มรวบรวมพลังเพลิงดำทมิฬคลุมกายตน การรวมพลังของทัังสองทำให้เกิดลมแรงอย่างผิดปกติ ผืนป่าไม้ถูกคลื่นวายุซัดจนปลิวออกไปโดยที่ทั้งคู่ยังไม่เริ่มทำอะไรเสียด้วยซ้ำ

“ปาสกวาล.... ข้าฝากหมอผีตนนั้นให้เจ้าจัดการ ส่วนข้าจะสะบั้นคอของเจ้ามารไซอาลอทตนนี้เอง” บาบาเรี่ยนแก่เอ่ยขึ้นมา
“ขอรับท่าน” ปาสกวาลตอบกลับ... แล้วดึงแส้ตนจนตึงเป็นสัญญาณพร้อมสู้ ชายหนุ่มผมสีทองเริ่มเดินออกห่างจากชายชราผู้นั้นโดยที่ยังจ้องหมอผีตนนั้นอย่างไม่ละสายตา
“เบล !! ฆ่าเจ้าแส้นั่น...” มารปีศาจกล่าวขึ้นสั่งสมุนของตนเอง หมอผีตนนั้นไม่ตอบอะไรกลับแต่เพียงแค่โค้งตัวรับคำสั่งและเดินตามปาสกลาลผู้นั้น... ณ ตอนนี้เหลือเพียงผู้ทรงพลังทั้งสองที่พร้อมจะกระชากวิญญาณปรปักษ์แห่งตนได้ทุกเมื่อ  

“คุณคิดจะทำอะไรน่ะครับ... คุณมาเรีย” โครนอสผู้นั้นเอ่ยถามในขณะที่หญิงผู้นั้นพยายามจะขยับตัวออกจากชายสวมผ้าคลุม
“เราจะไม่ยอมให้เจ้าปีศาจตนนั้นได้พลังแห่งซินโดร่าไปเด็ดขาด” เธอเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแอ ขยับตัวอย่างยากลำบากไปหาทารกทั้งสองของตน “เราต้องรีบถ่ายพลังให้แก่ลูกแฝดข้าทั้งสอง”
“หมายความว่ายังไงกันครับ ?”
“เอลทวอรน์... สามีข้าได้ถ่ายพลังแห่งซินโดร่าเข้าไว้ที่กายข้าก่อนที่พวกเราจะถูกโจมตีโดยเจ้ามารนั่น !!” เธอเอ่ยขึ้น “แต่ข้ารู้ดีว่าข้าอยู่ได้อีกไม่นาน... หากข้าตายก่อนที่พลังทั้งหมดจะถูกสถิตไว้ที่ร่างทรงอื่น มันจะรั่วออกจากกายข้าและไซอาลอทจะกลืนกินมันเข้าไป ถึงตอนนั้นพวกเราก็จะแพ้มัน”
“แต่ลูกของท่านยังแบเบาะอยู่เลยนะ” โครนอสกล่าวขึ้น
“เพราะว่ามันจะไม่มีทางรู้ว่าพลังเหล่านี้จะอยู่กับตัวลูกของข้า... ยังไงก็ตาม... เราไม่มีเวลาแล้ว ต้องรีบทำการถ่ายพลังทันที” เมื่อหล่อนพูดจบแล้วจึงเริ่มคาถาปลูกถ่ายพลังในรถม้าคันนั้น ในตอนนี้ไม่มีอะไรเลยที่โครนอสผู้นี้จะทำได้นอกจากเฝ้าดูเหตุการณ์เท่านั้น

“เจ้าสังหารสามีของลูกสาวข้า... ทำร้ายสหายของข้า อีกทั้งยังทำร้ายลูกสาวของข้าอีก !!” โคลริมเอ่ยขึ้นมา “ราตรีนี้ !! เจ้าจะถูกแสงแห่งข้าพิพากษา !!”
“หึ !! ไอ้สายฟ้าเมื่อกี้มันก็พูดแบบแกก่อนตายนั่นล่ะ” ไซอาลอทตอบกลับไป
“และอีกอย่าง... ที่ข้าทำแบบนั้นทัังหมดก็เพราะพวกมันขวางทางของข้า !!... พวกมันขโมยพลังที่ควรจะเป็นของข้า !!”
“มันไม่เคยเป็นของเจ้า... ไอ้ปีศาจชั่ว !!”

  คำพูดนั้นของโคลริมได้สร้างความโกรธให้แก่มารเพลิง เพียงชั่วครู่ปีศาจไซอาลอทก็ได้พุ่งตัวเข้าจู่โจมใส่ชายชราผู้นั้นทันที โคลริมเบี่ยงตัวหลบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นก็สามารถพ้นจากการโจมตีนั้นได้โดยสิ้นเชิง ระหว่างจังหวะที่อสูรตนนี้พุ่งกระโจนก็ได้ถูกขวานแห่งบาบาเรี่ยนฟันลงไปกลางหลังด้วยความแรง ถ้าหากนั่นเป็นคนธรรมดาล่ะก็.. ร่างกายคงขาดสะบั้นไปแล้ว แต่มารตนนี้กลับได้รับแผลพอสาหัสเท่านั้น ขนาดแรงของบาบาเรี่ยนที่ว่าแรงกล้าแล้วก็มิอาจสะบั้นร่างของปีศาจตนนี้ได้ในฉับเดียว ขวานยักษ์นั่นติดอยู่กลางหลังของปีศาจจนชายแก่ดึงมันไม่ออก ทันใดนั้นที่บาดแผลของปีศาจก็ได้เกิดพลังอณูวิญญาณรั่วไหลออกมา เหล่าพลังวิญญาณนั้นได้พุ่งเข้าโจมตีใส่บาบาเรี่ยน เขาจึงถอยฉากออกมาก่อนที่จะโดยวิญญาณโจมตีโดยที่ยังไม่ได้ดึงอาวุธตนกลับไป แต่ในจังหวะเพียงพริบตานั้นชายแก่ถูกไซอาลอทจับขาเอาไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วเหวี่ยงออกไปอย่างแรง

  ร่างของโคลริมปลิวออกไปด้วยแรงเหวี่ยงมหาศาลจนกระแทกกับต้นไม้ แม้แต่ต้นไม้ขนาดใหญ่ก็ไม่อาจทนแรงกระทบได้ มันจึงหักในทันทีเมื่อได้รับแรงกระแทกนั้น โคลริมปลิวออกไปแสนไกลจนแทบจะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า ว่าแล้วปีศาจตนนั้นก็ดึงขวานออกมาจากหลังตน มันทำให้โลหิตอสูรไหลรินจนไม่อาจจะห้ามไว้ได้ ไซอาลอทถือขวานแห่งบาบาเรี่ยนและมุ่งตรงไปยังรถม้าอีกครั้ง เหมือนกับเขากำลังรู้สึกถึงพลังแปลก ๆ บางอย่างที่เอ่อล้นออกมาจากรถ แต่เมื่อเขาย่างก้าวได้ไม่กี่ฝ่าเท้า เขาไม่สามารถที่จะเดินต่อไปได้เนื่องด้วยขวานขนาดใหญ่นั้นได้ดึงตัวเขาเอาไว้ ซึ่งทิศทางที่ขวานจะพุ่งไปนั้นคือจุดที่โคลริมถูกซัดออกไป ทันใดนั้นเองขวานนั้นก็พุ่งไปยังจุด ๆ นั้นพร้อมกับร่างของไซอาลอทที่ถือขวานเอาไว้ ถึงแม้ปีศาจจะพยายามปล่อยขวานออกแต่กลับมีหัตถ์หินทรงประหลาดออกมาจากขวานแล้วรัดกุมทั่วร่างของมารเพลิง โคลริมฟื้นสภาพตนขึ้นมาแล้วกระโจนเข้าไปหาขวานด้วยความเร็วสูง เขากำหมัดไว้แน่นแล้วปล่อยพลังหมัดเข้าไปกระแทกใส่อสูรตนนั้นเมื่อขวานเข้ามาใกล้ตัวของตน

“ปั๊กกกกก !!”

  ไซอาลอทถูกกำปั้นแห่งบาบาเรี่ยนกระแทกด้วยความแรง บวกทั้งความเร็วในการพุ่งตัวของโคลริม และขวานที่พุ่งเข้ามาอีก นั่นจึงทำให้แรงหมัดเพิ่มความรุนแรงเป็นหลายเท่าตัว แน่นอนว่าสำหรับมนุษย์ธรรมดา... ถ้าเกิดโดนเข้าไปหัวคงกระเด็นออกไปไกลแล้ว แต่หมัดนี่สามารถทำได้แค่ให้หน้าของไซอาลอทไถลไปกับพื้นเพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น โลหิตแห่งเพลิงไหลหยดทั่วหลังมือของชายแก่ เขาหยิบขวานของตนขึ้นมาจากพื้นและฟาดฟันมันลง ซึ่งเป้าหมายคือศีรษะของมารเพลิงตนนี้ แต่กลับมีปีกสีดำทมิฬปรากฏขึ้นมากำบังคมขวานได้อย่างสมบูรณ์แบบ ปีกนั้นดูท่าจะแกร่งเสียยิ่งกว่ากายของมารเพลิงเสียด้วยซ้ำ บาบาเรี่ยนแก่ผู้นั้นพยายามที่จะฟาดฟันกระบวนท่าขวานลงไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ความรุนแรงและความเร็วจะเพิ่มพูลขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดก็ตามทีแต่ก็ไม่สามารถสะบั้นปีกแห่งอสูรได้เลย

  ที่ผืนดินมรกตรอบตัวของมารเพลิงผู้นี้ได้ก่อเกิดถึงพลังงานประหลาดบางอย่าง มันทำให้ทั่วทั้งผิวดินรอบ ๆ นั้นร้อนระอุจนผืนหญ้าสีเขียวถูกเพลิงขจัดจนมอดไหม้ แม้กระทั่งเลือดที่ตกค้างอยู่ก็ระเหยไปอย่างรวดเร็ว ชายชราผู้นั้นรู้ตัวว่ามันกำลังจะเกิดเรื่องแย่ขึ้นมาจึงกระโดดถอยฉากออกไปทันที ไม่นานนักผืนดินนั้นก็ประทุขึ้นราวกับระเบิดลาวาใต้ผืนดินขนาดมหึมา พลังนั้นได้ทำให้พื้นที่รัศมีหนึ่งเมตรรอบตัวของไซอาลอทหายไปเหลือเพียงแค่ฝุ่นสีดำที่เกิดจากการมอดไหม้ของสิ่งมีชีวิตสีเขียวเท่านั้น โคลริมที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศได้มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเองอสูรกายตนนั้นก็สยายปีกบินขึ้นไปหาโคลริมอย่างรวดเร็ว ปีศาจได้ทำการบีบคอชายชราด้วยแรงที่เหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นมารเพลิงก็เหวี่ยงชายร่างยักษ์ลงไปกระแทกสู่พื้นดิน และตนก็พุ่งตามลงไปด้วยพลังที่เอ่อล้นทั่วทั้งหัตถ์ข้างขวาของตนก่อนที่ปล่อยมันลงไปกระแทกสู่ชายผู้นั้นเมื่อถึงพื้นดิน

“บรึ้ม !!!!!!!!!”

  แรงระเบิดนั้นส่องสว่างจ้าทั่วดินแดนแห่งมรกต ถึงแม้ว่าจะอยู่ไกลเพียงใดก็สามารถมองเห็นแสงนั้นได้อย่างชัดเจน อีกทั้งเสียงแรงระเบิดดังตามมาหลังจากแสงแห่งเพลิงนั้นสว่างขึ้นได้ไม่กี่ชั่วพริบตา แม้แต่โครนอสที่สังเกตการณ์อยู่ไกลจากจุดเกิดเหตุก็ยังสามารถมองเห็นแสงและได้ยินเสียงระเบิดอย่างชัดเจน เขามองดูด้วยความประหลาดใจ ไม่สิ... เรียกได้ว่าช๊อคกับสิ่งที่เห็นเสียด้วยซ้ำ เพราะนั่นมันไม่ใช่การต่อสู้ที่มนุษย์สร้างขึ้นแล้ว

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะนั่น...” โครนอสได้แต่เอ่ยขึ้นมาด้วยความสงสัยเท่านั้น

  ณ จุดเกิดเหตุในตอนนี้... ปีศาจแห่งความตายได้ยืนอยู่เหนือร่างของบาบาเรี่ยนที่บาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีรุนแรงนั้น ร่างกายของชายร่างยักษ์บางส่วนถูกเผาจนเกรียม ลมหายใจของชายชราไม่สามารถเดินได้อย่างสะดวก เห็นได้ชัดว่าการโจมตีของมารตนนี้ทำให้ชายผู้ที่ถูกเรียกว่า “ผู้ที่แกร่งที่สุด” ของกองทัพมวลมนุษย์พินาศอย่างราบคาบ มารตนนั้นแสยะยิ้มอย่างพอใจราวกับว่ามั่นใจว่าชายชราผู้นี้จะไม่สามารถตอบโต้อะไรเขาได้อีก เขาเริ่มเดินห่างออกไปจากชายชรา ทิ้งเอาไว้ให้ลิ้มรสถึงความทรมาณ... ความตายอย่างช้า ๆ... ถึงแม้ว่าโคลริมจะยังสามารถขยับตนได้ ถึงแม้ว่าจะใช้แรงทั้งหมดคืบคลานไปหาอสูรกายนั้น แต่มารร้ายก็หาได้สนใจสักนิด มารร้ายย่างก้าวด้วยเท้าแห่งเพลิงไปอย่างสบายใจ มุ่งตรงไปยังเป้าหมายที่แท้จริงของเขา...

พลังแห่งซินโดร่า
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm : Act IV
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm : Act V
» Cataclysm : Act VI
» Cataclysm : Act VII
» รับสมัครตัวละครเรื่อง Cataclysm
» Cataclysm : Act I

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: