Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm : Act V

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm : Act V Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm : Act V   Cataclysm : Act V EmptyThu May 07, 2015 8:53 pm

Cataclysm : Act V 33cupti

“ถึงตอนนี้... ไม่ว่าใครก็ตามก็มิอาจจะหยุดข้าได้จากความพิโรธนี้ !!”

  ความสิ้นหวังเริ่มก่อตัวขึ้นเมื่อผู้ที่ทั่วทั้งเอสซิโอนิกกล่าวขานว่าแข็งแกร่งที่สุด ได้พ่ายต่อปีศาจแห่งความตายหนึ่งเดียว ตอนนี้มารปีศาจได้เคลื่อนไหวกายาแห่งโลกันต์ไปสู่พลังที่ตนต้องการ พลังแห่งซินโดร่า... มันคือกุญแจทั้งหมดในสงครามครั้งนี้ หากไซอาลอทได้มันครอบครองอยู่ในกำมือแล้ว ทุกชีวิตแห่งเอสซิโอนิก ไม่สิ !! ทั่วทั้งโพรโตเนี่ยนจะถึงกาลอวสานที่แท้จริง เดิมทีแล้วพลังแห่งซินโดร่าเป็นพลังมารเมื่อกาลก่อนที่บุกจู่โจมหวังยึดครองดวงดาวแห่งนี้ แต่การรุกรานก็ถือไม่เป็นผลสำเร็จเมื่อบรรพบุรุษเมื่อกาลก่อนสามารถสังหารมารตนนี้ลงได้และแยกพลังของมารออกจากร่างของมันเอง เนื่องด้วยเหตุผลที่ปีศาจตนนั้นสร้างหอคอยประหลาดซึ่งถูกเรียกกันในปัจจุบันว่าหอคอยแห่งซินโดร่า

  เมื่อพลังงานปีศาจนั้นได้ขับเคลื่อนการทำงานของหอคอย มันจะสามารถสร้างสภาวะแปรปรวนต่อดวงดาวโพรโตเนี่ยนแห่งนี้ แผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ ภูเขาไฟระเบิดล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากการทำงานของหอคอยนี้ทั้งสิ้น นั่นคือเหตุผลที่ทำไมดวงดาวแห่งนี้มักจะเกิดภัยพิบัติอยู่บ่อยครั้ง เพราะหอคอยนี้ยังสามารถดูดกลืนพลังงานความชั่วซึ่งก่อเกิดภัยทางธรรมชาติได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้... มีแต่พลังแห่งซินโดร่าเท่านั้นที่สามารถทำงานกับหอคอยทรงประหลาดนั้นได้อย่างสมบูรณ์ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม... มารเพลิงตนนี้ถึงได้ต้องการพลังความชั่วนี้นัก มันคือหนทางเดียวที่ทำให้ดวงดาวแห่งนี้ล่มสลายลงได้

  ณ ตอนนี้... มารร้ายไซอาลอทได้เริ่มมุ่งหน้าไปยังพลังงานความชั่วนั้น เขาสามารถสัมผัสถึงปราณที่ไหลรินออกมาทีละเล็กทีละน้อย จากการปลูกถ่ายพลังงานของแม่มดมาเรียผู้นั้น เสียงมีเท้าเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ถึงแม้จะไม่สามารถมองเห็นถึงผู้เดินด้วยตาเปล่าแต่โครนอสกลับสัมผัสถึงความน่ากลัวนั่นได้ชัดเจน เขารู้ตัวดีว่าอีกไม่นานปีศาจจอมทำลายล้างตนนั้นจะมาเยือนพวกเขาแล้ว ชายผู้สวมผ้าคลุมแสดงอาการหวาดกลัวโดยสมบูรณ์ ไม่ขยับตัว ไม่สามารถเปิดปากบอกอะไรได้ ในหัวของชายผู้นี้เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ถึงแม้เขาจะไม่ขยับตัวแม้แต่น้อยก็จริง แต่ภายในกลับรู้สึกกลัวจนสติแตก เขาเริ่มรู้สึกไม่ดี... มันเริ่มอึดอัดมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นชายผู้นี้เริ่มหันไปมองดูหญิงข้างกายเขาที่กำลังทำพิธิกรรมปลูกถ่ายพลังงานแก่บุตรของหล่อน เขาชักเริ่มร้อนรนเหมือนต้องการให้มันเสร็จ ๆ ไปตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย !!

“คุณมาเรียครับ... เราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไหร่ถึงจะเสร็จพิธีกรรมนี้กันครับ ?” ชายผู้นั้นเอ่ยถาม
“ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน... พลังงานมันมากกว่าที่ข้าคิดเสียอีก คงต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย” เธอตอบกลับไป
“ผมคิดว่าเราคงมีเวลาไม่มากขนาดนั้นแล้วล่ะครับ” ชายผู้นี้พูดออกมาด้วยเสียงที่เริ่มสั่น ๆ และหันกลับไปมองที่ข้างนอกรถเพื่อดูสถานการณ์อีกครั้ง “มันมาแล้ว...”

  ที่เบื้องหน้าของชายผู้นั้นปรากฏเป็นแสงส่องสว่างภายใต้ป่ามรกตอันมืดมิดในยามราตรี แสงไฟนั้นส่องสว่างเสียยิ่งกว่าแสงจันทราชั่วข้ามคืน แต่นั่นหาใช่แสงแห่งความหวังแต่เป็นแสงแห่งความตายของปีศาจ แม้ว่ามันจะอยู่ไกลจากจุดที่มนุษย์ผู้นี้อยู่ก็ตามทีแต่เขาสามารถรู้สึกถึงความร้อนราวกับขุมนรกเข้าไปทั่วทั้งรูขุมขนตน พายุเริ่มก่อตัวขึ้นมาทำให้ชายผู้นั้นต้องใช้มือข้างหนึ่งกันลมและฝุ่นที่ซัดเข้ามา ถึงแม้เขาจะมองมันไม่ชัดแต่ในสายตาของเขากลับสัมผัสถึงปีศาจตนนั้นอย่างชัดเจน มันเดินเข้ามาอย่างเชื่องช้า ไม่มีความรีบร้อนใด ๆ ผิดกับชายหนุ่มและหญิงสาวที่สัมผัสถึงปราณแห่งความตายนี้ได้ เหมือนทางเลือกของพวกเขา ความหวังจะมลายหายไปกลับฝุ่นเสียแล้ว โครนอสผู้นี้กำมือแน่นด้วยความสิ้นหวัง เขาทำได้แค่มองดูสิ่งที่แม่มดมาเรียทำอย่างสุดความสามารถ เหมือนตนกำลังคิดเช่นกันว่ามีสิ่งใดที่เขาพอจะทำได้หรือเปล่า เขาจับคันศรที่ตนใช้ไว้แน่นอย่างไร้ทางเลือก

“ผมคิดว่าผมคงต้องออกไปถ่วงเวลาให้คุณแล้ว...” ชายสวมผ้าคลุมเอ่ยด้วยความสิ้นหวัง
“เจ้าจะทำอย่างงั้นไม่ได้นะโครนอส... เจ้าจะตายนะ”
“ผมรู้ !! แต่ผมควรจะต้องทำมัน มันเป็นแค่ทางเลือกเดียวที่เราเหลืออยู่”
“นี่เจ้า...” หล่อนเอ่ยเหมือนกับรู้สึกได้ว่าเขาจะยอมเสียสละตนเพื่อเธอ
“ผมรับใช้ท่านมาเพื่อวันนี้ครับ วันที่ผมจะทำหน้าที่ของข้ารับใช้อย่างแท้จริง !!” ชายผู้นั้นตอบกลับไป เขาแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าต่อหญิงผู้เป็นนาย

  เมื่อนั้นโครนอสจึงวิ่งออกไปพร้อมกับอาวุธคู่กายของตน มาเรียได้แต่มองแผ่นหลังของชายผู้นี้โดยไม่อาจห้ามเขาไว้ได้ ชายหนุ่มผู้นั้นหยุดวิ่งเมื่อตนอยู่ห่างจากรถม้าได้สักระยะแล้ว เขาเล็งเป้า ดึงคันศรด้วยแรงทั้งหมดที่ตนสามารถที่จะทำได้ มือของเขาทั้งสองข้างเริ่มสั่นซึ่งไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นเพราะความกลัวที่ยืนต่อหน้าความตายหรือความเหนื่อยล้าจากการง้างศรกันแน่ เมื่อมารตนนั้นเริ่มย่างก้าวเข้ามาใกล้จนเห็นเป้าหมายอย่างชัดเจน เขาไม่รีรอที่จะปล่อยให้มันเข้ามาใกล้ตน แต่กลับปล่อยลูกศรปลายคมนั้นออกไปด้วยความเร็วสูง ความเร็วและปริมาณออร่าที่คลุมทั่วศรนั้นอาจจะสามารถทะลุทะลวงต้นไม้หนาได้ง่าย ๆ... แต่ถ้าเป็นกายปีศาจที่แม้แต่ขวานของผู้กล้าโคลริมยังไม่อาจสร้างบาดแผลฉกรรจ์ได้นั้นจะสามารถทะลุทะลวงได้หรือเปล่า ศรนั้นพุ่งตรงเข้าสู่หัวใจแห่งปีศาจ มันปักลงไปกลางอกของมาร... ซึ่งนั่นก็ทำให้ไซอาลอทรู้ตัวว่ามีใครบางคนที่กำลังโจมตีเขาอยู่

  แต่ถึงกระนั้นอสูรตนนี้ก็ไม่หยุดที่จะเคลื่อนตัวไปข้างหน้าจนมองเห็นศรที่พุ่งเข้ามาอีกหลายคัน แต่มารร้ายตนนี้ไม่เลือกที่จะหลบทั้ง ๆ ที่ความสามารถของจนสามารถทำมันได้อย่างง่ายดายก็ตามที เขายังเดินต่อไปด้วยความเร็วที่ลดลง... กับบาดแผลที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปได้สักพักแล้ว เนตรแห่งอสูรสามารถเบิกเห็นร่างของชายกล้าคลุมผ้าที่ยืนขวางทางตน ตั้งตนเป็นปรปักษ์ต่อความตาย แต่มารตนนี้หาได้แสดงถึงความโกรธาเลยสักผิด กลับกันกลายเป็นความพึงพอใจที่เสียด้วยซ้ำ บางทีเขาอาจจะกำลังคิดว่านั่นคือวิญญาณตนต่อไปที่ตนจะกลืนกินเป็นแน่แท้ ชายกล้าผู้นั้นยังคงยิงศรใส่ปีศาจร้ายนั่นอยู่ ถึงแม้ว่าศรจะไม่อาจทะลุร่างอันแกร่งของปีศาจได้ แต่สามารถสร้างความเสียหายได้พอควรจนทำให้มารทรุดเข่าลงไปสู่ผืนพสุธา แม้ว่าปีศาจจะตั้งตัวขึ้นมาใหม่ก็จะพบว่าตนจะล้มลงไปอีกครั้ง อีกครั้ง และอีกครั้ง วนไปวนมาด้วยสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเดิม แต่สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ คือระยะห่างและความพึงพอใจของปีศาจเท่านั้น

   ไม่นานนักเมื่อลูกศรของชายสวมผ้าคลุมถูกใช้ไปจนหมด มารตนนั้นก็หาได้คิดที่จะตั้งตนลุกขึ้นมาไม่ มันหัวเราะอย่างสนุกสนานราวกับว่าตนกำลังเล่นอยู่กับชายผู้ที่คิดจะฆ่าเขา นั่นทำให้โครนอสรู้สึกหงุดหงิดกับตัวเองและปีศาจตนนั้น เพราะนอกจากจะทำได้แค่ถ่วงเวลาแล้ว ก็ไม่มีสิ่งใดที่้เป็นผลลัทธ์อันแน่ชัดที่ปรากฏเลย มารตนนั้นก้มลงมองสู่ผืนดิน แสยะยิ้มและเปล่งเสียงอันน่าเกลียดต่อปรปักษ์ ชายผู้นั้นรู้สึกเหมือนกับตนกำลังถูกความตายเย้ยหยั่น เขาโกรธเกรี้ยวกว่ามารไซอาลอทเสียอีก เขาเริ่มทนไม่ได้จนอยากจะระเบิดความโกรธนั่นออกมา ถ้าหากว่าคนที่ปรากฏต่อหน้าเขาไม่ใช่ปีศาจที่แม้แต่ท่านโคลริมก็ไม่สามารถกำจัดได้ล่ะก็ ชายผู้นี้ก็อาจจะสังหารคนที่อยู่ต่อหน้าเขาด้วยความพิโรธนั้นแล้ว เขาพยายามควบคุมอารมณ์ตนเองให้อยู่... หวังที่จะถ่วงเวลาให้นายท่านตัวเองให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นความใจเย็นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตอนนี้ แต่ด้วยความโกรธที่ยังค้างคาในใจ มันจะสามารถทำแบบนั้นได้จริง ๆ น่ะหรือ ?

“เจ้าหัวเราะบ้าอะไรกันวะ ?! ข้า !! ปรปักษ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าหวังที่จะสังหารเจ้าเชียวนะ” โครนอสเปล่งวาจาด้วยความโกรธ
“ฆ่าข้า ?... น่าขำ !! น่าขำจริง ๆ” ปีศาจตนนั้นตอบกลับพร้อมกับหัวเราะด้วยความพอใจส่วนตัว “ข้าเสียมารยาทจริง ๆ... ข้าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเจ้าหมายจะเอาชีวิตข้าจริง ๆ”
“แก...” ชายคนนั้นแสดงความโมโหออกมาแต่ไม่สามารถที่จะเอ่ยคำใด ๆ ออกมาได้ เหมือนกับเขารู้ตัวว่ากำลังโดนยั่วอยู่
“เจ้าโกรธเพราะตนไม่สามารถทำอะไรได้... หรือโกรธเพราะยังสามารถลืมตาดูโลกได้ล่ะ หืม ?” มารตนนั้นถามขึ้นและเริ่มลุกขึ้นมา
“เพราะเจ้ายังไม่รู้สึกทรมาณเหมือนคนอื่น ยังไม่รู้สึกถึงความตายน่ะหรือ ถึงที่แสดงความโกรธาออกมา”
“ข้าโกรธเพราะเจ้ายังมีชีวิตอยู่ !!”
“ข้าไม่จำเป็นต้องรับความเคียดแค้นจากเจ้า... เพราะข้าคือความเคียดแค้นที่แท้จริง” มารตนนั้นเอ่ยและรุกเข้าไปบีบคอชายผู้กล้านั้นอย่างรวดเร็ว
“ที่ข้าหัวเราะก็เพราะเจ้าน่ะตายไปตั้งแต่เมื่อเจ้าจ้องเข้ามาในลูกตาของข้าแล้ว !!”

  ทันใดนั้นมารร้ายก็ยกตัวของชายผู้นั้นด้วยมือเพียงข้างเดียว โครนอสเริ่มรู้สึกหายใจไม่ออกจากการถูกหัตถ์แห่งความร้อนกำเข้าด้วยความแรง นอกเสียจากจะรู้สึกอึดอัดแล้ว... ยังรู้สึกถึงไฟนิรันดร์ที่เริ่มกัดกร่อนผิวหยาบของตน เมื่อชายผู้นี้มองเข้าไปสู่นัยน์ตาแห่งอสูร เขาพบแต่ความสิ้นหวังที่ซึมซับไปสู่ประสาททั่วทั้งร่างกาย ไร้ทางที่จะชนะ... ไร้ทางที่จะรอดพ้น สักพักเขาก็ถูกมาตนนี้เหวี่ยงไปด้วยพลกำลังที่เหนือเกินมนุษย์ ชายผู้นั้นปลิวลงไปสู่ทุ่งหญ้าสีเขียว ถึงแม้หญ้าจะพอช่วยรองรับการกระแทกก็ตามที แต่ชายผู้นี้ก็รู้สึกเหมือนกระดูกซี่โครงของตนจะหักเสียแล้ว ระยะทางที่เขาถูกเหวี่ยงค่อนข้างไกลจากตัวปีศาจไซอาลอทพอสมควร อีกทั้งชายผู้นี้ยังถูกซัดไปใกล้รถม้าที่ตนพยายามจะปกป้องอีกตะหาก หญิงสาวในรถคันนั้นมองผู้คุ้มครองตนด้วยความสงสารและเวทนา เธอไม่สามารถช่วยอะไรชายผู้นั้นได้เลย นอกเสียจากจะทำงานที่มีให้เสร็จเท่านั้น ในช่วงเวลาที่หนุ่มสวมผ้าคลุมพยายามใช้กำลังที่มียกตัวขึ้นมาจากผืนดิน ตนก็ถูกปีศาจร้ายที่กระโดดมาจากระยะทางที่แสนไกลกดหัวลงไปกระแทกกับพื้นอย่างแรง

“ตึง !!!!!”

  กระโหลกของชายผู้กล้ากระทบลงกับพื้นจากพลังแห่งปีศาจจนสามารถได้ยินเสียงกระโหลกที่ร้าวได้อย่างชัดเจน แต่ถึงกระนั้นชายผู้นั้นยังคงหายใจอยู่ เขาคืบคลานตนไปหารถม้าแสดงถึงเจตนารมณ์ของตนที่จะปกป้องผู้มีชีวิตภายใน แม่มดมาเรียพยายามที่จะหยุดในสิ่งที่ตัวเองกำลังทำ แต่โครนอสส่ายหัวปฏิเสธต่อเธอ หวังที่จะให้หญิงผู้นั้นทำให้สิ่งที่เธอควรจะทำ มารร้ายก้มลงมองชายผู้น่าสงสาร แสยะยิ้มอย่างชอบใจราวกับเริงรมย์ต่อความเจ็บปวดของมนุษย์ผู้นี้ จากนั้นมารร้ายจึงเดินผ่านร่างที่เต็มไปด้วยแผลของชายผู้นั้น มุ่งหน้าตรงไปหาเป้าหมาย... หญิงผู้นั้นแสดงความกลัวต่อมารเพลิงตนนี้อย่างสุดขีด ดวงตาของหล่อนเปิดกว้าง ปากที่ไม่สามารถขยับเพื่อกรีดร้องเรียกความช่วยเหลือได้ ความกลัวเหล่านั้นทำให้น้ำตาของเธอไหลรินออกมา ยิ่งไปกว่านั้น... เธอแทบจะไม่ขยับตัวเสียด้วยซ้ำ แต่มารตนนั้นก็หยุดตนต่อหน้าแม่มดหญิง เขาหันกลับไปมองที่ชายสวมผ้าคลุมที่ยังคิดจะสู้กับตนอยู่ หลักฐานที่แสดงออกจนเห็นได้ชัดคือมือของผู้กล้าคนนี้ที่พยายามดึงขาของปีศาจด้วยแรงทั้งหมดที่มี ถึงแม้มือข้างนั้นจะเริ่มไหม้ก็ตามที เขาก็ยังไม่มีความยอมแพ้ที่แสดงต่อไซอาลอทเลย

“เจ้ายังคงสู้ เพื่อจุดจบที่ดีกว่า” มารตนนั้นเอ่ย “แต่ความเป็นจริงที่โหดร้ายคือ... มันไม่เคยมีจุดจบที่ดีสำหรับเจ้าหรือโพโตเนี่ยนแห่งนี้”

  หลังสิ้นสุดวาจานั้น... มารร้ายตนนั้นหันกลับสู่ชายผู้เป็นปรปักษ์ สายตาของมารตนนี้ดูน่าสยดสยองนักสำหรับชายผู้นั้น ที่อกแห่งปีศาจได้มีหัวมังกรโผล่ขึ้นมาอย่างน่าเกลียด แม้แต่สายตาของมังกรนั้นยังเต็มไปด้วยความโศกเศร้า สิ้นหวัง มันง้างปากตนออก... เมื่อนั้นลิ้นมังกรก็พุ่งเข้าไปแทงกลางหลังของชายสวมผ้าคลุม “ฉึก !!” เขาร้องออกมาอย่างเจ็บปวดรวดร้าว แผลที่ชายผู้นั้นได้รับมาจากการถูกแทงได้เริ่มขยายออกกว้างจากการเผาไหม้ ทั่วทั้งรอบลิ้นแห่งมังกรนั้นมีปราณสีเขียวประหลาดไหลออกมา รูปทรงปราณดูประหลาดผิดสังเกตเนื่องด้วยมันปรากฏเป็นร่างวิญญาณมาร เมื่อนั้นออร่าเหล่านั้นก็ดึงพลังงานออกจากร่างของชายผู้นั้นช้า ๆ ไม่สิ... มันคือพลังวิญญาณของชายผู้นั้นเสียตะหาก... เสียงกรีดร้องจากชายผู้ตกเป็นเหยื่อเริ่มเบาลงไปจนในที่สุดชายผู้นั้นก็ไม่อาจจะกรีดร้องออกมาได้ เสียงร้องของเขาแหบแห้งจนไม่สามารถได้ยิน

  หญิงสาวผู้นั้นมิอาจจะทนดูสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปได้ รู้สึกเหมือนตัวหล่อนจะโอนถ่ายพลังให้แก่ทารกทั้งสองของตนเรียบร้อยแล้ว เธอลุกขึ้นมาพร้อมกับคาถาแล้วปล่อยคลื่นพลังใส่มารตนนั้น มารร้ายตนนั้นถูกพลังมนต์ของแม่มดจนทรุดลงผืนดิน เขาหยุดที่จะดูดกลืนพลังงานของโครนอสและหันตัวไปหามาเรียผู้นั้น ว่าแล้วมารร้ายไม่รอช้าก็รุกตัวเข้าไปหาแม่มดผู้นั้นทันที เขากดร่างแม่มดติดกับกำแพงรถม้าที่เป็นไม้ราคาแพง แม้ว่าเธอจะใช้กำลังที่มีพยายามจะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการนั้นแต่ก็ไม่เป็นผลใด ๆ... ปีศาจร้ายตนนั้นแสยะยิ้มด้วยความสุขเมื่อเห็นใบหน้าแม่มดที่ได้รับความเจ็บปวด ความทุกข์ที่ไม่อาจจะหลีกหนีได้ เพลิงพิโรธแห่งปีศาจเผาไหม้คาถาของหญิงผู้นั้นจนสลายกลายเป็นธุลีดำสนิท บัดนั้นมารร้ายก็หันไปมองทารกทั้งสองที่ร้องไห้เสียงดังเป็นที่น่ารำคาญ การกระทำนั้นทำให้แม่มดผู้นี้พยายามขัดขืนตนยิ่งกว่าเดิมแต่กลับถูกพลกำลังของอสูรสะกัดไว้ได้ทั้งหมด

“เจ้าไม่ฉลาดเอาเสียเลยนะนังแม่มด !!” มารร้ายตนนั้นเปล่งวาจาขึ้น “คิดว่าตัวเจ้าจะอาจซ่อนพลังแห่งซินโดร่าไปจากข้าได้งั้นหรือ ?”
“ก่อนที่ข้าจะสังหารเจ้าทิ้ง... ข้าจะพรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเจ้า !! เมื่อนั้นเจ้าจะตายอย่างทรมาณยิ่งกว่าตกนรกขุมไหน ๆ” ไซอาลอทเอ่ยพร้อมกับมองร่างของทารกที่เปล่งเสียงร่ำไห้
“..และข้าจะนำพลังที่ควรจะเป็นของข้ากลับคืน !!”

  ที่กายของมารร้ายไซอาลอทได้ก่อเกิดพลังงานสีเขียวรูปร่างวิญญาณเฉกเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เหล่าพลังงานวิญญาณเหล่านั้นได้พุ่งตัวเข้าไปหาทารกทั้งสอง แม้หญิงผู้นั้นจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อช่วยลูกของตนแต่ก็มิอาจต่อกรกับปีศาจได้เลย วิญญาณร้ายได้เข้าถึงตัวทารกทั้งสอง เมื่อนั้นมันก็สัมผัสผิวกายของสิ่งมีชีวิตตัวเล็กเหล่านั้น แต่วิญญาณเหล่านั้นกลับสลายหายไปเมื่อมันได้แตะต้องร่างของทารก อีกทั้งร่างกายของเด็กทั้งสองก่อเกิดเป็นม่านพลังแปลกประหลาดคลุมกายพวกเขาเอาไว้ มันทำให้มารเพลิงตนนั้นรู้สึกโกรธต่อสิ่งที่เห็น เขาหัวไปจ้องหน้าของแม่มดด้วยสายตาอาฆาต แต่กลับกันมาเรียผู้นั้นกลับยิ้มตอบรับทั้งด้วยความพึงพอใจและเย้ยต่อปีศาจ

“ไม่มีใครหน้าไหนที่สามารถทำลายพลังมนต์ของข้าได้หรอก... เจ้าปีศาจ” เธอเอ่ยขึ้นมา

  วาจานั้นได้จุดประกายโทสะของมารเพลิงผู้นี้ ราวกับว่าในโลกนี้ยังมีสิ่งใดที่มารร้ายยังไม่สามารถทำได้อยู่ ไซอาลอทรู้สึกไม่ยอมรับมัน... โกรธเกรี้ยวต่อแม่มดผู้นั้น เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น ลิ้นมังกรเพลิงที่กลางอกของมารเพลิงก็ได้พุ่งเข้าทะลุกลางอกของมาเรีย เป้าหมายของมันเป็นที่แน่ชัดนั่นคือหัวใจ บาดแผลที่กลางอกได้สร้างความเจ็บปวดทรมาณแก่เธอจนเจียนตาย อีกทั้งยังมีอณูปราณสีเพลิงที่คอยเผาผลาญกายสตรีเรื่อย ๆ มารร้ายผู้นั้นจดจ้องหญิงสาวด้วยสายตาอาฆาต เหมือนว่าจะสังหารหล่อนด้วยพลังนี้ ชายผู้ที่พยายามปกป้องหญิงสาวผู้นั้นเห็นถึงสิ่งที่ประจักษ์ต่อหน้าตน มันได้สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวที่ไม่ต่างไปจากแม่มดผู้นั้นเลย หัวใจของชายผู้นี้แตกสลายด้วยความเศร้าที่ตนไม่อาจจะทำในสิ่งที่ตนควรจะทำได้จริง ๆ ไม่นานนัก... ลิ้นปีศาจที่คมราวกับใบมีดก็ถูกดึงกลับไปที่ศีรษะของมังกรที่กลางอก ร่างของหญิงผู้นั้นไถลลงสู่พื้นดินพร้อมกับคราบเลือด มารร้ายตนนั้นยังรู้สึกถึงลมหายใจของหญิงผู้นั้นอยู่ เขาสามารถสัมผัสถึงกระแสชีวิตที่ไหลอย่างแผ่ว ๆ ในร่างกายเธอ ที่นิ้วมือของไซอาลอทได้มีเล็บแหลมคมงอกขึ้นมา

“ฉึกกกกก !!!!!”

  เสียงจากการทิ่มแทงโดยของมีคมดังขึ้น ตามมาด้วยโลหิตที่ไหลรินราวกับสารธารเอ่อทะลัก เหตุการณ์ทุกอย่างตหอยู่ในสภาพอันเงียบครึม หาได้มีผู้ใดที่เอ่ยวาจาออกมาแม้แต่ลมปาก ชายผู้สวมผ้าคลุมตกตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตนแหงนหน้าขึ้นไปมองด้วยสายตาที่ไม่ใช่ในสิ่งที่ประจักษ์ ร่างกายของปีศาจร้ายทรุดลงสู่แผ่นไม้ของรถม้า เลือดของตนไหลรินออกมา แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังมิทราบสาเหตุว่ามันเกิดขึ้นได้เพียงใด เมื่อไซอาลอทก้มลงมองที่อกของตนจึงพบกับว่าขวานแห่งบาบาเรี่ยนนั้นได้ปักทะลุจากข้างหลัง มันถูกแทงเข้าไปลึกจนแทบจะมิดด้ามขวานเสียด้วยซ้ำ แต่มันเป็นไปได้เช่นไรในเมื่อไม่นานมานี้ ขวานเล่มนี้มิอาจจะสร้างบาดแผลแบบนี้ต่อปีศาจร้ายได้เลย และแล้วขวานนั้นก็ดึงตัวของมารร้ายออกไปจากรถ เมื่อนั้นมารร้ายก็ถูกหัตถ์แห่งดินที่ผุดขึ้นมาจากผืนดินตรึงร่างไว้ แรงนิ้วของมือนั้นกดร่างทั้งร่างของอสูรจนมิอาจหลุดจากพันธนาการนี้ได้ ที่เหนือหัวของปีศาจปรากฏเป็นชายชราโคลริมกระโจนตัวเข้ามาซัดหมัดลงไปกลางหน้าของปีศาจ

“ปึ๊กกกกกก !!!!!”

  ชายแก่ผู้นั้นรัวหมัดใส่มารร้ายด้วยพลังทั้งหมดของตน หมัดจำนวนนับไม่ถ้วนที่ไม่อาจประเมินค่าความแรงได้เข้าซัดสู่มารเพลิง แต่ทว่ากำปั้นเหล่านั้นหาได้เป็นหมัดแห่งความยุติธรรม เว้นเสียแต่เป็นความพิโรธที่เหนืออสูร มันดูรุนแรง น่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังที่ไซอาลอทได้แสดงออกมาเสียอีก หลังสิ้นสุดการออกหมัด โคลริมได้ดึงขวานออกจากอกแห่งปีศาจ โลหิตสีแดงเข้มปนลาวาเพลิงกระฉูดออกมาจากกายของมาร เมื่อนั้นคมขวานก็ระดมกระหน่ำไปสู่ร่างกายทั่วทั้งตัวของไซอาลอท รัวเสียยิ่งกว่าความเร็วหมัด เสียงขวานที่กระทบต่อร่างกายปีศาจก่อเกิดเสียงการฟันจนสามารถได้ยินมันแม้กระทั่งว่าจะอยู่ไกลจากมันก็ตามที... ปราณที่จับตัวแน่นที่ขวานนั้นแสดงถึงพลังที่เหนือกว่าเมื่อสู้กับมารเพลิงครั้งแรก ในครั้งนี้มันสามารถสร้างบาดแผลให้กับปีศาจร้ายได้ แต่ถึงกระนั้นมารตนนี้ก็ไม่แสดงถึงความอ่อนแอต่อศัตรูเลย ทันใดนั้นเอง... บาบาเรี่ยนได้ทิ้งขวานปักลงไปกับพื้นดิน เขาประกบมือทั้งสองอย่างแรงและก่อเกิดเป็นหัตถ์ธุลีจำนวนสองข้างขึ้นมากระทบเป็นท่าเดียวกับการประกบมือของโคลริม แต่จุดศูนย์กลางที่มันกระแทกคือร่างของอสูรที่ไม่สามารถขยับตนได้ มารร้ายหลุดพ้นพันธนาการจากการโจมตีนั้นแต่เขาก็ได้รับความเสียหายพอดูจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้ในทันที

“ตายยากเสียจริงนะไอ้แก่...” มารร้ายตนนั้นเอ่ยทั้ง ๆ ที่ตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ “ทีแรกข้าจะเก็บเจ้าไว้ให้ดูจุดสิ้นสุดของโพรโตเนี่ยน... แต่ข้าเปลี่ยนใจแล้ว...”
“เจ้าจะได้ตายไปพร้อมกับลูกสาวตัวเอง !!”
“ศพเดียว... วิญญาณที่จะถูกสังเวยแก่พระเจ้ามีเพียงแค่เจ้าเท่านั้น !!” โคลริมตอบกลับ
“พระเจ้า ?... น่าขำ !! จะให้มันมาลงทัณฑ์นักฆ่าพระเจ้าเช่นข้ารึไง ?!”
“ข้าตะหากที่จะลงทัณฑ์มารเช่นแก !!... แต่เมื่อหลังแกสิ้นลม ข้าจะถวายวิญญาณชั่วของแกให้พระเจ้าก็เท่านั้น !!”
“แต่แกตายไปพร้อมกับพระเจ้าและโพรโตเนี่ยน !!” มารโต้วาจากลับ

  ในช่วงพริบตาที่จอมมารกล่าวคำตนจบลง... ตนได้เริ่มเปิดฉากจู่โจมใส่ชายชราผูนั้นทันที ทั้วทั้งมือสองข้างและหน้าอกที่มีหัวมังกรโผล่ขึ้นมานั้นได้ก่อเกิดพลังงานออร่าสีส้มเข้มที่ดูทรงพลัง เมื่อนั้นมันก็ถูกปลดปล่อยเป็นพลังยิงออกไปใส่ชายชราทันที ด้วยความเร็วของกระสุนออร่าขนาดใหญ่เท่ากับปืนใหญ่นั้นได้พุ่งเข้าใส่ชายชราอย่างรวดเร็วยิ่งนัก แต่ในจังหวะเดียวกับที่มันถูกปล่อยออกมา ชายชราผู้นั้นก็พนมมือตนไว้ ทั่วทั้งรัศมีร่างกายของชายผู้นั้นก่อเกิดเป็นหินแข็งที่ปลกคลุมดั่งบาเรียไม่ผิดเพี้ยน การโจมตีเหล่านั้นกระทบสู่การป้องกันที่แข็งแกร่งจึงไม่ก่อเกิดผลใดมากนัก แต่กระสุนปราณเหล่านั้นยังถูกขับออกมาจากร่างกายปีศาจไม่หยุดหย่อน ถึงแม้ว่าเกราะหินนั้นจะดูแข็งแกร่งและสามารถป้องกันความเสียหายได้ดีก็ตามที แต่พลังของมารก็เริ่มทำให้บาเรียนนั้นมีรอยขีดข่วน รูที่ได้รับการโจมตีอย่างแรงเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และฝุ่นควันได้ตลบอบอวนรอบเกราะหินจนไม่สามารถมองเห็นพื้นที่รอบ ๆ นั้นได้นอกจากกระสุนเพลิงที่ถูกขับไปเท่านั้น จนถึงบัดนี้แล้วไซอาลอทก็หาได้ที่จะหยุดการโจมตีตนซ้ำยังทำให้มันดูมีศักยภาพยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ

  โครนอสเริ่มรู้สึกตัวจากการถูกมารทำร้าย เขาเข้าไปดูอาการของผู้เป็นนายตนเอง ชายสวมผ้าคลุมซบกอดเธอพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินออกมา เขาล้มเหลว... คนที่ควรจะเป็นแบบนี้ควรจะเป็นตัวเขาเองหาใช่เธอ

“ผมขอโทษ...” ชายผู้นั้นเอ่ยขึ้นทั้ง ๆ ที่สะอึกสะอื้นไปด้วยความโศกเศร้า
“ขอโทษที่ไม่สามารถปกป้องท่านได้...”

  เขารู้ดีว่าคำพูดในตอนนี้เธอคงจะไม่ได้ยินมัน แต่ลึก ๆ แล้ว... เขายังอยากให้เธอรับรู้ หวังให้เธอฟื้นขึ้นมาตอบรับคำพูดตน แม้จะไม่ยกโทษให้ก็ยังดี บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบงัน เหลือเพียงเสียงร่ำไห้ของชายหนุ่ม แม้กระทั่งทารกน้อยทั้งสองที่ไม่รู้ถึงสิ่งที่เกิดยังร่ำไห้ออกมาเช่นกัน ภายนอกออกไป... การกระหน่ำจู่โจมของมารร้ายสิ้นสุดลงเหลือเพียงฝุ่นควันที่เริ่มจางหายไปช้า ๆ ปรากฏเป็นผืนดินที่ได้ถูกทำลายย่อยยับ เว้นเสียแต่พื้นที่วงกลมเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความเสียหายใด ๆ แต่กลับไร้ซึ่งลมหายใจ มารร้ายเกิดความสงสัยว่าเหตุใดชายชราผู้นั้นจึงหายไปพร้อมกับฝุ่นควันได้ เขาหัวไปรอบ ๆ ด้วยความระมัดระวังตน ไม่นานนักในจุดที่ไซอาลอทยืนอยู่มีแท่นศักดิ์สิทธิ์ผุดขึ้นมา แต่มารร้ายสามารถรับรู้ถึงมันได้เสียก่อนจึงหลีกตัวหลบออกมาได้ แท่นนั้นดูสูงยาวซ้ำยังมีสัญลักษณ์แสดงถึงความเก่าแก่อย่างชัดเจน ในชั่ววูบ... แท่นนั้นได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ซึ่งข้างในมีชายชราอยู่ เขาฟาดขวานใส่มารร้ายด้วยแรงมหาศาลของตนจนมารร้ายซัดปลิวออกไปไกลลิบตาจนร่างกระทบใส่กับภูเขาขนาดใหญ่

  ชายร่างยักษ์ดีดตัวตามไปด้วยความเร็วสูง ออกหมัดข้างขวาตนใส่ท้องของปีศาจ “ตึง !!!!” ความรุนแรงของหมัดนั้นทำให้แม้กระทั่งภูเขานั้นยุบตัวลงไป เลือดที่เต็มไปด้วยไอร้อนของมารร้ายกระอักออกมาจากปาก ทั้งยังร้องด้วยความเจ็บปวดแสนทรมาณจากการโจมตีต่าง ๆ นานาที่ตนได้รับมา... แสงจันทราส่องจ้ากระทบสู่ร่างของบาบาเรี่ยนตกทอดเป็นเงาบดบังปีศาจร้าย ชายชรายืนจ้องมองอสูรด้วยสายตาอาฆาตแต่นั่นกลับทำให้อสูรร้ายแสยะยิ้มอย่างพึงพอใจ

“เมื่อกี้สำหรับสหายแห่งสตอร์ม ครูเซสที่แกสังหารไป...” โคลริมเอ่ย “แต่ต่อไปเพื่อโพรโตเนี่ยน...”
“หึหึหึ... ไม่เผื่อไว้ให้ลูกสาวแกด้วยรึไง ?” ไซอาลอทพูดเชิงประชดประชันและหัวเราะเบา ๆ

  แน่นอนว่าคำพูดแบบนั้นย่อมทำให้ชายผู้นี้เลือดร้อนอย่างแน่นอน... โคลริมออกหมัดกระทบมารร้ายอีกครั้ง แต่แรงหมัดในครั้งกลับรุนแรงเสียยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ เพียงแค่การโจมตีนั้นครั้งเดียวสามารถทำลายภูเขานั้นจนเป็นจุล ร่างของมารเพลิงซัดปลิวออกไปไกลแสนไกล จนเมื่อตนรู้ตัว... ตนก็หาได้อยู่ในขอบเขตของดินแดนมรกตแล้ว แต่หากเป็นดินแดนสีทับทิมทั่วทั้งผืนดิน ไม่ว่าจะเป็นพืชพรรณป่าไม้หรือสีของธุลีดินก็ตามที ไซอาลอทเบรคตัวหยุดจากแรงผลักที่ตนได้รับมา เมื่อนั้นตนก็หันไปมองชายร่างยักษ์ที่กระโดดพุ่งตามมาอยู่ต่อหน้าตน พวกเขาจ้องหน้ากันอีกครั้ง... เหมือนเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการต่อสู้ที่แท้จริงของพวกเขากำลังจะมา พลังออร่าของทั้งคู่เอ่อล้นจนทำให้ผืนป่ารอบข้างกระจัดกระจุยเหลือเพียงแต่พื้นดินว่างเปล่า แรงระเบิดของการรวบรวมพลังของทั้งคู่นั้นมีความรุนแรงที่สามารถสังหารมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเขาหาใช้มนุษย์ธรรมดา ชายทั้งสองคนนี้ไม่ต่างจากเทพเจ้า... และการต่อสู้หลังจากนี้มันจะกลายเป็นการต่อสู้ที่แท้จริง เพื่อตัดสินว่าเทพหรืออสูรที่จะยืนอยู่เหนือคราบเลือดแห่งปรปักษ์

“ได้เวลาที่ข้าจะต้องเอาจริงแล้วสินะ... บาบาเรี่ยน !!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm : Act V
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» รับสมัครตัวละครเรื่อง Cataclysm
» Cataclysm : Act I
» Cataclysm : Act II
» Cataclysm : Act III
» Cataclysm : Act IV

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: