Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Shining in the Darkness : EP 4

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Shining in the Darkness : EP 4 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Shining in the Darkness : EP 4   Shining in the Darkness : EP 4 EmptyMon Oct 05, 2015 3:16 pm

ดวงตะวันขึ้นมายังขอบฟ้า มันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่ายามวิกาลนั้นสิ้นสุดแล้ว ความมืดนั้นถูกขับไล่โดยแสงสว่างจากดวงตะวัน ผู้คนต่างเริ่มใช้ชีวิตของพวกเขา ทุกคนต่างเริ่มเล่นบทบาทของตัวเอง บทที่ถูกเขียนโดยท่านเทพฟอร์จูน บทที่เต็มไปด้วยว่าชีวิตในวันนี้ ต้องทำอะไร จะต้องเจออะไร บางทีหลายคนนึงก็นึกสงสัยนะ ว่าบางทีเราสามารถแก้ไขบทของพระเจ้าได้รึเปล่า และหลายคนก็พยายามจะลุกขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงบทที่ถูกเขียนไว้ บ้างก็เปลี่ยนแปลงสำเร็จ บ้างก็ไม่ หรือจริงๆแล้วการที่เราลุกขึ้นมาเพื่อพยายามจะเปลี่ยนบทประพันธ์นั้นก็เป็นส่วนหนึ่งที่ถูกนิมิตโดยฟอร์จูนเหมือนกัน?

“คนมุงอะไรกันนะ” โดเมนิกพูดขึ้นพลางเห็นกลุ่มคน

โดเมนิกหันไปมองฝูงผู้คนที่กำลังมุงอะไรบางอย่าง ในมือของเขายังมีเจ้าโดโรธีเหมือนเดิม ตอนนี้ชายผมขาวนัดกับผู้ร่วมเดินทางของเขาอีกคนอย่าง “โรซารี่” ไว้ที่หน้าประตูเมือง แต่ดูเหมือนยังมีเวลาอยู่นิดหน่อย จึงทำให้ชายผมขาวคนนี้เดินตรงไปยังฝูงชน เขาแหวกเข้าไปช้าๆ ก่อนที่เมื่อเขาอยู่แถวหน้าสุด ภาพที่เขาเห็นนั้นต้องทำให้ดวงตาของเขาเบิกโพลนด้วยความตกใจ มันเป็นร่างของชายคนหนึ่งที่มีแมลงวันตอม ขาของเขาถูกตัดออกข้างนึง ขาข้างที่ถูกแยกออกจากร่างกาย อยู่ไม่ห่างกับร่างที่เน่าเหม็นเท่าไหร่ เลือดนั้นนองไปทั่วพื้น โดเมนิกเอามือปิดปากของเขา เขาอยากจะอ้วกออกมา แต่เขาก็พยายามฝืนไว้ เขาเดินฝ่าออกมาจากฝูงชน ในขณะที่เขากำลังเดินออกมา เขาก็เห็นทหารสองคนเดินสวนเข้าไป ดูเหมือนจะเข้าไปเก็บกวาดร่างไร้วิญญาณที่สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนแถวนี้

แม้ว่าความรู้สึกของเขาตอนนี้จะเต็มไปด้วยความคลื่นไส้และความสยดสยอง ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยเห็นภาพของคนตายมาก่อน ถ้าให้พูดตามตรงภาพของแม่ของเขาที่ถูกปีศาจตัวนั้นบดขยี้ร่างของเธอยังคงติดอยู่ในความทรงจำของเขา ไม่ว่าเขาอยากจะลบมันออกแค่ไหน มันก็จะออกมาหลอกหลอน แต่อย่างน้อยๆเขาก็ไม่เคยได้กลิ่นศพที่เน่าและศพที่ถูกชิ้นส่วนร่างกายถูกแยกออกจากกัน เขายังคงก้าวเท้าไปยังจุดหมาย และเมื่อเขาถึงจุดหมายเขาก็เห็นหญิงผมขาวยืนรอเขาอยู่ สีหน้าของนางนั้นยังคงนิ่งสนิทราวกับสายน้ำที่ไม่ได้เคลื่อนไหว เธอหันมาหาพร้อมกับเอ่ยปากขึ้น

“ทำไมสีหน้าของเจ้าเป็นเช่นนั้น”

สีหน้าของโดเมนิกนั้นซีดเซียว ไม่ว่าจะเป็นใครก็สามารถสังเกตเห็นได้

“ข้าเห็นศพ...ศพที่ขาถูกขาดออกจากตัว” โดเมนิกตอบกลับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“หรอ” โรซารี่ตอบรับสั้นๆราวกับสิ่งที่โดเมนิกพูดนั้นเป็นเรื่องธรรมดา

เธอหันหลังไปก่อนจะเดินนำหน้าชายหนุ่มร่างเล็ก ทั้งคู่เดินผ่านประตูเมืองก่อนจะมุ่งไปยังจุดหมายที่อยู่ทางเหนือของดินแดนนี้ มันเป็นระยะทางที่ไกลและคงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะถึง แต่ถึงกระนั้นตอนนี้สิ่งที่โดเมนิกกำลังคิดอยู่นั้นคือปฏิกริยาอันสุดแสนจะนิ่งเฉยของนาง หากทว่าเขาเองก็ไม่กล้าถามเท่าไหร่ อาจจะเพราะด้วยท่าทีที่ดูน่ากลัวของเธอหรืออาจจะเพราะโดเมนิกเป็นแค่คนขี้อายก็ได้

เสียงฝีเท้าของทั้งคู่ที่เหยียบย่ำลงบนธรณีดังขึ้นเป็นจังหวะ เช่นเดียวกันกับเสียงหายใจของโดโรธีที่ถูกโอบอุ้มโดยเจ้านายของมัน รอบๆนั้นมีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นระยะๆ รวมถึงยังมีเกวียนที่ขับสวนทั้งสอง แสงแดดอ่อนๆนั้นอาบพื้นดิน ทำให้พื้นดินที่หนาวเย็นกับกลายเป็นพื้นดินที่อบอุ่น บางทีตอนที่โดเมนิกอยู่กับอเล็กซิมัส เขาก็ชอบนอนอยู่บนผืนหญ้าที่ถูกอบด้วยแสงแดด มันทำให้เขารู้สึกสงบ เพราะสิ่งเดียวที่เขาได้ยินคือเสียงของสายลมที่พัดผ่านใบหญ้า

“เอ่อ ท่านโรซารี่ ทะ-ทำไมเมื่อกี้ท่านไม่ตกใจเลย?” โดเมนิกรวบรวมความกล้าก่อนจะเอ่ยปากถาม
“ไม่ล่ะ ข้าชินกับความตายพวกนี้แล้ว” เธอตอบกลับโดยไม่มีการลังเลและไม่มีการหันมาเหลียวมองผู้ถามเลยแม้แต่น้อย
“ชีวิตนี้ ข้าต้องเผชิญหน้ากับความตายมาตลอด จะพูดว่าความตายนั้นเป็นเหมือนครอบครัวของข้าก็ไม่ผิดนัก”

“จะว่าไปเมื่อกี้ท่านพูดเรื่องครอบครัว ท่านพอจะเล่าเรื่องครอบครัวให้ข้าฟังได้ไหม?” โดเมนิกพยายามเปลี่ยนประเด็น

เธอเงียบอยู่ชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามาตอบโดเมนิกที่เดินไล่หลังเธอ

“ครอบครัวของข้าตายแล้ว”

เมื่อได้ยินคำตอบแล้วโดเมนิกก็นึกย้อนไปว่าไม่น่าเอ่ยปากถามเลย แต่ในเมื่อเขาถามออกไปแล้ว เขาก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ ความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งนึง ทั้งคู่ยังคงเดินต่อไปบนถนนที่แสนจะยาวไกลและไม่รู้ว่าจะสิ้นสุดลงที่ไหน

=====

ณ ขณะเดียวกันที่ห้องสมุดในคฤหาสน์หลังใหญ่ของอเล็กซิมัส ชายหนุ่มผมสีทรายนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมของเขา ใกล้ๆกับเขาก็ยังคงมีหนังสือที่ถูกเปิดออกอยู่ ข้างๆเขาก็ยังคงมีถ้วยชาที่วางไว้ แต่หากทว่าดวงตาของเขานั้นเหม่อลอยออกไป แม้จะมีหนังสือวางอยู่ข้างหน้า เขาไม่ได้ดำดิ่งลงไปในโลกแห่งตัวอักษร ตอนนี้ในหัวของเขากังวลเรื่องของ “โดเมนิก” เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาปล่อยให้โดเมนิกออกไปผจญโลกภายนอก ก็คงเหมือนกับพ่อแม่เวลาที่ลูกของตัวเองอยู่ไกลละมั้ง อเล็กซิมัสนึกสงสัยอะไรมากมาย ตอนนี้โดเมนิกอยู่ไหน โดเมนิกลำบากรึเปล่า ตอนนี้เขาได้นักรบที่สามารถปกป้องเขาได้รึยัง อาหารการกินเป็นยังไงบ้าง คำถามนับล้านวิ่งในหัวของเขาไม่หยุด และไม่ว่าจะเป็นตอนไหน คำถามพวกนี้ก็ไม่หยุดเสียที

“ดูเหมือนเจ้าจะเป็นกังวลนะ” เสียงของใครบางคนดังขึ้นมา

อเล็กซิมัสได้ยินก็หันไปตามเสียง ก่อนเขาจะเห็นสิ่งมีชีวิตที่รูปร่างเหมือนมนุษย์ มันมีแขน มันมีขา และมีศีรษะเหมือนดั่งมนุษย์ทั่วๆไป แต่ที่อธิบายว่าเหมือนมนุษย์ เพราะสีผิวของมันนั้นเป็นสีน้ำเงินทั้งหมด จะบอกว่าเป็นผิวหนังก็ไม่ค่อยถูกนัก เพราะมันเหมือนกล้ามเนื้อที่ถูกย้อมเป็นสีน้ำเงินซะมากกว่า ดวงตาของมันนั้นว่างเปล่า เท้าของมันนั้นลอยอยู่กลางอากาศ บนศีรษะของชายคนนี้นั้นไร้ซึ่งเส้นผม มีแค่ผิวเรียบๆ หรือจะให้พูดว่าหัวล้านน่าจะเข้าใจง่ายกว่า เมื่อเล็กซิมัสเห็นใบหน้าของชายคนนี้ก็ลงจากเก้าอี้ก่อนจะคุกเข่าลงไปเพื่อแสดงความเคารพ

“ท่านฟอร์จูน ท่านมีธุระอันใดกับข้างั้นหรือ?”

เอาจริงๆมันเป็นภาพที่แปลกตาไม่น้อยเลยที่จะเห็นจอมมารคุกเข่าให้กับพระเจ้า ตามปกติแล้วพระเจ้ากับจอมมารเป็นเหมือนศัตรูตัวฉกาจกัน ทั้งสองต่างเกลียดซึ่งกันและกัน และหวังจะปลิดชีพอีกฝ่าย แน่นอนว่ามีจอมมารหลายคนพยายามจะหาทางกำจัดฟอร์จูน แต่ไม่ว่าจะทำยังไง ก็ไม่มีใครทำได้ซักที จนกระทั้งตำแหน่งของจอมมารถูกส่งต่อมายังอเล็กซิมัส ซึ่งแน่นอนว่าอเล็กซิมัสนั้นทำในสิ่งที่จอมมารทุกคนไม่เคยทำและนั่นก็คือการเป็นเพื่อนกับฟอร์จูน และไม่รู้ว่าอีท่าไหนฟอร์จูนก็กลายเป็นหนึ่งในเพื่อนคนสำคัญของจอมมารอเล็กซิมัสไปซะอย่างงั้น

“ข้าไม่ได้มีธุระอันดับกับเจ้าหรอก ข้าแค่มีโอกาสผ่านมาแถวนี้เฉยๆ”
“งั้นหรือ” อเล็กซิมัสตอบรับ
“จะว่าไป ข้าสัมผัสได้ว่าเจ้าอยู่คนเดียวในคฤหาสน์หลังนี้ แล้วโดเมนิกล่ะ?” ฟอร์จูนเอ่ยปากถาม
“ข้าส่งเขาออกไปตามแฟร์เรลและลูเซี่ยนน่ะ” ชายผมสีทองตอบคำถามของฟอร์จูน
“เพราะนิมิตที่เจ้าเห็นหรือ?” ฟอร์จูนถามต่อ

“ใช่ เพราะนิมิตที่ข้าเห็น....ฟอร์จูนข้ารู้นะว่ามันไม่ใช่งานของเจ้า แต่เจ้าช่วยเปลี่ยนอนาคตให้อย่างน้อยๆโดเมนิกรอดได้ไหม?”
“หมอนี่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย ข้าไม่อยากให้เขาต้องมารับกรรมกับสิ่งที่ข้าได้รับ” อเล็กซิมัสอ้อนวอน

ฟอร์จูนมองโดเนมิกด้วยดวงตาที่ไร้นัยน์ตา อเล็กซิมัสแหงนหน้ามองก่อนจะรู้ว่าคำตอบของฟอร์จูนคืออะไร

“ไม่ได้ซินะ”

=====

ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ไม่ว่าจะมองไปทางไหนนั้นก็ไม่เห็นอะไร ยิ่งเฉพาะอยู่ในป่าแบบนี้ สถานที่ซึ่งไร้ความศิวิไลซ์ แน่นอนว่าในป่านั้นเป็นสถานที่ที่ไม่ใครอยากอยู่ในยามวิกาล ดังนั้นแล้วทุกคนคงหาวิธีจะเลี่ยงจากสถานที่แห่งนี้ให้มากที่สุด แต่ถึงกระนั้นในตอนนี้ท่ามกลางป่าอันแสนจะมืดมิด ก็มีกองไฟกองหนึ่งถูกก่อขึ้นมา ควันนั้นลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างช้าๆ ใกล้ๆกับกองไฟนั้นมีชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ เพราะสายลมยามค่ำคืนนั้นหนาวเหน็บเหลือ ทำให้โดเมนิกต้องนั่งยื่นมือไปยังกองไฟ เพื่ออบอุ่นร่างกาย เขาใช้ผ้าเก่าคลุมร่างกายของเขาไว้ด้วย เช่นเดียวกันกับโรซารี่ที่นั่งอยู่ตรงข้าม โดเมนิกใช้มือของเขาลูบไปยังศีรษะของโดโรธีที่กำลังนอนอยู่บนตักของโดเมนิก บนตัวของมันนั้นก็มีผ้าห่มผืนเก่าๆคลุมไว้เช่นกัน

“ดูเหมือนเจ้าจะรักสุนัขตัวนี้มากนะ” โรซารี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยพูด
“อื้อ ข้าเป็นคนรักสุนัขอยู่แล้ว” โดเมนิกเงยหน้ามาตอบ
“ถ้าไม่รังเกียจจะลองลูบหัวมันดูไหมครับ?” ชายผมขาวถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

โดเมนิกอุ้มโดโรธีไปก่อนจะนั่งข้างๆกับโรซารี่ เธอมองไปมายังสุนัขขนสีน้ำตาลที่มองเธออยู่เหมือนกัน โรซารี่ยื่นมือไปหามันช้าๆก่อนจะสัมผัสหัวของมัน เธอลูบมันช้าๆด้วยรอยยิ้ม จะว่าบอกนี่เป็นครั้งแรกที่โดเมนิกเห็นรอยยิ้มของหญิงคนนี้เลยก็ว่าได้ ในขณะที่เธอกำลังลูบอยู่นั้น สุนัขตัวนี้ก็อ้าปากขึ้นก่อนจะงับเข้าใส่แขนข้างที่ลูบโดโรธีอยู่

“โอ๊ย!!” โรซารี่ร้องด้วยความเจ็บ

เธอดึงมือของเธอออกก่อนจะใช้มืออีกข้างจับจุดที่โดนกัด รอยยิ้มมะกี้กับการใบหน้าบึ้งตึง โดเมนิกที่อุ้มสุนัขตัวนี้อยู่ก็จับมันหันมายังหน้าของตัวเองก่อนจะพูดกับมัน

“ไม่ดีเลยนะ โดโรธี อย่ากัดคนอื่นแบบนี้ซิ” โดเมนิกต่อว่ามัน

โดโรธีที่ตอบรับอยู่ตอบรับกลับด้วยการเลียไปใบหน้าของโดเมนิกแทน ยังไงเสียโดโรธีก็คงเป็นสุนัข มันไม่เข้าใจหรอกว่าโดเมนิกกำลังพูดอะไรกับตนอยู่ โรซารี่ทิ้งตัวลงไปกับพื้นก่อนจะใช้ผ้าห่มคลุมร่างของตัวเอง

“เจ้ารีบหน่อยเถอะ พรุ่งนี้เราต้องรีบตื่นแต่เช้า” เธอพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่

โดเมนิกพยักหน้าตอบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าหญิงผมสีขาวนี้จะมองเห็นรึเปล่า เขาเดินกลับไปตรงที่เขาเดินจากมาก่อนจะทิ้งตัวลงไปบนพื้น มันเป็นพื้นที่เย็นเฉียบ และไม่สะดวกสบายเหมือนกับเตียงที่เขาเคยนอน เขารู้สึกได้ถึงก้อนหินที่ทิ่มแทงหลังของเขา จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขานอนบนพื้นดินก็คงได้ ตอนนี้ในเขากำลังคิดถึงเตียงอุ่นๆที่เขาเคยใช้นอน แต่ว่าตอนนี้เขาคงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากจำใจต้องนอนบนพื้น โดเมนิกหลับตาลงและด้วยความเหนื่อยล้า จึงทำให้เขาเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Shining in the Darkness : EP 4
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: