Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Shining in the Darkness : EP 8

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Shining in the Darkness : EP 8 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Shining in the Darkness : EP 8   Shining in the Darkness : EP 8 EmptySun Oct 18, 2015 9:01 pm

รถเกวียนที่ถูกลากโดยม้าสีน้ำตาลนั้นวิ่งไปบนถนนลูกลังที่ถนนลูกลังที่ถนนลูกลังที่ขรุขระ โดเมนิกนั่งมองไปรอบๆ ตลอดทางนั้นเริ่มมีบ้านเรือนและทุ่งนาตั้งอยู่ ต่างกับในพงไพรเมื่อครู่นี้โดยสิ้นเชิง เมื่อเขานั่งเกวียนแล้วมันก็ทำให้เขานึกถึงครั้งแรกที่เขาออกเดินทาง แต่มันมีอะไรหลายๆอย่าง ต่างจากครั้งแรก อย่างแรกคืคนคนขับเกวียนนี้ไม่ใช่คุณลุงที่ไหน แต่คือมาร์ค และสองคือ ตอนนี้เขาไม่ได้เดินทางอย่างโดดเดี่ยว และสุดท้าย โดโรธีตอนนี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่เคย...โดเมนิกหันไปยังหญิงผมสีชมพูที่นั่งข้างๆเธอ เมื่อโดโรธีในร่างมนุษย์เห็นชายผมสีขาวยิ้มให้ก็ทำให้เธอยิ้มกลับ รอยยิ้มของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสดใสและความน่ารัก ทำให้ชายผมขาวเบี่ยงหน้าหนีด้วยความเขินอาย

“โชคดีจังเลยนะที่คุณลุงคนนั้นยอมขายเกวียนคันนี้ให้เรา ไม่งั้นคงแย่แน่ๆ” มาร์คผู้เป็นคนขับเกวียนพูดขึ้นพร้อมกันหันมาทางเหล่าผู้โดยสารสามคน
“อื้ม...ถ้าเราไม่ได้ เกวียนคันนี้มาล่ะก็ เราคงต้องเดินกันขาลากแน่ๆ” โดเมนิกตอบกลับ

หลังจากที่พวกเขาออกมาจากป่า พวกเขาก็เจอบ้านหลังหนึ่ง มันเป็นบ้านเล็กๆซึ่งเป็นบ้านของสองตายาย ที่เป็นชาวนา และด้วยอะไรหลายๆอย่างจึงทำให้กลุ่มของโดเมนิกขอซื้อเกวียนต่อ และด้วยจำนวนเงินที่ยากเกินกว่าจะห้ามใจ จึงทำให้สองตายาย ตัดสินใจขายเกวียนคันนี้พร้อมกับม้าหนึ่งตัว ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะการที่นั่งบนเกวียนนั้นคง มันก็คงจะดีกว่าการเดิน

“จะว่าไปโดโรธี...ข้าขอถามเจ้าหน่อย ถ้าหากเจ้าเป็นมนุษย์ มาตลอด เพราะเหตุใดเจ้าถึงต้องแปรงตัวเป็นสุนัขด้วยเล่า?” โรซารี่ที่นั่งตรงกันข้ามกับโดโรธีเอ่ยปากถาม
“อ่อ มันเป็นประเพณีของตระกูลดิชั้นเจ้าคะ” ผู้ถูกถามตอบ
“พอถึงจุดนึงพวกเราจะออกจากบ้านแล้วตามหาคู่ครองของตัวเอง โดยพวกเราจะปลอมเป็นสัตว์เจ้าคะ”

โดเมนิกและโรซารี่ฟังแล้วก็ยังคงเงียบและไม่แสดงความเห็นอะไร

“ที่พวกเราเลือกที่จะปลอมเป็นสัตว์ เพราะว่าเราเชื่อว่า มนุษย์ย่อมใส่หน้ากากเวลาเข้าหามนุษย์ด้วยกัน”
“แต่จะถอดหน้ากากเมื่ออยู่กับสิ่งที่ พวกเขาคิดว่าไม่เข้าใจภาษาของพวกเขา”
“และพอพวกเราคิดว่าคนๆนั้นคือคู่ครองของเรา พวกเราก็จะปรากฏตัวให้คนๆนั้นเห็นเจ้าคะ” โดโรธีอธิบายให้ฟัง
โดเมนิกและโรซารี่ฟังแล้วก็มองหน้ากัน และอยู่ดีๆใบหน้าของโดเมนิกก็แดงฉาดขึ้นมา

“นะ นะ นั่นก็แปลว่า” โดเมนิกพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ นั่นก็แปลว่าโดโรธีคิดว่าท่านโดเมนิก เป็นคู่ครองของโดโรธีไงเจ้าคะ”

พูดจบหญิงหูจิ้งจอกก็ตรงเข้าไปสวมกอดชายผมขาวอย่างรวดเร็ว โดเมนิกที่ถูกกอดนั้นนิ่งสนิท ในชีวิตนี้เขาไม่เคยถูกเพศตรงข้ามกอดมาก่อนเลยซักครั้งและไม่ใช่แค่นั้น มันมีอะไรนุ่มๆกดอยู่บนแขนของเขา ระบบสั่งการของเขานั้นรวนไปหมด

“ทุกครั้งที่ท่านโดเมนิกกอดดิชั้นด้วยความอบอุ่น มันทำให้ดิชั้นรู้เลยว่าท่านโดเมนิกรักดิชั้นขนาดไหน”
“ดิชั้นเลยมั่นใจว่าท่านโดเมนิกคือสามีที่ดีแน่นอนเจ้าคะ” หญิงผมสีชมพูพูดในขณะที่กอดโดเมนิกอยู่
“อะ เอ่อ...โดโรธี เจ้าช่วยปล่อยข้าก่อนได้ไหม” โดเมนิกพูดกับสาวจิ้งจอก
“ได้ค่ะ นายท่าน”

เธอปล่อยตามคำสั่ง “ว่าที่สามี” โรซารี่ที่นั่งอยู่ตรงข้ามมองมายังทั้งสองก่อนที่โรซารี่จะเอ่ยปากขึ้นมา

“โดโรธี...ข้ามีคำถามที่จะถามเจ้าอีกข้อ ตอนที่เจ้ากัดข้านั้น เจ้าตั้งใจรึเปล่า?” หญิงผมขาวถาม
“ตั้งใจค่ะ” เธอตอบสั้นๆพร้อมด้วยรอยยิ้ม

ไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นคือรอยยิ้มของความสดใส หรือเป็นรอยยิ้มที่จะกวนประสาทโรซารี่กันแน่ สีหน้าของโรซารี่ยังคงนิ่งเฉย โดเมนิกไม่รู้เลยว่าตอนนี้ เธอกำลังรู้สึกเช่นไร กำลังโกรธอยู่รึเปล่า? หรือจริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

“ข้าขอถามได้ไหม ทำไมเจ้าถึงกัดข้า?”
“ดิชั้นก็แค่ไม่อยากให้ผู้หญิงโสมมอย่างเจ้าแตะตัวดิชั้น ก็แค่นั้นแหละเจ้าคะ” โดโรธีตอบด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง

โรซารี่ฟังแล้วก็จับดาบของเธอ แม้ว่าหน้าของเธอยังนิ่งอยู่ แต่ดูเหมือนการกระทำของเธอนั้น จะดูสวนทางไม่น้อย

“ดิชั้นรู้นะเจ้าคะ ว่าท่านโรซารี่เก็บความลับอะไร” โดโรธีด้วยยิ้มรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยเลศนัย

คำพูดนี้ทำให้โรซารี่ปล่อยมือของเธอออกจากดาบตัวเอง โดเมนิกมองสองสาวที่มีปากเสียงกัน เขาไม่รู้ว่าพวกเธอพูดเรื่องอะไรกัน แต่ที่แน่ๆสิ่งที่เกิดขึ้น คือโรซารี่นั้นไม่ได้ปริปากพูดอะไรอีกเลย มาร์คหันกลับมามองพักนึง เขาถามโดเมนิกผ่านสายตาของเขาว่า “เกิดอะไรขึ้น?” โดเมนิกได้แต่ยักไหล่ เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกัน มาร์คพยักหน้ากับการตอบรับของโดเมนิกก่อนจะหันกลับไปมองยังเส้นทางของเขา ความเงียบเข้าปกคลุมคณะเดินทางนี้ และดูเหมือนมันจะอยู่ไปอีกซักพัก

มันก็เป็นเวลาหลายชั่วโมงก่อนที่รถเกวียนคันนี้จะมาถึงจุดหมายของมัน และนั่นก็คือหน้าประตูเมืองขนาดใหญ่ มาร์คสั่งม้าหยุดลง ม้าสีน้ำตาลตัวนี้หยุดลง มาร์คลงจากเกวียนก่อนจะเดินตรงไปพร้อมกับผูกม้าตัวนี้เข้ากับเสา เหล่าผู้โดยสารคนอื่นๆก็ก้าวลงมาจากเกวียนม้าเหมือนกัน เมืองที่ทั้งสี่อยู่นั้นเป็นเมืองใหญ่ แต่ว่ามันไม่ได้ใหญ่ขนาดเมืองที่โดเมนิกพบกับไอเดน หากมองเข้าไปนั้น ก็จะเห็นได้ว่าพื้นนั้นไม่ได้ถูกปูด้วยกระเบื้องสีขาว และผู้คนนั้นก็ไม่ได้แต่งตัวกันอย่างหรูหราดังเช่นเมืองนั้น ท้องฟ้านั้นเริ่มมืดมิด นี่ก็ใกล้จะจบวันแล้ว แสงไฟจากบ้านเรือนเริ่มสว่างขึ้น อากาศที่อบอุ่นเริ่มเสียสมดุลและถูกอากาศที่หนาวเย็นเข้ามาแทนที่

“ถ้างั้นแล้ว ขอเวลาให้ดิชั้น ไปซื้อผ้าคลุมให้กับท่านมาร์คกับท่านโดเมนิกก่อนแล้วกันนะเจ้าคะ” โดโรธีพูด

เธอวิ่งเข้าไปในตัวเมืองอย่างรวดเร็ว ไม่เปิดช่องให้ใครในคณะเดินทางได้พูดเลย แม้ว่านี่จะเริ่มมืดแล้ว แต่ยังไง ผ้าคลุมก็ยังจำเป็น เพราะด้วยสถานะของทั้งสามที่ตอนนี้เป็นอาชญกรนั้น การอำพรางตัวถือเป็นเรื่องจำเป็น สายลมอันหนาวเหน็บ ลูบไล้ผิวของทั้งสาม โดเมนิกนั่งมองผู้คนที่เดินทางเข้าเมือง ตอนนี้นั้นไม่ได้ผู้คนเดินออกมาจากเมืองเลยแม้แต่คนเดียว ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ คงไม่มีใครอยากจะเผชิญโลกภายนอกที่เต็มด้วยอันตรายในยามวิกาลหรอก ใครจะไปรู้ว่าตอนกลางคืนมีอันตรายอะไรแฝงอยู่บ้าง อาจจะเป็นอันตรายจากเนื้อมือมนุษย์ หรืออาจจะเป็นอันตราย จากสิ่งมีชีวิตที่ไม่สามารถอธิบายได้

“เอ่อ...ท่านโรซารี่ ท่านมาร์ค อาการบาดเจ็บที่ท่านได้รับเมื่อตอนเช้าเป็นยังไงบ้าง?” โดเมนิกเอ่ยปากถาม
“ร่างกายของข้ารักษาตัวเองอยู่แล้ว ดังนั้นเจ้าไม่ต้องห่วงข้าหรอก” มาร์คตอบ
“ข้ายังเจ็บอยู่นิดหน่อย แต่เดี๋ยวก็หายเองแหละ” โรซารี่ตอบ

“เอ่อแล้ว ท่านโรซารี่ยังโมโหโดโรธีเมื่อตอนกลางวันอยู่หรือเปล่า?” ชายผมขาวเอ่ยปากถามต่อ

แต่หญิงสีขาวที่ถูกถามไม่ได้ตอบ ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับคำตอบที่ออกมาเป็นคำพูด แต่เขาก็เข้าใจว่าคำตอบของเธอคืออะไร แม้ว่าเขาจะเดินทางกับโรซารี่ได้ไม่นานเท่าไหร่นัก แต่อย่างนึงที่ไม่โดเมนิกไม่เคยเห็นเลยโรซารี่โกรธใครมาก่อน โดยปกติแล้ว เธอเป็นคนสุขุมและใจเย็นมาก หากทว่าคำพูดของโดโรธีนั้นสามารถทำให้โรซารี่โมโหขึ้นมาได้ แต่ถึงกระนั้นโดเมนิกก็ได้รับรู้อย่างหนึ่งจากเหตุการณ์นี้ นั่นก็คือยังไงเสียโรซารี่ก็ยังเป็นมนุษย์ หลายครั้ง การที่เขาเห็นโรซารี่ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกอะไร มันก็ทำให้เขานึกสงสัยนะว่าจริงๆแล้ว เธอเป็นมนุษย์รึเปล่า? แต่การที่เธอเห็นโมโหนี้ มันทำให้เขารู้ว่าอย่างๆน้อยสตรีผมสีขาวคนนี้ ยังโกรธเป็น

“กลับมาแล้วเจ้าคะ” โดโรธีวิ่งกลับมาพร้อมกับผ้าคลุมสีน้ำตาล

เธอกลับมาก่อนจะยื่นผ้าคลุมนี้ให้กับโดเมนิกและมาร์ค ทั้งสองรับไว้ก่อนจะสวนผ้าคลุมนี้ ผ้าคลุมนี้มันปกปิดผิวหนังของเขา มันทำให้ร่างกายของเขารู้สึกอุ่น ผ้าคลุมนี้ได้ขับไล่ความหนาวเย็นให้ออกจากร่างกายของเขา ทั้งสี่ดึงผ้าคลุมขึ้นเพื่อคลุมศีรษะของตัวเอง น่าจะเรียกว่าพลางตัวเกือบสมบูรณ์แบบก็ว่าได้ ทั้งสี่ก้าวเท้าเดินเข้าไปในเมือง ผู้คนที่เดินบนท้องถนนนั้น มีไม่มากนัก ส่วนใหญ่ทุกคนนั้นคงอยู่ในบ้านของตัวเองแล้ว เดินได้ไม่นานนัก ทั้งสี่ก็มาถึงยังโรงแรม ซึ่งจะเป็นที่พักของทั้งสี่ในคืนนี้

-----

ดวงจันทร์นั้นปรากฏอยู่บนท้องฟ้าอันแสนจะมืดมิด คืนนี้มันเป็นคืนไร้ดาว ทุกๆอย่างนั้นเงียบสนิท เสียงนกฮูกที่ร้องในยามวิกาลนั้นดังกึกก้องไปทั่วพงไพร แต่ท่ามกลางความเงียบนั้นมีแสงไฟจากตะเกียงเฉิดฉายอยู่ ตะเกียงนี้ถูกถือโดยชายในชุดหนังสีดำอยู่ด้วย ผมของเขานั้นหยิกและฟู รอบปากของเขามีหนวดเครา ดวงตาของเขานั้นสีดำ ข้างๆตัวของเขามีม้าสีดำอยู่ด้วย ชายผมฟูคนนี้ใช้มือของเขาลูบหลังของอาชาตัวนี้ เบื้องหลังของเขานั้นมีทหารในเครื่องแบบเดียวกันกับเขาด้วยประมาณสามสิบถึงสี่สิบคน พวกเขานั่งอยู่บนหลังของม้าตัวเอง และต่างมองมายังแสงไฟจากตะเกียง

“เมื่อไหร่จะมานะ” ชายคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

แต่หลังจากที่ชายผมดำคนนี้พูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของฝูงอาชาดังขึ้นมา แม้ว่าจะไกล แต่เขาก็เห็นลูกไฟลูกหนึ่งลอยขึ้นมา ลูกไฟนั้นเข้าใกล้เรื่อยๆ ก่อนที่จะใกล้พอทำให้เห็นผู้ที่อยู่บนหลังม้า ผิวของเขานั้นเป็นสีแทน ผมของเขานั้นเป็นสีแดง ชุดของเขานั้นเป็นแจ็คเก็ทสีดำสนิท นอกจากแจ็คเก็ทนั้น เขาไม่ได้สวมเสื้อผ้า ซึ่งทำให้สามารถเห็นกล้ามเนื้อหน้าท้อง ไม่รู้ว่าทำไมชายคนนี้จึงไม่ใส่เสื้อ บางทีตอนนี้เขากำลังท้าทายความหนาวอยู่ ถ้าหากดูแล้ว เขาก็เหมือนชายปกติ แต่แสงไฟที่เป็นที่มาของแสงสว่างนั้น ไม่ได้มาจากตะเกียงหรืออะไร แต่มาจากมือของเขาเอง ชายคนนี้กระโดดลงมาจากม้าของเขาก่อนจะกำมือของตัวเอง มันทำให้แสงไฟนั้นดับลงไปด้วย

“มาเสียทีนะ วัลดัส” ชายผมดำพูดด้วยน้ำเสียงเซ็งแซ่
“ต้องขอโทษด้วยนะที่ทำให้เจ้าต้องรอ ชาลตั้น...ระยะทางจากจุดที่ข้าอยู่ มันค่อนข้างไกล พอสมควร”
“ข้าไม่ได้กังวลเรื่องรอหรอก...พวกอาชญากรพวกนั้นจะไหวตัวทันซะก่อน” ชายผมดำตอบ

“ไม่ต้องห่วงน่า ถ้ามีอะไรล่ะก็ เจ้าของโรงแรมต้องแจ้งเราแล้ว เหมือนกับที่เธอแจ้งพวกเราว่าพวกโดเมนิกเข้าไปค้างในโรงแรมของนาง” ชายผิวแทนนามวัลดัสพูด
“ไม่ก็ถูกพวกนั้นฆ่าปิดปากไปแล้ว” ชายที่ชื่อชาลตั้นมองโลกแง่ร้าย
“เดี๋ยวเราก็ได้รู้แล้วว่าพวกมันยังอยู่ไหม” วัลดัสพูดพลางมองไปยังตัวเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เขาอยู่นัก

“เพื่อเหล่าผู้กล้า” ชายผมสีดำพูดขึ้นพร้อมกับดึงดาบออกมาจากฝัก
“เพื่อเหล่าผู้กล้า” เช่นเดียวกันกับชายผมสีแดงที่พูดขึ้นพร้อมกับจุดไฟในมือของเขา

ทั้งสองขึ้นม้าของตัวเองพร้อมกับมุ่งไปยังทิศทางเดียวกัน ซึ่งสถานที่ที่ทั้งสองมุ่งไปนั้น ก็คือสถานที่เหล่าโดเมนิกอยู่ในตอนนี้
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Shining in the Darkness : EP 8
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Shining in the Darkness : EP 5
» Shining in the Darkness : EP 21
» Shining in the Darkness : EP 17
» Shining in the Darkness : EP 22
» Shining in the Darkness : EP 6

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: