“เร็วหน่อยซิเจ้าคะ ท่านโดเมนิก!!” หญิงสาวจิ้งจอกตะโกนขึ้น
สภาพของเธอนั้นมอมแมมไปหมด บนผิวของเธอนั้นมีรอยขีดข่วนของอะไรบางอย่างอยู่ เธอมองมายังชายผมขาวที่สภาพไม่ต่างจากเธอนัก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยดินโคลนและเหงื่อที่ไหลอาบใบหน้าของเขา โดเมนิกใช้มือจับต้นไม้ที่ตั้งเรียงกันอยู่จำนวนมาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า โดยปกติแล้วการก้าวเท้านั้นถือเป็นเรื่องง่ายมาก แต่หากทว่าไม่ใช่เวลานี้ หูของโดโรธีกระดิกเพราะดูเหมือนเธอจะได้ยินเสียงของอะไรบางอย่าง เคลื่อนไหวอยู่ในพงไพร เธอหันไปมองตามเสียงหรือก็คือเบื้องหลังของโดเมนิก
“ท่านโดเมนิก!! ข้างหลังเจ้าคะ!!”
โดเมนิกหันไปข้างหลังตามคำพูดของหญิงผมสีชมพู เขาเห็นสุนัขขนสีฟ้าขนาดใหญ่กระโจนออกมาจากพุ่ม มันอ้าปากเตรียมคาบร่างของโดเมนิกไปเป็นอาหารของมัน ขาของโดเมนิกนั้นสั่นไปด้วยความกลัว เขาอยากจะวิ่งหนี แต่ร่างกายของเขาไม่เชื่อฟัง หญิงผมสีชมพูนั้นรีบกระโดดเข้ามาขวางก่อนจะร่ายมนต์ มันทำให้เกิดบาเรียอะไรบางอย่างขึ้นมา อสูรกายตัวนี้ชนกับม่านพลังนี้ก็ดีดมันออกไป มันล้มลงไปนอนกับพื้น โดโรธีรีบคว้าแขนของโดเมนิกก่อนจะวิ่ง อสูรตัวนี้ส่ายศีรษะของมันก่อนจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับมองเหยื่อของมัน
“โดโรธี เจ้าคุยกับมันไม่ได้หรอ” โดเมนิกเอ่ยปากถาม
“ถึงดิชั้นจะเป็นครึ่งคนครึ่งจิ้งจอก แต่ก็ไม่ได้แปลว่าดิชั้นจะคุยกับสุนัขรู้เรื่องนะเจ้าคะ!!” เธอตะโกนบอก
ทั้งคู่วิ่งแหวกป่า กิ่งไม้นั่นเกี่ยวชิ้นส่วนต่างของเสื้อ รวมถึงมันกิ่งไม้ที่ขีดข่วนใบหน้าของทั้งสอง โดเมนิกหันไปมองเบื้องหลังก่อนที่เขาจะยังคงเห็นอสูรกายตัวนั้นยังคงไล่ลาพวกเขาอยู่ มันวิ่งเร็วมาก ราวกับว่าระยะห่างที่ทั้งสองสร้างขึ้นมันไม่มีอยู่จริง มันกระโจนเข้ามาหาทั้งสอง โดเมนิกหันไปมองโดโรธีดูเหมือนเธอจะไม่รู้ถึงการรุกคลืบของอสูรตัวนี้เลย โดเมนิกรวบรวมแรงของเขาก่อนจะวิ่งแซงโดโรธีก่อนจะดึงโดโรธีไปอีกทาง สุนัขขนสีฟ้านั้นตะปรบอากาศ ก่อนจะหันมามองโดเมนิกและโดโรธี มันพุ่งตรงมาอีกครั้ง ก่อนจะกระโดดเช่นเคย มันง้างกรงเล็บเตรียมเฉือนร่างของเหยื่อข้างหน้า หญิงผมสีชมพูร่างคาถาอีกครั้งก่อนจะทำให้เกิดม่านพลังขึ้น เมื่อกรงเล็บของมันสัมผัสกับม่านพลัง เล็บของมันก็หักออก มันคำรามด้วยความเจ็บปวด
“ดูเหมือนมันจะโกรธใหญ่แล้วนะ” โดเมนิกพูด
“วิ่งซิเจ้าคะ!!” โดโรธีวิ่งก่อนจะคว้ามือของโดเมนิกอีกครั้ง
ทั้งสองวิ่งหนีโดยไม่ได้สนเลยว่าทั้งคู่กำลังวิ่งไปในทิศทางใด อสูรตัวนี้วิ่งตามด้วยความรวดเร็ว เพราะตอนนี้ตัวมันถูกขับเคลื่อนด้วยความโกรธ โดโรธียังคงสร้างม่านพลังป้องกันการโจมตีเรื่อยๆ แต่หากทว่ายิ่งนานเข้า ม่านพลังของเธอเริ่มอ่อนแอลง ทั้งสองยังคงวิ่งต่อไปเรื่อยๆ โดยที่อสูรร้ายตัวนี้ไม่มีทีท่าที่จะหยุดลงเลยแม้แต่น้อย อสูรตัวนี้ง้างมือขึ้นอีกครั้งก่อนจะเตรียมใช้เท้าข้างที่ไม่มีเล็บเตรียมจะตบร่างของทั้งสอง โดโรธีกางม่านพลังงานอีกครั้ง แต่หากทว่าครั้งนี้มันต่างออกไป เพราะม่านพลังงานนั้นไม่ทำงาน เท้าของมันตบร่างของโดโรธี ร่างของหญิงคนนี้กระแทกกับโดเมนิกก่อนที่ทั้งสองจะลอยไปกระแทกกับพื้น
โดเมนิกหันไปมองด้านข้างก่อนจะเห็นหน้าผา มันเป็นผาที่ลึกมาก ไม่ต้องคิดเลยว่าถ้าตกลงไป สภาพจะเป็นยังไง โดเมนิกลุกขึ้นมาช้าๆ เช่นเดียวกันหญิงสาวหูสุนัขจิ้งจอกที่ลุกขึ้นมาจากพื้น ทั้งสองหันไปมองผาข้างหลังก่อนจะหันมามองอสูรกายที่อยู่ข้างหน้า ดวงตาของมันนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และถ้าหากมันได้สังหารทั้งสองล่ะก็มันคงจะช่วยระงับความโกรธมันได้
“นี่ท่านโดเมนิก” โดโรธีพูดขึ้น
“ดิชั้นคิดว่าท่านโดเมนิกรู้อยู่แล้ว แต่ดิชั้นก็อยากจะบอกท่านโดเมนิกอีกซักครั้งว่า ดิชั้นรักท่านโดเมนิกยิ่งกว่าสิ่งอื่นใดบนโลก”
“โดโรธี...” โดเมนิกพูดเบาๆ
โดโรธีดึงโดเมนิกเข้ามา ก่อนที่เธอจะประกบริมฝีปากของเธอลงไปบนริมฝีปากของชายที่เธอรัก โดเมนิกที่ถูกจูบนั้นก็ได้แต่หลับตาลงเตรียมพร้อมจะรับชะตากรรม บางทีวาระสุดท้ายของเขาเป็นแบบนี้ก็ไม่แย่เท่าไหร่นัก จิ้งจอกสีฟ้าวิ่งตรงไปก่อนจะกระโดดเตรียมขย้ำทั้งสอง
“ฉั๊วะ…ตุบ”
เสียงของอะไรบางอย่างตกกระทบกับพื้น โดโรธีดึงริมฝีปากของเธอออก่อนจะหันไปยังต้นเสียง เช่นเดียวกันกับโดเมนิก สิ่งที่ทั้งสองเห็นนั้นคือหัวสุนัขตัวนี้ที่ถูกตัดออก เลือดนั้นไหลออกจากหัวของก่อนจะนองไปทั่วพื้น
“เกือบไปแล้วนะ” เสียงของหญิงคนนึงดังขึ้นมา
สายตาทั้งสองมองไปยังเจ้าของเสียง เธอเป็นหญิงผมสีแดง ทรงของเธอนั้นจะเรียกว่าทรงทวินเทลก็ได้ เธอสวมชุดเมดสีดำที่เปื้อนด้วยคราบเลือด ในมือของเธอนั้นถือเคียวเล่มยักษ์อยู่ด้วย เคียวนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือดเช่นเดียวกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคนที่สังหารอสูรกายขนสีน้ำเงินตัวนี้
“เอ่อ ท่านคือ?” โดเมนิกถามด้วยสายตามึนงง
“ข้าหรือ? ข้ามีนามว่าเบลล่า เป็นคนรับใช้ของปราสาทใกล้ๆนี้” เธอแนะนำตัว
“แล้วพวกเจ้าล่ะ?” หญิงผมสีแดงถามกลับ
“ข้าโดเมนิก แซนดอฟ ส่วนเธอคนนี้คือโดโรธี” ชายผมขาวแนะนำ
หญิงผมแดงฟังแล้วก็จับคางของตัวเอง ราวกับเธอคิดอะไรอยู่ เธอลดมือลงก่อนจะพูดกับชายหญิงเนื้อตัวมอมแมมที่อยู่ตรงข้ามกับเธอ
“พวกเจ้าดูโทรมนะ ยังไงก็มาพักที่ปราสาทของนายหญิงข้าก่อนไหม?” เธอเอ่ยปากชวน
“จะดีหรือ? พวกเราพึ่งพบกับท่านเองนะ” โดเมนิกถาม
“เอาน่า ถือว่า มนุษย์ก็ต้องช่วยมนุษย์ด้วยกัน เจ้าว่าไหม?” หญิงผมแดงถามกลับ
“อย่าหาว่าดิชั้นอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะ แต่ดิชั้นไม่เห็นปราสาทเลยแม้แต่หลังเดียว เจ้าพูดจริงรึเปล่า?” โดโรธีแสดงสีหน้าไม่เชื่อใจ
“ถ้าเจ้าไม่เชื่อข้าก็ตามข้ามาซิ” หญิงคนนี้พูดก่อนจะหันหลังให้ทั้งสองก่อนจะเดินไป
โดเมนิกและโดโรธีมองหน้ากันก่อนจะตัดสินใจเดินตามหญิงคนนี้ เสียงฝีเท้าของทั้งสามเหยียบลงใบหญ้าดังขึ้นเป็นระยะๆ หญิงหูจิ้งจอกเดินมาข้างๆก่อนจะมากระซิบหูของโดเมนิก
“ดิชั้นไม่เชื่อใจยัยนี้เลยเจ้าค่ะ...ระวังตัวไว้ด้วยนะเจ้าคะ”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าข้าจะฆ่าพวกเจ้าล่ะก็ป่านนี้ พวกเจ้าก็คงไม่ได้คุยกับข้าตอนนี้หรอก” เธอหันมาพร้อมกับแสยะยิ้ม
โดโรธีกับโดเมนิกเงียบ เธอยังคงเดินต่อไป ก่อนที่เธอจะมาถึงพื้นที่โล่งๆ รอบๆนั้นเต็มไปด้วยต้นไม้ เธอหันมาก่อนจะพูดว่า “ถึงแล้ว” มันทำให้โดเมนิกและโดโรธีทำหน้างงๆ พร้อมกับคำถามเดียวกัน “ปราสาท” ที่เธอว่าอยู่ไหน หญิงผมสีแดงเดินตรงไปยังต้นไม้ต้นหนึ่งก่อนที่เธอจะเอามือดันลำต้นของมัน พื้นเริ่มสั่นก่อนที่พื้นดินจะเริ่มเคลื่อนออกมา มันปรากฏให้เห็นถึงบันไดที่ทอดยาวจนไปถึงข้างล่าง เบลล่าหันไปก่อนจะยิ้มให้ทั้งสองก่อนจะเดินลงไป โดเมนิกและโดโรธีเองก็ไม่มีทางเลือกก่อนจะเดินลงไป ไม่นานนักพื้นที่ถูกเปิดออกก่อนปิดอีกครั้ง ไฟนั้นสว่างขึ้นมา มันสว่างพอที่จะทำให้เห็นบริเวณรอบๆได้อย่างชัดเจน
บริเวณรอบๆนั้นถูกตกแต่งอย่างหรูหรา พื้นนั้นถูกปูด้วยพรมสีแดง บนกำแพงนั้นมีรูปภาพมากมายติดอยู่ มันล้วนแต่ภาพวาดที่ดูราคาแพงและดูเหมือนจะเป็นภาพที่วาดจากจิตรกรมากฝีมือ ไม่ใช่แค่ภาพวาด แต่ยังคงมีแจกันที่ทำจากวัสดุราคาแพงอีกต่างหาก เรียกได้ว่าแค่ของตกแต่งนั้นก็มีราคามากกว่าบ้านทั้งหลังของใครหลายๆคน อย่าว่าแต่บ้านของคนทั่วไปเลย เผลอๆอาจจะมีราคามากกว่าบ้านของอเล็กซิมัสเสียด้วยซ้ำ ทั้งสองยังคงก้าวเท้าไปเรื่อยๆ ก่อนที่ทั้งสองจะมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ บนเพดานนั้นมีชานเดเลียร์ขนาดใหญ่แขวนอยู่ รอบๆนั้นเต็มไปด้วยตู้หนังสือมากมาย พอเห็นตู้หนังสือขนาดนี้แล้ว มันก็ทำให้โดเมนิกอดนึกถึงอเล็กซิมัสไม่ได้ ตรงกลางห้องนั้นมีโซฟาสีแดงตั้งอยู่ และตรงโซฟาตัวนั้นก็มีคนนั่งอยู่ ข้างๆตัวเธอนั้นเต็มไปด้วยหนังสือ และในมือของเธอนั้นถือหนังสืออยู่ด้วย ขนาดของหนังสือนั้นบดบังใบหน้าของเธอเสียจนหมด สิ่งเดียวที่โดเมนิกเห็นนั้นคือชุดโกธิคสีดำของเธอ
“ท่านหญิงเอวาเจลีน ดิชั้นกลับมาแล้วคะ” เบลล่าเอ่ยปากขึ้นกับใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟา
“แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?” หญิงคนนี้ตอบโดยไม่ได้ลดหนังสือลงแม้แต่น้อย
“มันเป็นเสียงคำรามของอสูรกายตัวนึงที่กำลังโกรธคะ” เบลล่าตอบกลับ
“แล้วอสูรกายตัวนั้น?” หญิงในชุดโกธิคสีดำถามต่อ
“ดิชั้นฆ่าทิ้งแล้ว” หญิงผมแดงคนนี้ตอบ
“ดี”
หญิงผมดำตอบสั้นๆก่อนจะลดหนังสือลง เมื่อเธอลดหนังสือลงก็ทำให้เห็นใบหน้าของเธออย่างเห็นได้ชัด เธอเป็นหญิงผมสีดำ เธอเป็นหญิงร่างเล็ก ผมของเธอนั้นยาวสลวย ดวงตาของเธอนั้นเป็นสีเทา ใต้ดวงตาข้างของนางมีไฝอยู่ด้วย เธอมองมายังแขกผู้มาเยือน ก่อนจะเอ่ยปากถาม
“แล้วสองคนนั้นคือใคร?”
“โดเมนิก แซนดอฟ กับ โดโรธีค่ะ ดิชั้นเจอพวกเขาในขณะที่พวกเขากำลังโดนอสูรกายล่าค่ะ” สาวใช้ของเธอตอบ
“งั้นหรือ...ยินดีที่รู้จัก ข้ามีนามว่าเอวาเจลีน”
-----
ณ ขณะเดียวกัน บนถนนสายหนึ่งในราชอาณาจักร เหล่าทหารในชุดเกราะสีเงินเดินด้วยจังหวะเท้าที่พร้อมเพียง โดยตรงกลางของขบวนนั้นมีรถกรงอยู่ด้วย ข้างในนั้นมีหญิงผมสีขาวและชายสีเขียวนั่นอยู่ สภาพของโรซารี่นั้นเต็มไปด้วยบาดแผล เสื้อผ้าบางส่วนของเธอฉีกขาด บนร่างของเธอนั้นเต็มไปด้วยคราบเลือด ข้างรถกรงนั้นมีชายผมหยิกสีดำที่ขี่ม้าสีดำอยู่ด้วย โรซารี่เหลือบมองชายคนนี้ ซึ่งสายตาของเธอนั้นทำให้ชายผมสีดำคนนี้หันกลับมามองด้วยเช่นเดียวกัน
“ไม่ต้องห่วง...ต่อให้เจ้าเป็นนักโทษหรือรับใช้จอมมาร แต่ข้าก็ไม่มีทางให้พี่น้องของข้าล่วงเกินเจ้าแน่นอน”
ถึงแม้ว่านั่นจะไม่ใช่สาเหตุที่โรซารี่มองหน้าของชายคนนี้ก็ตาม แต่พอได้ยินแบบนี้ก็อุ่นใจขึ้นได้กระมั้ง ทุกคนในอาณาจักรนี้รู้ว่าชาลตั้นเป็นคนดีขนาดไหน เขาเป็นคนที่ไม่เคยผิดคำพูด เขาเป็นคนที่พร้อมจะช่วยเหลือผู้อื่นตลอด เรียกได้ว่าในโลกนี้คงไม่มีใครดีกว่าชายคนนี้อยู่แล้ว
“อย่าให้ข้าออกไปได้นะ....ข้าจะฉีกพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ!!” มาร์คตะโกนสุดเสียงด้วยโมโห
“เงียบเหอะน่ามาร์ค...โวยวายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” โรซารี่พูดกับมาร์คที่พยายามจะฉีกกรงอยู่
“ตอนนี้สิ่งเดียวที่เราทำได้ ก็คือรอโดเมนิกเท่านั้นแหละ”