Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Checkmate : Turn 4

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Checkmate : Turn 4 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Checkmate : Turn 4   Checkmate : Turn 4 EmptySat Sep 03, 2016 6:19 pm

อาสึนะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอย่างหนึ่งที่ริมฝีปาก

มันเป็นความรู้สึกอุ่น อ่อนนุ่ม และชุ่มชื้น

ความรู้สึกที่เกิดจากริมฝีปากของนักเรียนหญิงไม่ทราบชื่อที่ประกบเข้ามายังริมฝีปากของตน

หรือจะจำกัดความได้ง่ายๆคือ เธอจูบเขา

แม้หญิงสาวจะถอนริมฝีปากออกไปแล้ว แต่ความรู้สึกทุกอย่างยังคงติดตรึงอยู่จนทำให้อาสึนะหยุดนิ่งเป็นรูปปั้น

คนอีกคนที่อยู่ด้วยกันกับอาสึนะตะลึงกับสิ่งที่เห็นอยู่พักหนึ่ง และอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่พูดไม่ออก

คนๆนั้นคือ มิอุระ ทามิโกะ

“ทะทะ ทำบ้าอะไรของนายยะ!?”

ในที่สุดเธอก็ตะโกนขึ้นในขณะที่ใบหน้าของตัวเองแดงก่ำเหมือนถูกต้ม

“ฉะ ฉันต่างหากต้องถามมากกว่าไม่ใช่หรือไง?”

อาสึนะที่เหมือนหลุดจากคำสาปแห่งรูปปั้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของทามิโกะพูดตอบ

จอมโจรสาวที่เพิ่งขโมยจูบอาสึนะไปเห็นสถานการณ์ที่เหมือนจะสุ่มเสี่ยงจะวุ่นวาย จึงรีบพูดแทรกขึ้นเพื่อหวังที่จะแก้ไขสถานการณ์

“อ๊ะ ขอโทษเด้อ”

เธอพูดด้วยสำเนียงคันไซ1

“ข้อย... ไม่สิ ฉันชื่อคาชิวากิ อาราชิ ฉันชอบคุณค่ะคุณคันซากิ กรุณาคบกับฉันด้วยนะคะ”
“เอ่อ...”

อาสึนะไม่รู้สึกตกใจอะไรนักที่ถูกสารภาพรัก คงเพราะที่โดนจูบเมื่อสักครู่มันยังจะน่าช็อกมากกว่า

แต่ว่าการจูบก่อนสารภาพรักนี่... เขาก็เพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกก็ตอนนี้นี่แหละ

“ได้ไหมคะ?”

หญิงสาวปริศนาหรืออาราชิถามย้ำอีกครั้งพร้อมจ้องหน้าอาสึนะราวกับจะรอคำตอบ รวมทั้งเริ่มขยับตัวเข้ามาใกล้

สายตาขัดเขินของอาสึนะจึงต้องหลุบตาลงเพื่อหลีกเลี่ยงการสบตา แต่นั่นก็กลับกลายเป็นการลวนลามฝ่ายตรงข้ามทางสายตาอย่างไม่ได้ตั้งใจไปซะอีก เพราะด้วยสภาพวาบหวิวของอาราชิ ที่ผลไม้สองลูกซึ่งถูกอาภรณ์ปิดบังไว้เพียงครึ่งขยับไปตามท่วงท่าการเดินจนแทบจะทะลักออกมาประจักษ์แก่สายตา

“ดะดะดะ เดี๋ยวก่อนสิยะ!”

ทามิโกะที่ทนมองอยู่นานสองนานรีบขยับตัวเข้ามาขวางระหว่างอาสึนะกับอาราชิไว้ก่อนที่ทั้งคู่จะใกล้กันไปมากกว่านี้

“เธอคิดจะทำอะไรน่ะ?”
“ก็สารภาพรักกับคุณคันซากิน่ะสิ”
“เรื่องนั้นฉันรู้ย่ะ!”

อาราชิเริ่มหันไปคุยกับทามิโกะแทน ทำให้อาสึนะได้โอกาสพักหายใจเล็กน้อย

“จู่ๆมาจูบกับอาสึนะแบบนี้ ขนาดฉันยังไม่เคย... ไม่ใช่สิ! ฉันไม่ยอมให้เธอสารภาพรักกับเขาเด็ดขาด!”
“แล้วเธอเป็นใครล่ะถึงมีสิทธิ์มาห้ามไม่ให้ฉันสารภาพรักกับเขา เป็นแฟนเขาหรือไง?”
“มะมะมะ ไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกย่ะ!”
“งั้นก็อย่ามายุ่ง”
“อึก...”

ทามิโกะเถียงต่อไม่ออก

อาราชิจึงโบกมือเหมือนกับสั่งให้ทามิโกะหลีกทางออกไป ตอนแรกเธอก็ทำท่าจะถอยไปอย่างว่าง่าย แต่สุดท้ายก็กลับมายืนจังก้าขวางไว้อีกครั้ง

“ต้องยุ่งสิ ก็เพราะฉันน่ะเป็น...”
“เป็น?”
“เป็น... เป็น... เอ่อ...”
“เป็นอะไรก็รีบบอกมาสิ!”
“เป็น... เป็นเพื่อนไงเล่า!”

เมื่อโดนคาดคั้นมากๆ ทามิโกะจึงตะโกนตอบกลับไป แต่เหมือนคำตอบนั้นจะไม่ใช่คำตอบที่ออกมาจากใจจริงเท่าไหร่

“เป็นแค่เพื่อนแล้วยังไงกันล่ะ? ยังไงเธอก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ดี”
“ทำไมจะไม่มี? เพื่อนก็ต้องคอยชี้นำในเส้นทางที่ถูกต้องให้กับเพื่อนสิ!”
“แล้วที่ฉันทำมันไม่ถูกต้องตรงไหน?”
“เธอไม่ได้จริงใจกับอาสึนะไงล่ะ!”
“ความรักที่ฉันมีให้คุณคันซากิเป็นความรักบริสุทธิ์นะ”
“งั้นก็บอกมาสิว่าทำไมเธอถึงชอบเขา”
“เพราะถูกชะตาไงล่ะ”
“หา?”

ทั้งทามิโกะทั้งอาสึนะต่างก็หน้ามึนไปตามๆกัน

“พอฉันเห็นคุณคันซากิครั้งแรก มันทำให้ฉันรู้สึกเลยว่าคนๆนี้แหละที่เกิดมาเพื่อฉัน เพราะฉะนั้นความรักที่ฉันมีให้เขาจึงเป็นความรักที่บริสุทธิ์”
“ดะ เดี๋ยวนะ ที่เธอพูดมามันไม่ได้ตรงกับหลักเหตุและผลเลยสักนิด...”
“ความรักน่ะมันไม่ต้องการเหตุผลหรอก! ขอแค่รู้ว่ารักก็เพียงพอแล้ว!”

ทามิโกะและอาสึนะถึงกับหมดคำพูดไปเลยทีเดียว

“เพราะฉะนั้น ช่วยหลีกทางไปซะทีเถอะ”
“ไม่เด็ดขาด!!”

แต่ถึงกระนั้น ทามิโกะก็ยังคงไม่ยอมแพ้

“ฉันบอกไปแล้วว่า ในฐานะเพื่อนก็ต้องชี้นำทางที่ถูกต้องให้กับเพื่อน ดังนั้น เพราะฉันเห็นว่าความรักที่เธอมีให้เขาไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้อง ฉันจึงไม่ยินยอมให้เธอทำอะไรตามใจชอบเป็นอันขาด!”
“จะไม่ยอมง่ายๆเลยใช่ไหม... งั้นก็ได้ เพราะบางที ความรักก็ต้องมีอุปสรรคกันบ้าง ในเมื่อต่างฝ่ายต่างก็คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูก ทำไมเราไม่หาวิธีตัดสินที่สมเป็นนักเรียนของโรงเรียนมิไรเคียวกันล่ะ”
“เธอหมายความว่าไง?”
“แค่นี้ก็ไม่รู้อีก ก็ตัดสินกันด้วยเกมยังไงล่ะ”

อาราชิขยับเสื้อของตัวเองเข้ามานิดหน่อย ทำให้เห็นเข็มกลัดที่ติดอยู่บนเสื้อว่าเป็นตำแหน่งของ ‘รุค’

“กฎก็ง่ายๆเลย ใครชนะคนนั้นได้คุณคันซากิไป”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมฉันต้องทำแบบนั้น-”
“อะไรกัน? พูดแบบนี้แสดงว่ากลัวแพ้สินะ โอ๊ะ นี่เธอเป็นไนท์ซะด้วยสิ ขี้ขลาดแบบนี้ไม่สมกับเป็นอัศวินเลย แต่ถ้าไม่สู้ก็ไม่เป็นไร ดีซะอีก เพราะฉันจะได้ขอคุณคันซากิไปเลยแล้วกัน”

ทามิโกะเริ่มมีเสียงดัง ปึด ที่ขมับ ส่วนอาสึนะที่กลายเป็นของรางวัลเดิมพันโดยไม่ได้สมัครใจก็รีบเข้ามาปรามก่อนจะบานปลายไปมากกว่านี้

“ชะ ใช่แล้วล่ะ ทามิโกะพูดถูก มาแข่งเกมกันแบบมีผมเป็นเดิมพันแบบนี้มัน-”
“ก็ได้ย่ะ! ฉันรับคำท้าเธอ ยัยบ้านนอก!”
“เดี๋ยวทามิโกะ เธอจะทำ-”
“นายน่ะหุบปากไปเลย!”
“ครับเจ๊...”

อาสึนะแทบจะตัวหดเล็กลงแล้วถอยกลับไปยืนที่เดิม ตอนนี้ในแววตาของทามิโกะและอาราชิ ก็ต่างสะท้อนภาพเพียงแค่ศัตรูหัวใจของตนที่อยู่ตรงข้ามเท่านั้น

“บ้านนอก... ว่าข้อยบ้านนอกงั้นหรอ? เดี๋ยวสิได้เห็นดีกัน อีปอบ”
“ยัยรุคร่าน”
“ยัยไนท์หน้าปลวก”
“ยัยนมหนัก”
“ยัยกระดาน”

เปรี๊ยะ รู้สึกได้ถึงไฟสปาร์คระหว่างสาวสวยทั้งสอง เผลอๆคงจะตบกันตรงนี้แทนที่จะเป็นในเกมเป็นแน่แท้ อาสึนะในฐานะคนกลาง (และรางวัลของการเดิมพัน) จึงต้องรีบเข้ามาไกล่เกลี่ยไว้ก่อน

“อะ เอาล่ะๆ ในเมื่อตกลงกันได้แล้ว ถ้างั้นรีบไปที่สนามกันเถอะนะ”

สุดท้ายแล้วแม้อาสึนะจะไม่เต็มใจที่ตัวเองถูกเดิมพันเหมือนสิ่งของสักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อมาถึงขั้นนี้ก็คงช่วยไม่ได้แล้ว

----------------------------------------------------

สนามฝึกซ้อมที่หนึ่งแห่งโรงเรียนมิไรเคียว

ซึ่งสนามแห่งนี้ก็มีไว้สำหรับฝึกซ้อมตามชื่อเรียกของสถานที่ โดยภายในห้องประกอบไปด้วยโต๊ะสำหรับเล่นเกมเรียงรายเต็มไปหมดลักษณะคล้ายกับร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ่ จึงค่อนข้างคับแคบไปเสียหน่อย

แต่องค์ประกอบของสนามโดยรวมจริงๆแล้วก็ไม่ต่างกับสนามแข่งขันเสียเท่าไหร่ เพียงแต่ไม่มีอัฒจันทร์สำหรับผู้ชม ไม่มีการฉายภาพโฮโลแกรมภายในเกมให้ผู้ชมเห็นเหมือนกับสนามแข่งขัน และไม่จำเป็นต้องขออนุญาต สามารถเข้ามาใช้เมื่อไหร่ก็ได้

เพราะเป็นเวลาเย็นมากแล้ว ที่สนามฝึกซ้อมจึงเงียบและไม่มีคน มีเพียงอาสึนะ และสองสาวทามิโกะกับอาราชิที่เขม่นมาตลอดทางตั้งแต่หน้าโรงเรียนจนถึงที่นี่เท่านั้น

ทามิโกะเลือกที่จะเป็นฝ่ายเข้าไปหาที่นั่งก่อน อาสึนะเองก็ตามไปนั่งโดยเลือกโต๊ะตรงข้ามเธอ เพราะไม่มีภาพโฮโลแกรมฉายเหมือนสนามแข่งขัน ผู้ที่อยากจะรับชมจึงต้องใช้วิธีเข้าไปอยู่ในเกมและเลือกเป็นผู้รับชมแทน

อาราชิตามเข้ามานั่งทีหลัง และทำให้ทามิโกะต้องหงุดหงิดอีกครั้ง เมื่อเธอเลือกไปนั่งข้างๆอาสึนะ แถมยังพยายามขยับเก้าอี้เข้าไปใกล้อีกต่างหาก

“ฉันมิสิทธิ์ที่จะเลือกนั่งตรงไหนก็ได้”

เหมือนอาราชิรู้ว่าทามิโกะจะพูดอะไร จึงชิงพูดเสียก่อน แถมยังเกาะแขนอาสึนะเอาไว้อีกต่างหาก

“แต่เธอนั่งกับอาสึนะไม่ได้!”

เปรี๊ยะ ได้ยินเสียงไฟสปาร์คระหว่างสองสาวอีกครั้ง แน่นอนว่าคนที่มาห้ามไว้อีกครั้งก็หนีไม่พ้นอาสึนะนั่นเอง

“นมโดนแขนแล้ว... ไม่สิ จะ ใจเย็นๆก่อนดีกว่านะ รีบๆเข้าไปเล่นกันดีกว่า”

อาสึนะส่งอุปกรณ์ VR ให้กับอาราชิที่นั่งกอดแขนอยู่ข้างๆ ดูเหมือนจะเป็นการช่วยให้สงบศึกลงได้ แม้ทามิโกะจะดูไม่พอใจนิดๆ แต่ทั้งสองสาวก็เริ่มสวมอุปกรณ์แล้วเข้าไปอยู่ในเกมจนได้

จากนั้นอาสึนะเองก็เริ่มสวมอุปกรณ์เช่นกัน ระหว่างนั้นก็ค่อยๆขยับที่นั่งออกห่างจากอาราชิเล็กน้อยหลังจากที่เธอปล่อยแขนไปแล้ว

อาสึนะเข้าไปในเกมในฐานะผู้รับชม และได้เห็นอาราชิกับทามิโกะยืนเผชิญหน้ากันในโลกมืดๆสำหรับเตรียมตัว เมื่อดูจากบรรยากาศรอบๆตัวสองสาวแล้ว ท่าทางไฟสปาร์คระหว่างทั้งสองจะตามเข้ามาอยู่ภายในเกมด้วย

“เพื่อให้แฟร์ๆกับทั้งสองฝ่าย สมรภูมิรบควรจะเป็นการสุ่ม”
“แปลกใจเหมือนกันนะ ที่ฉันเห็นด้วยกับเธอ”

คนที่เสนอมาแบบนั้นคืออาราชิ ซึ่งทางทามิโกะเองก็เห็นพ้องด้วย อาราชิจึงใช้มือสัมผัสเลือกสมรภูมิเป็นสุ่มซึ่งเป็นรูปเครื่องหมายคำถาม

จากนั้นไม่นานโลกมืดๆสำหรับให้ผู้เล่นเตรียมตัวนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นสมรภูมิสำหรับการต่อสู้ของทั้งสอง ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าสมรภูมิรบดังกล่าวจะสุ่มได้เป็นอะไร

จนกระทั่งโลกมืดๆนั้นแปรเปลี่ยนเป็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ มองเห็นแต่เพียงพื้นทรายที่แห้งแล้งและมีต้นไม้แห้งตายไร้ใบตั้งอยู่บ้างเป็นบางจุด เป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษ จึงดูจะเป็นสมรภูมิที่ไม่น่าจะมีใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบแต่อย่างใด

“จงแผดเผา คริมสัน (ดาบเพลิงสีชาด)”
“จงพัดกรรโชก คามิคาเซะ (ลมเทวะ)”

เมื่อโลกมืดๆนั้นกลายเป็นสมรภูมิอย่างสมบูรณ์แล้ว ต่างฝ่ายก็ต่างเรียกอาวุธของตัวเองออกมา

ด้านหน้าของทามิโกะได้เกิดเพลิงลุกโชติช่วงขึ้นมา เธอยื่นมือเข้าไปในเพลิงนั้นโดยไม่เกรงกลัวว่ามันจะทำให้ผิวกายของตัวเองเผาไหม้ ก่อนที่จะทำท่าทางเหมือนดึงอะไรสักอย่างออกมาจากกลุ่มไฟนั้น

สิ่งที่ถูกดึงออกมาเป็นดาบที่มีด้ามจับสีแดงดั่งเพลิง ส่วนตัวดาบนั้นถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิงอยู่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะมอดดับลง แล้วกลายเป็นคมดาบสีเงินแวววาวจนสะท้อนใบหน้าของผู้ที่ถือมันได้ ส่วนมือของทามิโกะที่เพิ่งสัมผัสความร้อนของอัคคีมาหมาดๆกลับไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนเหมือนกับว่าร่างกายของเธอเป็นหนึ่งเดียวกับมัน

ส่วนทางอาราชินั้นเริ่มก้าวสลับขาไปมาอย่างอารมณ์ดี เหมือนกำลังออกสเต็ปเต้นไปกับเพลงที่ไม่มีใครได้ยินนอกจากตัวเธอ ก่อนที่เธอจะย่อตัวเอาฝ่ามือยันพื้น แล้วเหวี่ยงขาไปมาตามอากาศในลักษณะของการเต้นเบรคแดนซ์

เรียวขาทั้งสองข้างของอาราชิเหวี่ยงไปตามอากาศอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นแรงลมกรรโชกขึ้น ลมเหล่านั้นได้สร้างสนับขาโลหะสีดำสลับทอง ซึ่งที่ปลายเท้ามีลักษณะคมกริบราวกับใบมีดให้กับขาทั้งสองข้างของเธอ

ก่อนที่อาราชิจะหยุดเต้นแล้วพลิกตัวขึ้นมายืน พร้อมเหวี่ยงขาทั้งสองข้างไปมาอีกครั้ง แล้วฉีกขาขึ้นมาข้างหนึ่งจนเกือบตั้งฉากกับพื้น เป็นการแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความชำนาญในการใช้ขาของเธอ

“ใช้ขาเก่งนี่”
“พอดีเคยฝึกเต้นเบรกแดนซ์กับเทควันโด้มาน่ะ”

ทามิโกะแสดงท่าทีชื่นชมออกมาจากใจจริง อาราชิจึงรับคำชมนั้นไว้อย่างภาคภูมิ

“งั้นหรอ? แต่แค่ใช้ขาน่ะ มันสู้ดาบของฉันไม่ได้หรอก”
“มันอาจไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้นะ”

เมื่อพูดจาข่มกันไปมาพอหอมปากหอมคอแล้ว เสียงระบบของเกมก็เริ่มดังขึ้น

‘ก้าวสู่สมรภูมิใน สาม สอง หนึ่ง พร้อม... เริ่มได้!’

หลังจากที่สิ้นเสียงนั้น ก็ยังไม่มีใครที่เริ่มเป็นฝ่ายเคลื่อนไหวก่อน จนกระทั่งทามิโกะชี้ปลายดาบของตนไปทางอาราชิ พร้อมพูดจาเย้ยหยัน

“อีกอย่างรุคอย่างเธอน่ะ ไม่มีทางเร็วไปกว่าไนท์อย่างฉันหรอก!”
“งั้นหรอ?”
“หือ?”

ทามิโกะส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ

เมื่อจู่ๆ อาราชิที่ควรจะอยู่ตรงหน้านั้นกลับหายไปจากทัศนวิสัยอย่างกะทันหัน

กะทันหันราวกับหายตัวไป แต่เพราะยังคงได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงของลมเมื่อมีการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ทำให้รู้ว่าตัวอาราชินั้นไม่ได้หายไปไหน

เพียงแต่ทามิโกะมองไม่เห็นตัวอาราชิ เธอเห็นแต่เศษทรายที่ฟุ้งกระจายไปทั่วยามที่ฝีเท้าเหยียบย่ำลงไปบนพื้นทรายเท่านั้น

เสียงและเศษทรายที่ฟุ้งกระจายเริ่มเข้าใกล้ทามิโกะมาเรื่อยๆ จนตัวเธอที่พยายามจะมองหาคู่ต่อสู้ของตนมาตลอดจนถึงตอนนี้ ก็ได้เห็นอาราชิอีกครั้งจนได้... แต่เป็นในระยะเผาขน

และเธอก็ได้ตะหนักขึ้นมาได้ในตอนนั้นเองว่า

“ระ เร็ว!!”

ทามิโกะไม่อาจจะปฏิเสธให้กับสิ่งที่ตาตัวเองเห็นได้

แม้ในใจจะรู้ดีว่า ตำแหน่งรุคไม่มีทางทำความเร็วได้ขนาดนี้

แต่ความเร็วของอาราชินั้นสูงมาก สูงแทบจะเทียบเท่ากับผู้เล่นในตำแหน่งไนท์โดยทั่วไปด้วยซ้ำ มันเป็นไปได้ยังไงกัน?

“นอกจากจะใช้ขาไปกับการเต้นเบรคแดนซ์แล้วก็เทควันโด้ ฉันก็เคยใช้ขากับการเป็นนักกรีฑาโรงเรียนมาก่อนด้วย”

อาราชิคลายความสงสัยให้กับทามิโกะ

ความเร็วของเธอนั้นเกิดจากการฝึกฝนร่างกายซึ่งเป็นสมรรถภาพทางร่างกายส่วนบุคคล

ซึ่งปกติตำแหน่งรุคจะมีความเร็วต่ำที่สุดในเกม แต่เพราะอาราชิฝึกฝนร่างกายมาเธอจึงมีความเร็วมากขึ้น ถึงแม้จะไม่เท่าไนท์ที่มีความเร็วสูงที่สุดในเกม แต่อย่างน้อยๆก็เร็วกว่ารุคทั่วๆไป

เพราะมีพลังโจมตีและพลังป้องกันที่สูง รวมทั้งยังมีความเร็วอีกด้วย อาราชิจึงมีความสามารถแทบจะเทียบเท่ากับตำแหน่งควีนเลยทีเดียว ขาดแค่ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้เท่านั้น

“ถ้าแค่ความเร็วระดับฉันเธอยังจับไม่ได้ ถ้าเธอได้เจอเพื่อนของฉันล่ะก็เธอคงไม่รอดหรอก ยังต้องฝึกอีกเยอะนะยัยไนท์!”

แม้จะเป็นคำพูดเสียดสีที่เจ็บแสบแต่ทามิโกะก็ต้องยอมรับ

แม้จะไม่รู้ว่าเพื่อนที่อาราชิพูดถึงเป็นใคร หรือมีความเร็วเหนือกว่านี้เท่าใด แต่ถ้าแค่ความเร็วระดับนี้เธอยังรับมือไม่ได้ เธอก็ควรจะต้องฝึกฝนอีกเยอะอย่างที่คู่ต่อสู้ของตัวเองกล่าวไว้

ตอนนี้ทามิโกะยังทำได้แต่มองอาราชิที่วิ่งไปทั่วสมรภูมิรบเท่านั้น

แต่ว่ามีสิ่งที่น่าแปลกอย่างหนึ่ง เพราะทามิโกะรู้สึกเหมือนกับว่าอาราชิแค่ใช้ความเร็ววิ่งผ่านตัวเธอซ้ำไปซ้ำมาโดยไม่ได้ทำอะไรราวกับกำลังปั่นประสาทเธออยู่

ทั้งๆที่อาราชิควรที่จะจู่โจมเมื่อมีโอกาสแท้ๆ หรือเธอกำลังเล่นสงครามจิตวิทยากับทามิโกะอยู่กันแน่?

หลังจากที่ปล่อยให้อาราชิวิ่งไปทั่วสมภูมิรบราวกับเป็นสนามเด็กเล่นอยู่สักพัก ความเร็วของเธอก็ลดลงจนเหลือศูนย์ และทามิโกะก็กลับมาเห็นเธอยืนอยู่ตรงจุดๆเดิมอีกครั้ง เหมือนตอนที่การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น

“นี่เธอ กำลังกวนประสาทฉันอยู่หรือไง?”

ซึ่งนั่นสร้างความหงุดหงิดให้แก่ทามิโกะเป็นอย่างมาก

วิ่งไปมารอบๆโดยไม่ทำอะไร ทั้งๆที่มีโอกาสให้ทำอะไรตั้งมากมาย ถ้าไม่รู้สึกว่าโดนดูถูกแล้วจะเป็นอะไร

เธอจึงชี้นิ้วไปที่อาราชิด้วยความรู้สึกเดือดดาล พร้อมมีเส้นเลือดปูดที่ขมับ

“กำลังดูถูกฉันอยู่งั้นหรอ!?”
“ลองดูตัวเองให้ดีๆก่อนสิ”

พออาราชิพูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ความรู้สึกโกรธเคืองของทามิโกะก็แทบจะหายไปในพริบตา เมื่อเธอเพิ่งจะมาสังเกตเห็นว่า แขนที่ตัวเองยื่นออกไปข้างหน้านั้นมีบาดแผลอยู่

เป็นบาดแผลฉกรรจ์เหมือนถูกของมีคมเฉือน เลือดค่อยๆซึมออกมาจากปากแผลนั้น

เมื่อสำรวจดูรอบๆร่างกายของตัวเอง ก็พบว่ามีบาดแผลในลักษณะนั้นอยู่เต็มไปหมด เห็นได้จากเลือดสีแดงที่เลอะตามเสื้อผ้าที่มีรอยขาดเป็นแห่งๆ นั่นยังไม่รวมบางจุดที่ทามิโกะไม่สามารถมองเห็นด้วยตัวเองได้

แต่ว่า... มันกลับไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดใดๆเลยสักนิด

บาดแผลในลักษณะนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่รู้สึกอะไร ราวกับว่าเธอกำลังถูกฉีดยาชาเอาไว้

“อะไร...กันเนี่ย?”

เธอทำได้แค่ตั้งคำถามไปแบบนั้น

แล้วอาราชิ ก็ให้คำตอบด้วยการดีดนิ้วของตัวเองเสียงดังเป๊าะ

ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานแสนสาหัสของทามิโกะที่ดังขึ้นมา

“อ๊าาาาาาาาาาา!!”

บาดแผลที่ไม่รู้สึกเจ็บในตอนแรกของทามิโกะได้มีเลือดสีแดงฉานพุ่งออกมาเป็นจำนวนมาก

ไม่ใช่เพียงแค่หนึ่งแผล

ไม่ว่าจะบาดแผลที่แขน ขา ลำตัว หรือแผ่นหลัง บาดแผลเหล่านั้นต่างเพิ่มความสาหัสด้วยตัวของมันเอง จนร่างกายของทามิโกะโชกไปด้วยเลือด

เธอรับความเจ็บปวดเหล่านั้นในทีเดียวไม่ไหว จึงได้ทรุดกายลงไปทันที

แต่ทามิโกะ ก็ยังเหลือสติสัมปชัญญะอยู่เสี้ยวหนึ่ง เธอจึงใช้คริมสันปักพื้นทรายเอาไว้เพื่อยันร่างกายตัวเองไม่ให้ล้ม

คมดาบนั้นทะลุพื้นทรายลงไปจนเกือบครึ่งเล่ม แสดงให้เห็นว่าเธอทรงตัวแทบจะไม่ไหวแล้ว

ถ้าล้มไปตอนนี้ล่ะก็ เธอก็ไม่มั่นใจนักว่าจะลุกขึ้นมาได้อีกครั้งหรือเปล่า

“ท่าทางไม่โดนจุดสำคัญสินะ?”

อาราชิกล่าวออกมาเบาๆ

“แต่ปกติบางคนพอโดนขนาดนี้ก็ถอดใจยอมแพ้กันทั้งนั้น ขอชื่นชมเธอนะที่ยังยืนหยัดอยู่ได้”

อัศวินโชกเลือดไม่รู้สึกดีใจเท่าไหร่เมื่อได้รับคำชม เพราะร่างกายของตนนั้นสาหัสและเต็มไปด้วยบาดแผล แต่ถึงกระนั้นทามิโกะก็ยังกล่าวขอบคุณตอบ

“ขอบใจนะ... แล้วเธอจะบอกได้ไหม ว่าเธอทำอะไรกับฉัน!?”
“ได้สิ... คามิคาเซะของฉันมีความสามารถในการ ‘สร้างบาดแผลโดยที่ไม่รู้สึกเจ็บปวด’ น่ะ”

อาราชิยิ้มมุมปาก

“ในระหว่างที่วิ่งไปมาเมื่อสักครู่จริงๆฉันสร้างบาดแผลให้กับเธอโดยไม่รู้สึกตัว เมื่อได้โอกาสฉันก็จะเพิ่มความสาหัสของบาดแผลพวกนั้น และปลดปล่อยความเจ็บปวดออกมาทั้งหมดในทีเดียว... เรียกว่า ‘คาเซะคิริ’ (ลมสะบั้น) แต่ดูเหมือนว่า ฉันจะพลาดไปนิดเลยไม่ได้สร้างบาดแผลให้กับจุดสำคัญสินะ เธอถึงยังยืนอยู่ตรงนั้นได้”
“แบบนี้นี่เองสินะ เจ็บพอตัวเลย”

ทามิโกะก้มหน้ายอมรับ

นับว่าเป็นโชคดีของเธอที่อาราชิไม่สามารถสร้างบาดแผลเหล่านั้นที่จุดสำคัญของเธอได้

หากอาราชิสามารถสร้างบาดแผลให้กับจุดสำคัญของเธอได้ล่ะก็ ทุกอย่างก็คือจบ

บาดแผลที่ไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยความรู้สึก... ทามิโกะไม่ต่างอะไรกับลูกไก่ในกำมือเลย

ณ ตอนนี้ ทามิโกะจึงได้รับรู้แล้วว่า ความน่ากลัวของรุคนามว่า คาชิวากิ อาราชิ ไม่ได้อยู่ที่ความเร็วเพียงอย่างเดียว

“ฉันขอแนะนำตัวอีกครั้ง... ฉันชื่อคาชิวากิ อาราชิ ฉายาของฉันคือ ‘คามะอิตาจิ2

อาราชิย่อตัวลง เพื่อตั้งท่าเตรียมพุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วดั่งลม เป้าหมายคือศัตรูโชกเลือดที่อยู่ตรงหน้า

“และข้อยสิขอรับชัยชนะนี้ไปละ!”

ฟุ่บ! อาราชิหายไปจากทัศนวิสัยของทามิโกะอีกครั้ง

และไม่นานนักอาราชิก็ปรากฏตัวมาอยู่ตรงหน้าทามิโกะ ที่เพิ่งจะยันตัวเองขึ้นมายืนด้วยสองขาโดยไม่ต้องใช้อาวุธของตัวเองค้ำเอาไว้

ดูยังไงทามิโกะก็ไม่สามารถป้องกันหรือหลบหลีกอาราชิที่โจมตีเข้ามาได้แน่

แต่เธอทำได้

แม้ร่างกายจะสาหัสแต่ประสาทสัมผัสนั้นยังอยู่ดี อีกทั้งทามิโกะก็เหมือนจะเริ่มตั้งตัวได้แล้วแม้มันจะดูสายไปสักหน่อย เธอจึงใช้ขาที่อ่อนแรงทั้งสองข้างถีบตัวเองเพื่อหลบให้พ้นรัศมีการโจมตีของอาราชิ

พ้นแล้ว... อาราชิฟาดขาใส่อากาศอันว่างเปล่า เธอรอดแล้ว

ทั้งๆที่มันควรเป็นอย่างนั้น

“อ๊าาาาาาาา!!”

แผ่นหลังของทามิโกะมีบาดแผลขึ้นมาใหม่อีกหนึ่งบาดแผล พร้อมละอองเลือดที่พุ่งออกมา

ตอนแรกทามิโกะคิดว่าเธอถูกอาราชิปลดปล่อยความเจ็บปวดของบาดแผลอีกครั้ง แต่ความรู้สึกเจ็บปวดที่ได้รับครั้งนี้มันคนละอย่างกัน

เธอรู้สึกเหมือนถูกคมดาบล่องหนที่อยู่บนอากาศฟันเข้าใส่ซะมากกว่า

ร่างของทามิโกะเอนไปทางด้านหน้าเพราะถูกฟันจากด้านหลัง และตอนนั้นเธอก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบาดเข้าที่แก้ม

เวลานั้นเธอก็ได้เห็นอย่างชัดเจน ว่าคมดาบปริศนาที่เล่นงานเธอเมื่อสักครู่คืออะไร

“แหมๆ อีกนิดเดียวเองแฮะ”

อาราชิกล่าวขึ้นด้วยความเสียดาย

ทามิโกะที่ได้รับแผลเพิ่มเติมที่กลางหลัง อยู่ในสภาพคลานเข่าพร้อมเอามือทั้งสองข้างยันพื้นทรายไว้

เมื่อสักครู่เธอได้เห็นอย่างชัดเจน คมดาบปริศนาที่จู่ๆก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าและเฉียดแก้มเธอไปนิดเดียว

เหมือนกับมีอะไรสักอย่างแหวกอากาศและกลายเป็นคมดาบแห่งอากาศขึ้น

แม้จะไม่รู้ว่าคืออะไร แต่เธอก็พอคาดเดาได้บางส่วน และเก็บสมมติฐานนั้นไว้ในใจ

คาเซะคิริน่ะ ใช้กับอากาศก็ได้นะ”

อาราชิพูดขึ้น

“สร้างบาดแผลไว้บนอากาศ พอถึงเวลาก็ปลดปล่อยบาดแผลนั้น เลยกลายเป็นคมดาบแห่งอากาศอย่างที่เธอโดนไปน่ะ”

ไม่น่าเชื่อเลยว่า... สมมติฐานของทามิโกะนั้นดันถูกต้องทั้งหมด

สำหรับคนที่ถึงกับได้รับการขนานนามว่าเป็นปีศาจแห่งลมนั้น คงไม่ได้มีที่มาจากแค่การเคลื่อนไหวที่รวดเร็วดั่งลมเพียงอย่างเดียวแน่ๆ

การที่อาราชิวิ่งเล่นไปทั่วสมรภูมิเมื่อตอนเริ่มต่อสู้ นอกจากจะฝากรอยแผลไว้กับตัวทามิโกะแล้ว แน่นอนว่าก็ฝากรอยแผลล่องหนไว้บนอากาศด้วยเช่นกัน

น่ากลัวว่า... รอยแผลบนอากาศนั้นคงไม่ได้มีแค่หนึ่งแผลที่เธอโดนไปกลางหลัง และอีกหนึ่งแผลที่เฉียดแก้มเธอไป

บางทีบนพื้นที่ทุกๆตารางเมตรที่อาราชิวิ่งไปรอบๆเมื่อตอนนั้น คงจะมีกับดักคมดาบอยู่ทุกฝีก้าวเลยก็เป็นได้

ทามิโกะนึกโกรธตัวเองที่ตอนแรกคิดว่าอาราชิวิ่งไปวิ่งมาเพื่อโชว์พาวหรือกวนประสาท ซึ่งจริงๆแล้วเธอกำลังยึดสมรภูมิแห่งนี้ให้กลายเป็นป้อมปราการของเธอต่างหาก

ไม่มีที่ให้หนี ไม่มีที่ให้ซ่อน

อาราชิคุมเกมได้อย่างสมบูรณ์แล้ว...

----------------------------------------------------

1สำเนียงคันไซ (関西弁) : สำเนียงท้องถิ่นของชาวญี่ปุ่นในเขตภูมิภาคคันไซ ซึ่งจะออกคล้ายๆสำเนียงเหน่อบ้านเรา ในที่นี้เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนจึงจะใช้ภาษาไทยอีสานแทน

2คามะอิตาจิ (鎌鼬) : คือชื่อของโยวไค (ภูติ) ตามตำนานความเชื่อของญี่ปุ่น เป็นภูติลมที่มีความรวดเร็วดั่งสายลม มีเคียวเป็นอาวุธ โดยคามะอิตาจิ จะมีลักษณะเป็นลมหมุน ที่จะพัดผ่านเหยื่อ หลังจากนั้นเหยื่อจะพบว่าตัวเองมีบาดแผลแต่ไม่รู้สึกเจ็บ เพราะคามะอิตาจิ จะฟันเหยื่อด้วยเคียว แล้วทายาให้เพื่อระงับอาการเจ็บปวด ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทำไมคามะอิตาจิจึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่บางครั้ง คามะอิตาจิก็เป็นอันตรายเช่นกัน เพราะบางครั้งมันจะฟันเหยื่อแล้วทายาให้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ขึ้นไปข้างบน Go down
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Checkmate : Turn 4 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Checkmate : Turn 4   Checkmate : Turn 4 EmptySat Sep 03, 2016 6:19 pm

อีกด้านหนึ่งของการต่อสู้อันดุเดือดนี้ คืออาสึนะที่เป็นผู้รับชมเกมนี้อยู่

เขาอยากจะพูดออกมาตรงๆว่า รู้สึกไม่สบายใจเลยที่เห็นทามิโกะในสภาพแบบนั้น

แม้โดยส่วนตัว อาสึนะจะไม่ได้อยากมีส่วนร่วมกับการต่อสู้ครั้งนี้เท่าไหร่ แถมยังถูกตั้งให้เป็นของรางวัลเดิมพันแบบไม่ถามความสมัครใจสักคำ แต่ลึกๆแล้วอาสึนะก็อยากให้ทามิโกะเป็นฝ่ายชนะ

เพราะคงไม่มีใครอยากเห็นเพื่อนของตัวเองพ่ายแพ้อยู่แล้ว

อย่างน้อยๆถ้าทามิโกะได้เขาไปเป็นรางวัล เธอก็ไม่น่าจะทำอะไรกับเขาไปมากกว่านี้ เขาพอจะเข้าใจว่าเธอตอบรับคำท้าดวลไปด้วยความโมโห

(ทามิโกะ เอาชนะให้ได้นะ แต่ว่าริมฝีปากของคุณคาชิวากิมันก็... เอ้ย เลิกคิดๆ)

ดูท่าทางจะมีลอกแลกนิดหน่อย

แต่เขาก็หวังว่ากำลังใจนั้นจะส่งไปถึงเธอ

----------------------------------------------------

กลับไปที่ทามิโกะ ที่ยังคงอยู่ในท่าคลานเข่าพร้อมหายใจถี่

อาราชิก็มีน้ำใจนักกีฬาถึงขนาดไม่เล่นงานซ้ำคู่ต่อสู้ที่เพลี่ยงพล้ำ

หรือไม่ก็คิดว่ายังไงตัวเองก็ชนะอยู่ดีจึงไม่จำเป็นต้องรีบร้อน

ซึ่งนั่นไม่ใช่ความคิดที่ผิดหรือดูถูกดูแคลนเลย รูปเกมมันเป็นแบบนั้นจริงๆ

นอกเสียจากว่าทามิโกะ จะมองเห็นกับดักคมดาบล่องหนที่อยู่บนอากาศได้

“ฉันอยากให้เธอยอมแพ้นะ ตอนนี้เธอดูไม่จืดเลย”
“ไม่มีทางหรอก”
“ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
“เธอก็แค่อยากได้ตัวอาสึนะเท่านั้นแหละ”
“แหม ถูกจับได้ซะแล้ว”

อาราชิแลบลิ้นแล้วส่งเสียงแหะๆ ในแบบที่มองได้ทั้งน่ารักและน่าหมั่นไส้

ทามิโกะจึงพยายามใช้อาวุธพยุงร่างของตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง

“ยะ ยังไหวหรอกน่า!”

เมื่ออาราชิเห็นดังนั้น จึงพุ่งเข้ามาแล้วฟาดขาใส่ทามิโกะที่ยังไม่ตั้งตัวดี

แต่ทามิโกะก็ใช้ดาบของตนรับลูกเตะนั้นไว้ได้

“ระ ร้อน!!”

อาราชิรีบกระโดดถอยห่างมาทันที เพราะเธอรู้สึกตามที่ตัวเองอุทานออกมาเมื่อสักครู่

เมื่อดูที่คมดาบของทามิโกะอีกที ก็พบว่ามันถูกห่อหุ้มไปด้วยเปลวเพลิง

มีสะเก็ดไฟบางส่วนผ่านใบหน้าของอาราชิไป แม้มันจะห่างจากตัวเธอพอสมควร แต่กลับทำให้ใบหน้าบริเวณนั้นเกิดเป็นคราบเขม่าสีดำ

บ่งบอกว่ามันเป็นเปลวเพลิงที่มีอุณหภูมิที่สูงเอามากๆ อาจจะสูงเกินกว่าหลักร้อยองศาเซลเซียสเลยด้วยซ้ำ

“กะ ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วล่ะนะว่าเธอน่ะใช้ไฟเป็นอาวุธ แต่มันร้อนขนาดนี้เลยหรอเนี่ย?”

ทามิโกะไม่ได้ตอบอะไร เธอพุ่งตัวเข้าไปหาอาราชิพร้อมดาบที่ยังมีเปลวเพลิงห่อหุ้มอยู่ แล้วยกขึ้นเหนือศีรษะพร้อมที่จะฟาดฟันใส่เป้าหมาย

แต่แล้วคมดาบแห่งอากาศก็ได้ขัดขวางไม่ให้ทามิโกะเข้าถึงเป้าหมาย คราวนี้มันฟาดฟันเข้าที่แขนข้างหนึ่งของเธอจนต้องหยุดการโจมตี และในขณะนั้นก็มีคมดาบอากาศอีกหนึ่งฉับที่เกือบจะสร้างบาดแผลเข้าที่หน้าอกของทามิโกะแบบหวุดหวิด จนเธอต้องรีบถอยออกมา ทำให้ระยะห่างระหว่างเธอกับอาราชิกลับมาเท่าเดิมอีกครั้ง

ดูจากการกระทำของอาราชิแล้ว เหมือนเธอจะกลัวความร้อนของดาบเพลิงจากทามิโกะพอสมควรเลยทีเดียว จึงพยายามที่จะสร้างระยะห่างออกไปแบบนั้น

หลังจากที่ทามิโกะถูกเล่นงานจนถอยออกไป ไฟที่ดาบของเธอก็มอดดับลง แขนของเธอก็ถูกคมดาบอากาศเล่นงานจนไม่น่าจะใช้งานได้ในเร็วๆนี้แน่ อาราชิจึงได้โอกาสพุ่งเข้าไปทันที

เมื่อทามิโกะยังไม่สามารถตอบโต้อะไรได้ในตอนนี้ มันจึงเป็นโอกาสของอาราชิแล้ว

เฟลมบาริเออร์ (ม่านเพลิงบรรลัยกัลป์)!!”

แต่ทามิโกะก็ได้ตอบโต้ด้วยการปักคริมสันลงไปบนพื้นทราย

นั่นไม่ใช่เป็นการทำเพื่อพยุงตัวเองไม่ให้ล้มลงไปแต่อย่างใด

คมดาบที่ปักพื้นทรายมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่ที่ดาบเพียงอย่างเดียว

เปลวเพลิงพุ่งขึ้นมาจากพื้นทรายอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยตรงบริเวณที่ดาบถูกปักลงไป ราวกับมีภูเขาไฟปะทุอยู่ใต้พื้นทรายนั้น สะเก็ดไฟความร้อนสูงปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ ดูท่าทางมันจะร้อนยิ่งกว่าสะเก็ดไฟจากคมดาบในตอนแรกเสียอีก

จากเปลวเพลิงเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นทะเลเพลิง แน่นอนว่าอาราชิคงไม่ยอมเข้าไปโดนเผาตายฟรีๆ จึงถอยห่างออกมาอีกครั้งทั้งๆที่ใกล้ถึงรัศมีการจู่โจมของตัวเองแล้ว

ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าทะเลเพลิงนั้นมีความร้อนมากแค่ไหน คือต้นไม้แห้งตายที่ตั้งอยู่ใกล้ๆซึ่งถูกคลื่นทะเลเพลิงเผาผลาญจนเป็นเถ้าธุลีในพริบตาแบบไม่เหลือแม้กระทั่งซาก

สีหน้าของอาราชิแสดงให้เห็นถึงความหวาดกลัวอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

ทามิโกะห่อหุ้มดาบด้วยเปลวเพลิงอีกครั้งแล้วพุ่งเข้าหาอาราชิ แต่ยังไม่ทันได้ขยับตัวออกจากจุดเดิม คมดาบอากาศก็เล่นงานเธอเข้าอีกหนึ่งแผล

เมื่ออาราชิได้เห็นอานุภาพการเผาไหม้อันรุนแรงของเปลวเพลิงนั้นแล้ว เธอก็ฉลาดพอที่จะไม่ไปเล่นกับไฟนรกนั่น และเปลี่ยนใจมาต่อสู้ด้วยวิธีนี้แทน

จากที่พยายามเข้าประชิดตัวและสร้างบาดแผลที่จุดตาย เปลี่ยนเป็นพยายามถอยออกห่างจากรัศมีของเปลวเพลิงอยู่ตลอดพร้อมกับสั่งให้กับดักคมดาบทำงาน และเพื่อความปลอดภัยของตัวเอง จึงได้สร้างกับดักคมดาบล่องหนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆอย่างไร้สิ้นสุดไปด้วย แล้วใช้มันเล่นงานทามิโกะที่พยายามเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ได้ตลอดเวลา

อาจจะดูเหมือนว่าอาราชินั้นกลัว... ใช่ เธอกลัวจริงๆ ลองคิดดูดีๆว่า ถ้ามีคนสั่งให้ไปโดนไฟเผาตาย ก็คงไม่มีใครยอมไปอยู่แล้ว

ดังนั้น การที่อาราชิทำแบบนี้ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแน่นอน

ถ้าสามารถทำแบบนี้ต่อไปได้เรื่อยๆ ยังไงๆอาราชิก็ยังคุมเกมได้อยู่ และหนทางสู่ชัยชนะก็อยู่แค่เอื้อม

ที่เหลือก็แค่รอเวลาเท่านั้น... เวลาที่ทามิโกะจะถูกเล่นงานจนหมดสภาพไปเอง

“บ้าเอ้ย...”

ทามิโกะสบถกับตัวเองเบาๆ พลางทุบพื้นทรายด้วยความเจ็บใจ

ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลฉกรรจ์เริ่มจะหมดสภาพ เธอถูกขัดขวางไม่ให้เข้าใกล้ตัวของอาราชิด้วยการเล่นงานของคมดาบล่องหนบนอากาศซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถ้ายังดันทุรังที่จะขยับตัวอีก ก็มีแต่จะโดนเล่นงานต่อ

“ยะ ยอมแพ้เถอะน่า! เธอไม่ชนะหรอก!”

อาราชิตะโกนออกมา ในขณะที่ตัวเองตั้งท่าเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนที่ออกห่างอยู่ตลอด แต่พอเห็นว่าทามิโกะไม่ขยับตัวเลย เธอจึงเริ่มผ่อนคลายท่าทีลง

บางทีการยอมแพ้อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของทามิโกะจริงๆ

จะให้จับทางของคมดาบที่มองไม่เห็น... มันคงเป็นไปไม่ได้

เจ็บใจนัก... ขอแค่มองเห็นก็พอจะมีหนทางชนะได้แล้ว

ขอแค่ได้เห็นอะไรสักอย่าง

อะไรสักอย่าง...

“!?”

จู่ๆทามิโกะที่ก้มหน้าอยู่ก็เบิกตากว้าง

อะไรบางอย่างที่เธอเห็นบนพื้นทราย ทำให้ทามิโกะคิดอะไรบางอย่างออก

(ถ้ามันใช่ล่ะก็ ยังพอมี... ทางชนะ)

ทามิโกะค่อยๆลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ทำให้อาราชิต้องกลับไปอยู่ในท่าเตรียมตัวอีกครั้ง

“สรุปคือจะไม่ยอมแพ้จริงๆสินะ”

อาราชิเตรียมตัวจะเล่นงานทามิโกะด้วยกับดักคมดาบล่องหนอีกครั้ง พร้อมตั้งท่าจะถอยห่างออกมาสร้างระยะเหมือนอย่างเคย

เธอรอให้ทามิโกะขยับตัวแล้วก็...

เคร้ง!

เสียงของคมดาบที่เฉือนร่างกายถูกแทนที่ด้วยเสียงเหมือนโลหะกระทบกัน

“!!”

อาราชิถึงกับไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น

อัศวินโชกเลือดที่อยู่ตรงหน้า ใช้ดาบของตัวเองป้องกันคมดาบล่องหนจากอากาศได้

เพราะคิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ อาราชิจึงปลดปล่อยกับดักคมดาบอีกหนึ่งแห่ง

เคร้ง! และผลลัพธ์ก็ออกมาเช่นเดิม

นี่มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว...

“ใช่จริงๆ”

ทามิโกะเผยคำพูดที่ฟังดูกำกวมออกมา

อะไรกันที่ใช่?

อาราชิไม่เข้าใจคำพูดนั้นเลย

“นะ นี่เธอ?”
“ฉันพอจะมองออกแล้วล่ะ คมดาบล่องหนของเธอ”
“อย่ามาพูดบ้าๆนะ มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน...”

อาราชิเพิ่งมาสังเกตเห็นว่า ทามิโกะไม่ได้มองมาที่เธอ

แต่ก้มหน้ามองไปบนพื้นทราย...

บนนั้นมีอะไรกันแน่!?

“จริงๆคมดาบล่องหนน่ะ ฉันมองไม่เห็นหรอก อะไรที่มองไม่เห็น ยังไงก็มองไม่เห็นอยู่วันยังค่ำอยู่แล้ว”
“งั้นแล้วทำไม?”
“ฉันเลยเลือกมองในสิ่งที่มันมองเห็น... ซึ่งสิ่งที่ฉันมองเห็นคือ ‘รอยเท้า’ ต่างหากล่ะ”
“ระ รอยเท้า!?”
“ใช่ ฉันก็เพิ่งมาสังเกตเห็นนี่แหละ บริเวณที่มีคมดาบล่องหนนั่น พื้นทรายมันมีรอยเท้าที่ดูลึกเป็นพิเศษอยู่น่ะ ฉันเดาว่าเวลาเธอจะสร้างกับดักคมดาบแต่ละครั้งคงจะต้องออกแรงอยู่พอสมควร รอยเท้าที่เกิดขึ้นมันเลยไม่เหมือนรอยเท้าเวลาเคลื่อนที่ตามปกติ อีกอย่างรอยเท้าของเธอมันไม่เหมือนของฉันอยู่แล้ว มันก็เลยยิ่งมองเห็นง่าย”
“บะ บ้าน่า! ถึงอย่างนั้นก็เถอะ มันก็ไม่ใช่ว่ารอยเท้าตรงนั้นจะมีคมดาบล่องหนอยู่ทุกที่สักหน่อยนิ? ฉันสร้างกับดักคมดาบไว้เป็นร้อยๆจุด บางจุดมันก็ถูกใช้งานไปแล้ว ไหนจะบางจุดที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ยังไงๆเธอก็มองไม่เห็นมันทั้งหมดหรอก”

ทามิโกะยิ้มบางๆให้กับคำพูดของอาราชิราวกับเป็นการยอมรับ

“ก็จริงแหละ ฉันมองเห็นถึงขนาดนั้นไม่ได้หรอก อีกอย่างถ้าสมรภูมิครั้งนี้ไม่ใช่ทะเลทราย ฉันก็คงทำแบบนี้ไม่ได้เหมือนกัน ฉันน่ะยังต้องฝึกอีกเยอะอย่างที่เธอว่าไว้ตอนแรกจริงๆนั่นแหละ”

อัศวินสาวตั้งดาบขึ้นมา

“แต่ถ้าเพื่อเอาชนะเธอในตอนนี้ล่ะก็ ฉันว่าฉันฝึกมามากพอแล้ว”

เมื่อคมดาบของคริมสันติดไฟ ทามิโกะก็พุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วทันที

ในขณะที่อาราชิซึ่งยังไม่เชื่อเต็มร้อยว่าทามิโกะจะสามารถจับทางคมดาบล่องหนจากการมองเพียงแค่รอยเท้า จึงได้ตอบโต้ไปด้วยการกระทำแบบเดิม

สั่งให้กับดักทำงาน ถอยหนี และสร้างกับดักขึ้นมาใหม่

แต่น่าเสียดายที่มันไม่ได้ผลอีกแล้ว

เพราะสามารถป้องกันคมดาบล่องหนได้ การเคลื่อนที่ของทามิโกะจึงไม่หยุดลง ระยะห่างระหว่างเธอและอาราชิจึงเริ่มย่นระยะเข้ามาเรื่อยๆ

อาราชิสั่งให้กับดักทำงานจนมือเป็นระวิงทั้งๆที่รู้ว่ามันไร้ผล แต่เธอก็ยังทำต่อไปเพราะขอแค่ถ่วงเวลาไว้สักหน่อยก็ยังดี

สถานการณ์กลับตาลปัตร คนที่รอเวลาจะถูกเล่นงานจนหมดสภาพกลับกลายเป็นอาราชิเสียเอง

ตอนนี้ทามิโกะอยู่ห่างจากอาราชิอยู่ประมาณเกือบๆสิบเมตร

เพราะร่างกายที่สะบักสะบอม ความเร็วของทามิโกะจึงมีตกลงไปบ้าง การจะให้เข้าไปประชิดตัวคู่ต่อสู้ที่มีความเร็วแบบนั้นคงต้องใช้เวลาสักหน่อย

แต่ระยะแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

ไฟร์สไตรค์ (อัคคีซัดซาด)!!”

ทามิโกะฟันดาบไปข้างหน้า

เพราะรู้ตัวดีว่า การเข้าประชิดตัวนั้นทำได้ยากในสภาพร่างกายของตัวเองที่เป็นแบบนี้ เธอจึงไม่ได้หวังจะจู่โจมในระยะประชิด

การตวัดดาบนั้นทำให้เกิดคลื่นดาบเพลิงพุ่งตรงไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

โดยมีเป้าหมายคืออาราชิ

ดูแล้วอานุภาพการทำลายล้างของคลื่นเพลิงนี้อาจไม่เท่าทะเลเพลิงบรรลัยกัลป์ในตอนนั้น

แต่อานุภาพของมันเพียงพอที่จะกำจัดอาราชิอย่างแน่นอน

เปลวเพลิงนั้นพุ่งไปอย่างรวดเร็วเหมือนมีน้ำมันราดอยู่บนพื้น

สะเก็ดไฟปะทุไปทั่วราวกับดอกไม้ไฟระเบิด

อาราชิพยายามจะใช้ความเร็วที่ยังพอมีอยู่หลบหลีก... แต่เธอช้ากว่าเพลิงนรกนั่นหลายขุมนัก

กลิ่นเหม็นไหม้กระแทกเข้าจมูก เริ่มรู้สึกว่าผิวกายแสบร้อน

เธอกำลังจะถูกเผาทั้งเป็น!

เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วผืนทะเลทรายอันกว้างใหญ่

“กรี๊ดดดดดดดด!!”

----------------------------------------------------

นักเรียนโรงเรียนมิไรเคียวทั้งสามคนที่อยู่ในสนามฝึกซ้อมที่หนึ่งต่างถอดอุปกรณ์ VR ออกมา

หลังจากที่ทั้งสามต่างรู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ

เพราะจู่ๆภาพภายในเกมก็ดับมืดลงเหมือนมีคนปิดสวิตช์ พอทุกคนกลับมายังโลกความจริงแล้ว ก็พบว่าสนามฝึกซ้อมไฟดับลงทั้งหมด

ในขณะที่ทุกคนตกอยู่ในสภาพสับสนงงงวย เสียงเปิดประตูของสนามฝึกซ้อมที่หนึ่งก็ดังขึ้น

“นี่พวกเธอ ยังไม่กลับกันอีกหรอ?”

ตามมาด้วยเสียงของอาจารย์ผู้ชายคนหนึ่งที่เปิดประตูสนามซ้อมแง้มเข้ามาดู

“รีบๆกลับกันได้แล้ว เดี๋ยวครูจะล็อคประตูแล้วนะ”

พอพูดจบอาจารย์คนนั้นก็ปิดประตูแล้วจากไป

เวลานั้นอาสึนะก็เพิ่งนึกออก

“จริงสิ อาคารทุกอาคารปิดตอนหนึ่งทุ่มนี่นา”

ตอนที่ทามิโกะกับอาราชิท้าดวลกันมันก็เป็นเวลาหกโมงกว่าๆแล้ว

ไหนกว่าจะเดินมาที่สนามซ้อมแห่งนี้อีก จึงเหลือเวลาอยู่แค่ไม่กี่นาที

อาจารย์คนนั้นคงไม่รู้ว่ามีคนอยู่ในสนาม จึงจัดการปิดไฟและปิดทุกอย่าง ทำให้เกมหยุดลงกลางคันอย่างน่าเสียดาย

“ถ้าแบบนี้ก็ต้องเสมอสินะ”
“เสมออะไรยะ! ถ้าเกมไม่ดับไปก่อนยังไงๆฉันก็ชนะเห็นๆ!”
“ก็ไม่เห็นมีเสียงประกาศชื่อคนชนะเลยนี่นา งั้นก็หมายความว่าไม่มีคนชนะสิ”
“เดี๋ยวเถอะ! หัวหมอนักนะ ถ้างั้นคราวหน้ามาเจอกันอีกรอบเป็นไง?”
“ไม่ล่ะ การเดิมพันจบลงแล้ว เสมอแบบนี้แสดงว่าไม่มีใครได้ตัวคุณคันซากิไป นั่นก็หมายความว่าทั้งฉันและเธอต่างก็มีสิทธิ์ที่จะสานความสัมพันธ์กับคุณคันซากิ”

อาราชิเผยยิ้มเจ้าเล่ห์

“ดังนั้น ฉันยังไม่หยุดแค่นี้หรอกนะ สักวันคุณคันซากิจะต้องเป็นของฉัน แล้วเจอกัน”
“หยุดเดี๋ยวนี้นะยะ! บอกให้หยุดไงล่ะ! ยัยบ้าเอ้ย!”

ทามิโกะตะโกนไล่หลังอาราชิที่เดินออกจากสนามไปแบบไม่เหลียวหลังกลับมามอง

อาสึนะที่เห็นแบบนั้นก็หัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมส่ายหน้าอย่างเหนื่อยใจ พอดีกับที่ทามิโกะหันมาทางเขา

“อะไร ทำหน้าแบบนี้เสียดายหรือไง?”
“หา? จู่ๆโมโหอะไรเนี่ย”
“ก็ยัยนั่นทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ ตอนที่ฉันสู้กับยัยนั่นนายแอบเชียร์ให้ฉันแพ้อยู่ล่ะสิ ผู้ชายมันก็แบบนี้ล่ะ ชอบแต่ผู้หญิงสวยๆ ทำไมไม่หันมามองผู้หญิงแบบฉัน-”

จู่ๆทามิโกะก็หน้าแดงแจ๋ แล้วหันควับไปทางประตูก่อนที่จะก้าวฉับๆออกไปทันที

“ฉันกลับล่ะ!”
“เดี๋ยวสิ! ทำไมไม่กลับด้วยกัน-”

พอเห็นว่าทามิโกะเดินจากไปแบบไม่ฟังอะไร อาสึนะก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่

จะทามิโกะหรืออาราชิก็ดี

เขาชักเริ่มคิดว่าจะผู้หญิงคนไหนๆก็ต่างเข้าใจยากกันทั้งนั้น

----------------------------------------------------

อาสึนะกลับถึงบ้านด้วยความรู้สึกเหนื่อยอ่อน

วันนี้เขาเจออะไรวุ่นๆมาทั้งวันจนหัวหมุน

ง่วงจริงๆ อยากจะรีบๆนอนเหลือเกิน เขาคิดไว้แบบนั้น ว่าแล้วก็คลายเนกไท ถอดรองเท้าออกแล้ววางไว้บนพื้น

“หือ?”

ความรู้สึกง่วงแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง

เมื่อเห็นว่า พื้นตรงนั้นที่มันควรจะมีแค่รองเท้าของเขาเพียงคนเดียว แต่กลับมีรองเท้าของใครบางคนเพิ่มมาอีกคู่

ชั่วขณะหนึ่งอาสึนะคิดไปถึงว่าขโมยขึ้นบ้าน แต่ก็คิดได้ว่าขโมยที่ไหนจะถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านกัน และอีกอย่าง รองเท้าคู่นี้มันคุ้นๆเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน

“หรือว่า...”

อาสึนะพุ่งพรวดเข้าไปที่ห้องนอนของตัวเองทันที

เจ้าของรองเท้าปริศนาคู่นั้นอยู่ที่นี่นั่นเอง

สาวสวยผมยาวสีน้ำตาลนอนคว่ำอยู่บนเตียงของอาสึนะ และกำลังอ่านหนังสือการ์ตูนอย่างเพลิดเพลินพร้อมฮัมเพลง

ก้นอันกลมกลึงส่ายดุ๊กดิ๊กไปมาราวกับกำลังสะกดจิตผู้ที่มองเห็น

ที่สำคัญที่สุด... เธออยู่ในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว แถมร่างกายยังเปียกชื้นและมีหยดน้ำเกาะอยู่ตามตัว บ่งบอกว่าเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ

พอได้ยินเสียงเปิดประตู เธอคนนั้นก็เหลียวมามองอาสึนะที่ยังยืนอึ้งและอ้าปากค้าง

“อ๊ะ อาสึนะจัง ยินดีต้อนรับกลับจ้า”

เธอกล่าวต้อนรับเจ้าของบ้านอย่างร่าเริงเหมือนกับรู้จักเขาเป็นอย่างดี

ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนที่ดังเสียจนรบกวนเพื่อนบ้านตามมาติดๆ

“พะพะพะ พี่อากาเนะ!!!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Checkmate : Turn 4
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Checkmate : Turn 8
» Checkmate : Turn 9
» Checkmate : Turn 10
» Checkmate : Turn 1
» Checkmate : Turn 2

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: