Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XII   Cataclysm: The Endless Hellfire XII EmptyTue Oct 04, 2016 1:54 am

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XII

------------

 ท่ามกลางทางเดินสำนักแห่งนักฆ่า ผู้เป็นเจ้าของสำนักกำลังย่างกรายไปตามทางโล่งหลังจากการต่อสู้เมื่อครู่ ชายผู้นั้นค่อยๆ เดินไปอย่างช้าๆ ฝีก้าวที่เหยียบย่างลงสู่พื้นทำให้ผู้คนในสำนักต่างจดจ้องไปที่เขา การเดินของเขาที่ดูช้าเหมือนคนไร้เรี่ยวแรง สีหน้าที่ดูซีดเผือกคล้ายกับคนใกล้ตาย ผู้เป็นข้ารับใช้ของคาสเตอร์ที่เดินตามหลังอยู่เริ่มเป็นห่วงอาการของชายผู้นี้ เขาพยายามเข้าไปพยุงตัวของเจ้าของสำนักผู้เป็นนายแห่งเขา แต่ชายผู้ได้รับความช่วยเหลือกลับผลักร่างของข้ารับใช้ของเขาทันที มันถือว่าไม่ใช่เรื่องที่แปลกนักที่ชายผู้นี้จะทำแบบนั้น เพราะการที่ผู้ที่ถูกขึ้นชื่อว่านักฆ่าแห่งความตายแล้วยิ่งเป็นหัวหน้าสมาคมนี้อีกมันยิ่งทำให้เขารู้สึกว่าเขาแบกรักเกียรติไว้ การที่มารับความช่วยเหลือมันทำให้เขาดูอ่อนแอลงอย่างชัดเจน ชายผู้นี้เซไปพิงกับกำแพงด้านข้างของทางเดิน หายใจหอบ พร้อมกับทรุดลงไปอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้ข้ารับใช้ผู้นั้นพยายามจะเข้าไปช่วยอีก แต่ด้วยสายตาที่น่ากลัวของคาสเตอร์ที่ส่งมาอย่างชัดเจนเป็นการบ่งบอกว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือนั้น มันทำชายผู้นั้นถอยออกไปทันที

   คาสเตอร์ใช้ดาบของตนแทงลงพื้นเพื่อที่จะใช้มันเป็นแรงค้ำกับพื้น เขาลุกขึ้นมาโดยที่จับดาบนั้นไว้ ราวกับข้อสงสัยที่มีอยู่ในหัวของคาสเตอร์จะผุดขึ้นมาว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงเหนื่อยได้กัน ทั้งๆ ที่ในการต่อสู้นั้นเขาก็แทบไม่ได้รับอาการบาดเจ็บใดๆ หรือแม้กระทั่งรุ้สึกล้าในการต่อสู้ครั้งนั้นเลย มันแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่ว่าเขาจะเหนื่อยจากการต่อสู้ที่ตนแทบจะไม่ได้ลงแรงอะไร ไม่สิ... มันดูไม่เหมือนว่าเขาจะเหนื่อย มันคล้ายว่าปราณของเขาเริ่มปั่นป่วนไปหมด อย่างที่ทราบว่าปราณนั้นมีส่วนต่อชีวิตของสิ่งมีชีวิตแทบทุกชนิดบทดวงดาวแห่งโพรโตเนี่ยน เมื่อปราณเกิดความแตกซ่านหรือเสียสมดุลมันจะทำให้การทำงานของระบบร่างกายผิดเพี้ยนไปทันที เลือดจะสูบฉีดเร็วผิดปกติ ตาจะเริ่มพล่ามัว อาการเจ็บอกอย่างไร้สาเหตุ และหัวใจที่เต้นแรงจนสามารถรู้สึกได้ หรืออะไรก็ตามที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อร่างกายเกิดความผิดปกติ แต่เขาไปทำอะไรมาล่ะถึงจะมีอาการผิดปกติเหล่านี้ได้?

เดี๋ยวสิ!

หรือว่านั่นจะเป็นเพราะปราณแห่งเบลล์?

   มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? โดยปกติแล้วการที่จะเกิดความผิดปกติจากปราณในร่างกายจะเกิดขึ้นในทันทีเมื่อปราณทั้งสองรวมตัวกัน มันจะเกิดอาการแพ้อย่างชัดเจนและปราณทั้งสองจะแตกตัวออกจากกันเป็นหนึ่งในอีกอาการของลมปราณแตกซ่าน แต่ในกรณีนี้มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด ปราณของเขาไม่แตกซ่าน เขาไม่มีอาการผิดปกติที่ทำให้ร่างกายรู้สึกเหมือนจะระเบิดดั่งเช่นอาการที่ควรจะเป็นเมื่อลมปราณแตกซ่าน แต่มันเหมือนกับว่าปราณได้รวมตัวกันเป็นหนึ่งแล้ว... ค่อยๆ กัดกินร่างกายยังไงยังงั้น ถ้าหากมันเป็นแบบนั้นมันก็เท่ากับว่าเขากำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างใหญ่หลวงและต้องเข้ารับการรักษาในทันที แม้ว่าคาสเตอร์จะสามารถลุกยืนขึ้นได้แต่ข้ารับใช้ผู้นั้นก็เห้นว่ามันต่างออกไป เขาสังเกตขาทั้งสองข้างที่สั่นกระดิกราวกับคนไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็ไม่กล้าเข้าไปช่วยชายผู้นั้นแต่อย่างใด ที่เบื้องหน้าของคาสเตอร์เขามองเห็นเงาอะไรบางอย่าง แต่คนที่สามารถมองเห็นได้มันก็มีแต่เขาเท่านั้น มันเป็นเงาที่ดูคุ้นเคย ค่อยๆ เดินเข้ามาหาชายผู้นั้นช้าๆ พร้อมกับพลังปราณที่เอ่อล้นออกมา มันเป็นพลังที่ดูน่ากลัวมาก และดู... ไม่เหมือนเป็นพลังของมนุษย์!

“เจ้าเป็นอะไรหรอ?” เงาตนนั้นกระซิบ “ไอ้ความมั่นใจที่จะนำพาหายนะมันหายไปไหนเสียแล้วล่ะ...”

   มันเป็นเสียงที่กึกก้องในหูของผู้เป็นเจ้าของสำนัก เสียงนั้นทำให้เขาตกตระหนกอย่างชัดเจน เขามองไปรอบข้างด้วยสายตาที่พร่ามัวและรู้สึกเหมือนว่าโลกกำลังหมุนรอบไปหมด คาสเตอร์ทรุดลงไปอีกครั้งพร้อมกับอาเจียนออกมา ในครั้งนี้มันดูอาการหนักกว่าครั้งแรกที่เขาล้มลงไปเสียอีก เส้นเลือดที่เริ่มปูดขึ้นมาบนหัวของชายผู้นั้น สีหน้าที่แดงก่ำราวกับทรมาณ หายใจอย่างรวดเร็วด้วยความกลัวหรือเจ็บปวดจากสิ่งใดก็มิอาจคาดเดาได้ เขามองไปข้างหน้าก็พบกับเงาตนเดิมอีกครั้ง ในครั้งนี้มันนั่งยองๆ อยู่ต่อหน้าของคาสเตอร์ เขาไม่สามารถเห็นในหน้าของเงานั้นได้นอกจากควันสีดำทมิฬที่ปกปิดตัวตนอย่างสมบูรณ์ แต่เขาน่าจะพอเดาได้ว่าเงานั้นกำลังยิ้มให้กับเขาด้วยสีหน้าที่พึงพอใจ เขาพอที่จะเดาได้ว่านั่นเป็นแสยะยิ้มที่น่ากลัวเฉกเช่นกับปีศาจ และเขาเดาได้ว่านั่นหาใช่ยิ้มที่ประสงค์ดี

“นี่... เจ้าพอจะรู้ไหมว่าอะไรมันกำลังเกิดขึ้นกับเจ้าอยู่?” เงานั้นกล่าวต่อ
“ข้าพอที่จะตอบให้เจ้าได้นะ..”

“หุบปากไป!”

   คาสเตอร์ตะโกนวาจานั้นขึ้นมาท่ามกลางความเงียบงันในสภาพแวดล้อมปกติ มันทำให้ทุกคนที่อยู่ในระแวกนั้นมองไปหาเจ้าแห่งสำนักนี้ทุกคนด้วยความงุนงง ข้ารับใช้ผู้นั้นรู้สึกได้ว่านี้มันผิดปกติมากไปแล้ว ถ้าเขาไม่ทำอะไรสักอย่างมันอาจจะเป็นปัญหาร้ายแรงที่จะสามารถเกิดขึ้นกับเจ้าของสำนักแห่งนี้ได้ หนุ่มผู้นั้นค่อยๆ เดินเข้าไปหาร่างของคาสเตอร์ แต่แล้วฝีก้าวที่กระทบลงกับพื้นของอาคารเรือนนี้มันกลับดังขึ้นในหูของชายผู้กำลังตกอยู่ในความทรมาณ มันดังเสียยิ่งกว่าเสียงระฆังในโบสถ์เมื่อถูกตีขึ้นในเวลาหลังบทสวดเสียอีก เขาปิดหูของตนเอาไว้เพื่อที่จะไม่ให้เสียงใดๆ เล็ดลอดเข้าไปภายในหูของเขาได้ แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินอะไรแล้วก็ตาม แต่เหมือนจะสามารถสัมผัสถึงอะไรบางอย่างที่ขยับได้อยู่ใกล้ๆ หูของเขา มันเงี่ยมาเพื่อจะกระซิบอะไรบางอย่าง เงานั้นเปิดปากกล่าววาจาของตนขึ้นมาทันที

“เจ้าไม่ควรเสียมารยาทกับคนที่กำลังคุยกับเจ้าอยู่นะ” มันกล่าว “เพราะมันอาจทำให้ใครสักคนโมโหได้!”

   สิ้นวาจานั้นเงานั้นก็ใช้หัตถ์แห่งความมืดบีบหน้าของเจ้าแห่งสำนัก โดยที่ไม่มีใครสามารถมองเห็นมันได้ อย่างกับถูกปิดตาไป มือสีทมิฬนั้นบังตาของคาสเตอร์เอาไว้ขนเขามองอะไรไม่ได้ ลูกตาถูกปิดโดยสมบูรณ์ราวกับสลบไป เขานอนนิ่งในสภาพนิทรา มันทำให้ชายหนุ่มที่เดินตามหลังของเขาเดินเข้าไปเช็คดูอาการ ก่อนจะเอ่ยปากเรียกนามของผู้เป็นนายแห่งตน

“นายท่าน... นายท่าคาสเตอร์ขอรับ?”

“นายท่าน!”

“นะ... นาย...”

   ผู้นั้นหาได้ยินเสียงใดๆ จากลมปากของลูกน้องของตน ดั่งเขาอยู่ในโลกภวังค์ท่ามกลางความฝันที่ไร้สิ้นสุด คาสเตอร์ตื่นขึ้นมาพบตัวเองอยู่ในห้วงมิติแห่งหนึ่ง มันคือความว่างเปล่า เขาไม่เห็นอะไรนอกจากเงาเดิมที่อยู่ต่อหน้าของเขา ดั่งเงานั้นติดอยู่นัยต์ตาของคาสเตอร์และไม่สามารถหลุดออกไปได้ ดูเหมือนว่าเงาสีดำร่างใหญ่นั้นจะจ้องมาหาเขา แม้จะไม่สามารถเห็นลูกตาของมันก็ตามทีแต่ก็พอจะเดาได้อยู่เหมือนกัน ที่เบื้องหลังของเงาตนนั้น พื้นหลังสีขาวอันว่างเปล่านั้นค่อยๆ มีไฟลุกเฉกเช่นกับกระดาษที่กระทบกับไฟร้อนระอุ รอยไหม้เปิดออกเป็นดั่งประตูมิติจากดินแดนแห่งขุมนรก เมื่อนั้นเหล่าเพลิงพิโรธก็ค่อยๆ เข้ามาก่อนตัวรวมกับร่างเงาที่ประจักษ์ต่อหน้าของคาสเตอร์ก่อเป็นร่างของมารที่คุ้นเคยกันดีของทุกคนไม่ว่าจะใครก็ตามย่อมจะรู้จักถึงรูปลักษณ์ หน้าตา โครงสร้างแบบนี้อยู่แล้ว นั่นคือมารเพลิงไซอาลอท มันยิ้มให้กับคาสเตอร์ก่อนที่ย่างกรายเข้าไปหาชายผู้นั้น

   รอยเท้าที่ก่อเพลิงลุกทั่วทั้งมิติสีขาว มิติแห่งขุมนรกที่อยู่ผืนหลังของไซอาลอทค่อยๆ ลุกตามมาหลังทุกฝีก้าวที่มารเพลิงเหยียบย่ำลงสู่พื้น ทำไมไซอาลอทถึงมาอยู่ในที่แบบนี้ได้ล่ะ แล้วทำไมถึงเป็นกับชายนามคาสเตอร์กัน แม้ว่าคาสเตอร์จะหาได้มีความเกรงกลัวต่อมารเพลิงตนนั้นก็ตามที แต่ความรู้สึกมันกลับแปลกๆ ในใจเขารู้สึกสั่นไหว ทั่วร่างที่ขนลุกขึ้นมาราวกับรู้สึกถึงความประหลาดอย่างบอกไม่ถูก หรือว่ามันเป็นลางอะไรสักอย่างที่กำลังบ่งบอกถึงเรื่องร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้ สิ่งเดียวที่คาสเตอร์สามารถรับรู้ได้ในเวลาแบบนี้มีอยู่เพียงอย่างเดียว และสิ่งเดียวเท่านั้นคือการมาเยือนของไซอาลอทนี้หาใช่การมาอย่างเป็นมิตรอย่างแน่นอน ครั้นที่คาสเตอร์สามารถรับรู้ถึงอันตรายอันใกล้นี้ได้ เขาชักดาบของตนขึ้นมา แต่ดาบแห่งพิษของเขาก็ถูกเพลิงลุกไหม้ขึ้น เหล็กที่ถูกตีขึ้นมาอย่างดีจนเป็นดาบเล่มนี้ค่อยๆ ละลายต่อหน้าของเจ้าของแห่งดาบ แม้ว่าเหล็กเหลวนั้นจะไม่ได้ทำให้เขารู้สึกร้อนเพราะมิติแห่งนี้คือจิตของเขาก็ตามที แต่เขาไม่สามารถกำหนดสิ่งที่ต้องการได้เลย

   เฉกเช่นเดียวกับลูเซียสในยามก่อนนั้น ไซอาลอทเคยเข้าสู่ความฝันของเด็กหนุ่มผู้นั้นมาแล้วและจิตแห่งมารย่อมแกร่งกว่าจิตของหนุ่มน้อยผู้นั้นอยู่แล้ว ในครั้งนี้มันต่างออกไปสักหน่อย เพราะมารเพลิงเข้ามาสู่จิตแห่งนักสู้ นักฆ่าเยือกเย็น มันย่อมไม่มีผลกระทบอันใดที่ใหญ่หลวงอยู่แล้วสำหรับคาสเตอร์ที่ถูกรุกรานจิตเข้ามาแบบนี้ ด้วยตัวของคาสเตอร์เองก็เป็นถึงเจ้าของสำนักแห่งดาบทมิฬ สำนักแห่งนักฆ่าที่น่ากลัวที่สุดในดินแดนแห่งนี้ เขาย่อมมีความเพียบพร้อมทั้งด้านกำลังและจิตใจที่จะสู้กับสถานการณ์แบบนี้ แต่ในเมื่อที่อาวุธของเขาละลายไปในจิตของตัวเองแบบนี้เขาก็ต้องใช้มาตรการอื่นแทน เขาใช้ร่างของตนเป็นอาวุธและกราดยิงกระสุนเมือกพิษเข้าสู่เป้าหมาย กระสุนพวกนั้นพุ่งเข้าสู่ไซอาลอทโดยตรงหวังจะสังหารร่างจิตของมารตนนั้นใช้สิ้นซากในการโจมตีเดียว แต่เมือกขนาดเล็กเท่ากระสุนก็หาได้ทำอะไรกับเพลิงที่ร้อนเทียบกับลาวาแห่งภูเขาไฟได้ มันทำให้เมือกเหล่านั้นระเหยไปตามอากาศ

“มันเป็นความกล้าหรือความกลัวที่ทำให้เจ้าคิดที่จะโจมตีข้า...” ไซอาลอทกล่าว

เมื่อนั้นก็มีกระสุนพิษพุ่งเข้ามาเป็นนัดสุดท้าย มารร้ายให้มือปัดมันจนกลายเป็นฝุ่น

“เจ้ากำลังเอาสิ่งที่เป็นของข้าไป...” มารเพลิงกล่าว
“คิดหรือที่ตัวเข้าจะสามารถควบคุมพลังแห่งบาปได้ถ้ายังไม่ได้รับการอนุญาตจากมารเช่นข้า!”

เจ้าของจิตแห่งความฝันเงียบไปทันทีหลังจากวาจานั้นสิ้นสุดลง

“เจ้าคิดงั้นหรอว่าข้าจะไม่รู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำ... และเบลล์จะไม่รู้ถึงสิ่งที่เจ้าทำ?” ไซอาลอทยังคงกล่าววาจาของเขาระหว่างที่กำลังเดินไปตามทาง
“มันล้วนเป็นพลังแห่งข้าทั้งสิ้น มิว่าใครจะทำอะไรกับมันก็ตาม ข้าก็ย่อมรู้!”
“และเจ้า.. เจ้ากุเรื่องให้เบลล์ผสานพลังกับอาวุธแห่งวอยด์เพื่อที่เจ้าจะผสานพลังและควบคุมเบลล์ซะเอง”
“ข้าบอกเลยว่ามันไม่ได้ผลหรอกนะคาสเตอร์...”
“และข้าก็มาในมิติแห่งเจ้า ด้วยพลังที่เจ้านำพามาเอง ที่ข้าปรากฏต่อเจ้านี้เพราะข้าต้องกมามันคืน!”

   คาสเตอร์สามารถรับรู้ได้ถึงความเอาจริงเอาจังของมารเพลิง เขารู้ว่าหากเขาไม่คืนมันไปอาจจะเกิดอันตรายอันใดกับเขาก็เป็นได้ แต่พลังแห่งบาปนั้นมันก็เป็นดั่งอาวุธสุดยอดของเขาเช่นกัน หากเขาใช้มันนั่นก็ย่อมหมายถึงว่าเขาจะกลายเป็นผู้ที่กำมหาศาสตรวุธที่สามารถทำลายล้างโพรโตเนี่ยนได้ภายในพริบตา แม้เจ้าของพลังหรือมารเพลิงจะต้องการมันคืนก็ตามที แต่สิ่งที่สามารถมาหาเขาได้มีเพียงจิตเท่านั้น ร่างจริงของมารเพลิงถูกสะกดอยู่ในดินแดนแห่งมรกตนั่นแจะไม่มีทางออกมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้แน่ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วเหตุฉะไหนที่คาสเตอร์จะต้องกลัวด้วย และนี่็คือจิตของเขาเอง ถึงมารเพลิงจะแกร่งขนาดไหนก็เถอะแต่ก็ย่อมไม่สามารถเอาชนะจิตของเจ้าของร่างที่เป็นถึงเจ้าสำนักแห่งนักฆ่าที่มีพลังอันแกร่งกล้าอยู่แล้ว

“โอ้!” จู่ๆ มารเพลิงก็กล่าวอะไรสักอย่างขึ้น “ดูเหมือนว่านามที่แท้จริงของเจ้าจะเป็นอย่างอื่นมิใช่หรือ?”
“จะให้ข้าเรียกชื่อไหนดีล่ะ?”

   วาจานั้นที่หลุดออกมาจากปากของไซอาลอททำให้ผู้เป็นเจ้าของจิตช็อคไป นี่มันไม่ใช่แค่การเยือนจิตแล้ว มันดูราวกับว่าอสูรแห่งความตายตนนี้สามารถรับรู้ถึงอะไรบางอย่างได้ อดีตงั้นหรือ? ชีวิตที่พ้นผ่านมาแล้วของคาสเตอร์งั้นรึ? หรือมันคืออะไรกันแน่... มันดูราวกับว่ามารเพลิงจะรู้ทุกอย่างไปหมด จากหลักฐานที่เด่นชัด ทั้งปฏิกริยาของคาสเตอร์ที่ได้ยินวาจานั้น มันก็เป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าสิ่งที่ไซอาลอทพูดออกมาเป็นความจริง นั่นก็หมายความว่าเขาอาจจะรู้อะไรมากกว่านั้นก็เป็นได้ ระหว่างนั้นมารแห่งความตายก็เดินไปเรื่อยๆ ไปหาเจ้าของมิติแห่งนั้น ด้วยความที่คาสเตอร์ไร้ซึ่งอาวุธใดๆ ที่จะสามารถต่อกรกับมารเพลิงได้ เขาจึงตัดสินใจรุดตัวออกไป ปล่อยหมัดหนักของเขาด้วยแรงทั้งหมด หมัดนั้นกระแทกกับหน้าอย่างแรง จนร่างของไซอาลอทปลิวออกไปไกล ไม่นานนักร่างปีศาจอันใหญ่ยักษ์ก็กระทบลงสู่พื้นแล้วเกิดไฟลุกขึ้นมาทั่วร่าง เมื่อนั้นร่างนั้นก็หายไปในทันที สิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เบื้องหน้าของเจ้าแห่งสำนักแห่งนักฆ่าก็ตั้งท่าเตรียมรออะไรก็ตามที่อาจจะเกิดขึ้นกับเขาได้ทุกเมื่อ

“เหมือนเจ้าจะไม่อยากให้พลังที่เป็นของข้าคืน” ไซอาลอทกล่าวโดยที่ไม่สามารถมองเห็นตัวตนของเขาได้

“หึ!” คาสเตอร์สบถขึ้น “เจ้ามันก็แค่จิตที่ไร้ตัวตน”
“คิดว่าข้าจะกลัวปีศาจที่ไม่สามารถใช้กำลังของตนเองหลุดออกมาจากพันธนาการได้หรอกนะ”
“ถึงยังไงก็ตามแต่.. แม้เจ้าจะหลุดออกมาจากพันธนาการนั่นได้”
“พลังปราณของเจ้าก็ไม่เหมือนกับเมื่อคราวที่เจ้ายังเป็นมารที่น่าเกรงขาม”
“เพราะงั้นแล้วข้าก็สามารถฆ่าเจ้าได้ ทั้งในจิตและของจริง!”

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” จู่ๆ มารเพลิงก็หัวเราะเริงร่าขึ้นมาดังกึกก้องราวกับการหัวเราะในห้องโถงกว้าง
“มันช่างน่าขำเสียจริงที่เจ้ากล้าที่จะกล่าววาจาแบบนั้นต่อมารเช่นข้า”
“ที่เจ้ากล้ากล่าวมันออกไปเพราะเจ้าคิดว่าข้ามิอาจจะออกมารุกรานเจ้าในความเป็นจริงได้สินะ”

“ถ้างั้นข้าบอกได้เลยว่าเจ้าคิดผิด!” คำพูดนั้นถูกกล่าวในจังหวะเดียวกับที่เขาโผล่มาอยู่ข้างหลังของเจ้าของมิติ

   เมื่อนั้นไซอาลอทจึงใช้มือของตนผลักร่างของคาสเตอร์จนล้มลงไป มารเพลิงรีบยกเท้าแห่งไฟขึ้นแล้วกระทืบลงสู่อกของผู้ใช้พลังพิษอย่างแรง โชคดีที่คาสเตอร์ใช้พลังแห่งพิษของตนทำให้กายาของเขากลายเป็นของเหลวสีม่วงที่ดูเป็นพิษ มารเพลิงเหยียบมันลงเต็มๆ ไม่นานนักที่ขาข้างนั้นของมารร้ายตนนั้นก็เกิดควันขึ้นและเสียงกัดกร่อนของพิษเมื่อมันกัดสสารอย่างรุนแรง มันทำให้มารเพลิงทรุดลงไปพร้อมกับเนื้อเยื่อที่สลายออกเหลือแต่กระดูกภายในเท่านั้น เพียงไม่กี่ชั่ววูบกระดูกส่วนนั้นที่ถูกกัดกร่อนด้วยปราณแห่งพิษก็แตกออกเป็นชิ้นๆ ทันที ร่างของเหลวของคาสเตอร์เริ่มรวมกันเป็นหนึ่งกลายเป็นร่างชายใช้พลังพิษที่ยืนอยู่หลังของไซอาลอท เขาก่อปราณของตนเป็นหอกพิษขนาดใหญ่และใช้มันแทงลงไปสู่กลางหลังของมารเพลิงทะลุลงไปสู่หัวใจ อสูรแห่งเพลิงที่คุกเข่าอยู่ถูกแทงเข้าไปสู่จุดตาย มันนิ่งไปเลยหลังจากการโจมตีในครั้งนั้น

   มิทันไรเจ้าของมิติแห่งความฝันก็ปล่อยมือออกจากหอกแห่งพิษของตน คาดว่าจิตของผู้มาเยือนคงจะสิ้นสภาพไปแล้ว ถึงยังงั้นเขาก็ไม่ยอมที่จะประมาทต่อผู้เป็นถึงหายนะแห่งโพรโตเนี่ยนง่ายๆ เขาจับมีดสั้นออกมาจากปลอกมีดของเขา กำมันไว้แน่นเตรียมที่จะแทงลงไปในจุดใดจุดหนึ่งของมารเพลิง แต่แล้วร่างแห่งไฟโลกันต์นั้นก็ขยับตัวราวกับว่ามันกำลังมีชีวิต มันหาได้ขยับตัวด้วยกำลังที่มากนัก เพียงแค่สั่นไปมาเท่านั้น มันทำให้คาสเตอร์ตกใจอยู่เหมือนกัน เมื่อนั้นเขาก็ได้ยินเสียงออกมาจากปากของไซอาลอทเบาๆ มันเป็นเสียงหัวเราะที่ดูพึงพอใจถึงแม้ว่าเขาจะหาได้หัวเราะมันอย่างบ้าคลั่งก็ตามที เจ้าของมิติแห่งนี้ดูเหมือนจะเริ่มสับสนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น จิตใจเขาเริ่มวกวน รู้สึกเหมือนกับว่าความมั่นใจของตนลดไปหลังจากสิ่งนี้ได้ประจักษ์เบื้องหน้าของเขา

“เจ้าคิดว่าอีแค่การโจมตีแบบนี้จะสยบมารเช่นข้าได้งั้นหรือ?” มารเพลิงกล่าว
“นี่มันเป็นการต่อสู้ในมิติของเจ้าเอง... และเจ้าก็กำลังประมาทต่อมัน!”
“เจ้ารู้ว่าการต่อสู้ด้วยจิตมันเป็นเช่นไร! เมื่อใครแกร่งกว่า.. ผู้นั้นก็ชนะ!”

   สิ้นวาจานั้นก็มีเสียงดังลั่นราวกับเสียงตะโกนของสัตว์ร้ายดังขึ้นมาจากตัวของไซอาลอทเอง มันผุดเป็นหัวมังกรเพลิงกลางหลังของมารตนนั้น ทันใดนั้นเองมันก็พ่นเพลิงพิโรธแห่งความตายออกมาหวังจะแผดเผาร่างของนักฆ่าผู้นั้นให้กลายเป็นเถ้าดำ คาสเตอร์สามารถรับรู้ถึงอันตรายนั้นได้ เขาจึงกระโดดถอยออกไป กระนั้นเองเขาก็ถูกปราณเพลิงแผดเผาผิวหนังอยู่บางส่วนทำให้ชายผู้นั้นรู้สึกแสบร้อนไปกับบาดแผลที่ได้รับมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นการต่อสู้ภายในจิตใจก็ตามที แต่ความรู้สึกที่ได้รับนั้น เมื่อร่างจิตรู้สึกเจ็บอันใด ร่างจริงก็จะเจ็บปวดไม่ต่างไปกว่ากัน ไฟจากปากของมังกรยังหาได้สิ้นสุดลง มันพ่นออกอย่างบ้าคลั่งในระยะรัศมีที่ไม่ไกลนัก นักฆ่าผู้นั้นเห็นแบบนั้นจึงจะอาศัยจังหวะนั้นในการโจมตีร่างของมารเพลิงที่ยังมิสามารถขยับร่างได้ เขาวิ่งออกไปด้านข้างเพื่อหลบระยะของเพลิง เขาเสกพลังพิษเป็นบอลทรงกลมที่มือก่อนที่จะขว้างมันออกไปใส่ร่างของไซอาลอท ในจังหวะนั้นเองที่เพลิงนั้นก็ผุดออกมาซึ่งอวัยวะอะไรบางอย่าง แลดูจะเป็นลิ้นของสัตว์ร้าย มันพุ่งเข้าไปทำลายบอลนั้นภายในฉับเดียวก่อนที่จะมุ่งตรงไปยังคาสเตอร์ต่อ

   ผู้ใช้ปราณแห่งพิษเห็นท่าทีแบบนั้นก็กระโดดหลบมันไปได้อีกครั้ง แต่ลิ้นนั้นก็ยังพุ่งตรงไปเป็นระยะที่ยาวเสียยิ่งกว่าเพลิงแห่งความตายที่ผุดออกมาจากปากของมังกร มันตามราวกับเป็นจรวดตามล่าที่สามารถรับรู้ได้ว่าศัตรูอยู่ที่ไหนโดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้ตามอง ในหัวของคาสเตอร์กำลังครุ่นคิดถึงว่าระยะของการโจมตีนี้มันจะหยุดสิ้นเมื่อไหร่ นี่มันยาวเป็นเมตรเห็นจะได้แล้ว และมันก็ยังคงพุ่งสู่เป้าหมายต่อไปอย่างไร้ความปราณี เมื่อนั้นเขาก็หยุดตัวลง หันหน้าไปหาลิ้นนั้นแล้วใช้มือของเขาบีบมันอย่างแรง เขาสามารถจับมันได้อยู่มือก่อนที่จะผสานปราณลงมือข้างนั้น มันกลายเป็นพิษที่กัดกร่อนลิ้นนั้นจนขาด อวัยวะนั้นกระทบลงสู่ผืนดินแห่งความฝัน มันกระดิกอยู่กับพื้นราวกับว่ามันยังมีชีวิตอยู่ เมื่อนั้นไซอาลอทก็แหกปากร้องด้วยความทรมาณอย่างกับว่ามันเป็นร่างกายของเขาเองเลย คาสเตอร์เห็นแบบนั้นก็คิดว่าตนเองได้จังหวะ วิ่งไปพร้อมกับมีดสั้นแล้วแทงเข้ากลางหัวของมังกรนั้น

“ข้ายอมรับในความกล้าและความแกร่งของเจ้าเสียจริงๆ” ไซอาลอทกล่าว
“แต่จิตของเจ้า... มันไม่ได้เศษของข้าด้วยซ้ำ!”

   สิ้นสุดวาจานั้นร่างของไซอาลอทก็หายวับไปกับตา เขาหันไปมองด้านข้าง เขาก็ไม่พบกับสิ่งมีชีวิต ปรปักษ์ของเขาเลยสักนิด แม้หันไปในทิศทางไหนก็ช่าง มิทันไรเสียงฝีเท่าก็กระทบลงสู่พื้น ดังเสียยิ่งกว่าระเบิดกัมปนาทที่ปะทุขึ้นตามปล่องภูเขาไฟ มันเป็นเสียงกระทืบแผ่นดินของมารเพลิงแห่งความตาย คาสเตอร์หันไปหาต้นตอของเสียงแต่กลับถูกมารเพลิงบีบหน้าเข้าให้อย่างแรงด้วยมือเปล่า เจ้าของสำนักแห่งดาบทมิฬถูกหัตถ์แห่งเพลิงจับเข้าไปกลางใบหน้า เขาพยายามที่จะใช้พลังธาตุพิษของตนเพื่อแปลงร่างให้กลายเป็นเมือกสีม่วงในการหลบหนีการโจมตีนี้อีกครั้ง แต่มันดูไม่ได้ผลเลยสักนิด ร่างของชายผู้นั้นหาได้เป็นไปตามที่เขาต้องการ มันดูเหมือนกับว่ามิติแห่งนี้ถูกควบคุมโดยมารเพลิงโดยสมบูรณ์แบบ อย่างที่ไซอาลอทเคยกล่าวไป ถ้าหากจิตใครแกร่งกว่าก็ย่อมมีความเหนือกว่าเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ในโลกแห่งความฝัน ในโลกแห่งภวังค์ โลกที่ไม่เป็นความเป็นจริงนั้น การต่อสู้ทุกอย่างจะเน้นไปที่จิตใจ เรื่องพลังปราณจะกลายเป็นระดับรองไปเลย กล่าวคือต่อให้ใครก็ตามเป็นเจ้าของมิติแห่งนั้น หากแต่ว่าใครที่เหนือด้านจิตกว่านั้น คนนั้นก็ได้รับชัยไป

   พลกำลังของไซอาลอทที่ใช้มือเพียงแค่ข้างเดียวในการบีบหน้าของคาสเตอร์ ยกขึ้นเหนือผืนดินด้วยกำลังที่ผิดมนุษย์มนา มันทำให้คาสเตอร์ไม่สามารถขยับกายของตนได้ให้หลุดได้ เจ้าของมิติแห่งภวังค์พยายามที่จะดิ้นให้หลุดจากพันธนาการที่มารเพลิงมอบให้ เขาเอามือทั้งสองข้างกำไปที่หัตถ์แห่งไซอาลอท ใช้แรงทั้งหมดที่มีดึงแขนข้างนั้นออก แต่เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“ดูเจ้าสิ!” ไซอาลอทกล่าว “เจ้านำพาตัวข้าเองมายังมิติแห่งนี้... และเจ้า.. ก็พ่ายในบ้านของเจ้าเอง”
“น่าสมเพศ! น่าสมเพศยิ่งนัก... แกมายุ่งกับอะไรที่แกไม่ควรจะมายุ่ง!”

เมื่อสิ้นวาจานั้นมารเพลิงก็บีบหน้าของคาสเตอร์แรงกว่าเดิม

“ข้ารับรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับเจ้า... ว่าตัวเจ้าเคยเป็นยังไง แบบไหน?” ไซอาลอทกล่าว
“ข้ารู้ว่าใบหน้าที่เจ้าแสดงอยู่ นามของเจ้าที่มีอยู่ มันหาใช่ของจริง”
“ช่างเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรี สวมหน้ากากเพื่อให้คนมองว่าแกเป็นคนที่แกร่ง แต่มันทำให้แกอ่อนแอ...” มารเพลิงยังคงพูดต่อ

“ไหนลองมาดูสิ! ว่าหน้าของเจ้าที่แท้จริงมันเป็นเช่นไร!”

   สิ้นสุดคำกล่าวนั้นใบหน้าของเจ้าของสำนักก็เริ่มไหม้เกรียมจากหัตถ์แห่งบาปของมารเพลิง ใบหน้าของเขากลายเป็นรอยไหม้ตามรอยมือที่เต็มไปด้วยปราณแห่งความตายของไซอาลอทที่สัมผัสใบหน้านั้น ผู้เป็นเจ้าของมิติก็กรีดร้องอย่างทรมาณ รู้สึกราวกับว่าเขากำลังตายทั้งเป็น ทางด้านมารเพลิงก็ยิ้มอย่างเริงร่าด้วยความสนุกสนานที่ได้เห็นคนแสดงถึงความเจ็บปวดต่อหน้าของเขา ผิวหนังของคาสเตอร์เริ่มที่จะกลายเป็นสีดำและสลายไปจนสามารถเห็นเนื้อเยื่อภายในอย่างชัดเจน โชคดีที่รอยไหม้เหล่านั้นไม่ได้สร้างความเสียหายให้แก่ดวงตาของผู้ที่ถูกทำร้าย มันดูจะเป็นความตั้งใจของไซอาลอทด้วยเช่นกัน เหมือนกับว่าเขาอยากจะให้คาสเตอร์ได้รับรู้ถึงความทรมาณ ความน่ากลัวที่แท้จริง มันจะต้องเห็น ได้ยิน และรู้สึก เซนส์ทั้งห้าจะต้องรู้สึกถึงความสิ้นหวังและความตายต่อหน้าของสัญลักษณ์แห่งความตายเอง

“ตัวเจ้ามีประสงค์ที่อยากจะนำพาซึ่งความโกลาหลเพราะว่าเจ้าต้องการ”
“แต่ข้าทำไป... เพราะว่าข้าต้องการเห็นดาวดวงนี้แหลกสลาย!”

“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกก!”


“อ๊ากกกก!”

   คาสเตอร์ลุกขึ้นมาจากเตียงของเขาในยามค่ำคืนในห้องนอนของเขา เขามองไปรอบหน้าก็พบกับว่าเหงื่อของเขาไหลไปเต็มผืนเตียงราวกับว่าเพิ่งเจอเรื่องร้ายมา  เขาใช้มือจับหน้าของตนเพื่อเช็คดูว่าใบหน้าของเขามันเป็นเช่นเดียวกับความฝันของตนหรือเปล่า เขาพบว่าทุกอย่างดูปกติดี ชายผู้นั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้นไปมองทุกส่วนของเขาก็ดูเป็นปกติทุกอย่าง ดูท่าแล้วสิ่งที่เขาพบเจอทั้งหมดนั้นคือความฝันของตัวเองโดยแท้จริง มิทันไรเขาก็สะดุ้งขึ้นเหมือนกับเห็นอะไรสักอย่าง เบื้องหน้าของเขาปรากฏเป็นเงาในรูปแบบเดิมอีกครั้ง ในครั้งนี้ดวงตาของมันแดงฉาน ส่องสว่างดูน่ากลัวราวกับเป็นดวงตาของมารร้ายเองเลย เงานั้นค่อยๆ เดินเข้ามาเรื่อยๆ และก็เป็นชายดั่งเช่นกับความฝันในครั้งนั้น ไซอาลอท ไฟร์วอร์คเกอร์...

“ไม่นานหรอกคาสเตอร์... ไม่นานหรอก” มารเพลิงกล่าว
“ข้าจะกลับมา และข้าจะมาหาเจ้า”

“เมื่อถึงตอนนั้น! เจ้าต้องเอาพลังแห่งข้าคืนมา..”

   สิ้นวาจานั้นร่างแห่งมารก็สลายไปกับตาของเจ้าของสำนัก เขาหาได้กล่าวอะไรตอบกลับ เพียงแค่กลืนน้ำลายลงไปราวกับว่าไม่เคยเจอความกลัวใดๆ เหมือนครั้งนี้มาก่อน แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเป็นแน่ อาจจะนอนไม่หลับเสียด้วยซ้ำ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากเตียงนอนของเขา ก่อนที่จะเดินไปยังกระจกบานหนึ่งในห้อง มองมันออกไปข้างนอก ที่กระจกนั้นสามารถมองเห็นแหลมหินสีมรกตที่ซึ่งเป็นพันธนาการชั่วนิรันดร์ของมารเพลิง เขามองมันโดยไม่กล่าววาจาอันใด... เพียงแค่มอง... และรอเวลา... ที่มารตนนั้นอาจจะมาหาเขา
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire I
» Cataclysm: The Endless Hellfire II
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIX
» Cataclysm: The Endless Hellfire III
» Cataclysm: The Endless Hellfire XX

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: