Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Checkmate : Turn 7

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
ฟ้ามืด
Superstar Grade B
Superstar Grade B
ฟ้ามืด


จำนวนข้อความ : 504
Join date : 30/04/2013
Age : 31
ที่อยู่ : μ's

Checkmate : Turn 7 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Checkmate : Turn 7   Checkmate : Turn 7 EmptySun Oct 30, 2016 1:47 am

วันนี้อาสึนะเดินไปที่ห้องสภานักเรียนโดยไม่ต้องรอให้ยูกิเรียกตัว

เพราะเมื่อวานทางยูกิได้นัดเขาไว้แล้วตอนพูดคุยกันถึงเรื่องคดีของ ฟุจิซากิ ฮายาโตะ ว่าให้มาประชุมที่ห้องสภานักเรียนหลังเลิกเรียนในวันนี้

รอบนี้เขาดูสดชื่นกว่าเมื่อวาน แต่ก็ยังเห็นความง่วงซึมซ่อนในแววตาอยู่บ้างเล็กน้อย ห้องสภานักเรียนนั้นอยู่ตรงหน้า และเขากำลังจะยกมือขึ้นมาเคาะประตู

แต่ว่าจู่ประตูห้องสภานักเรียนก็ถูกเปิดออก พร้อมใครบางคนเดินสวนอาสึนะออกมาอย่างรวดเร็วแถมยังชนไหล่เขา อีกทั้งยังไม่คิดจะเหลียวมองหันมาขอโทษเลยแม้แต่นิด อาสึนะจึงหันมองตามไป ก็พบว่าเป็นเด็กผู้ชายที่ผมถูกย้อมด้วยสีสว่างคนหนึ่ง

เมื่อเด็กผู้ชายคนนั้นเดินลับสายตาไป ปากของอาสึนะก็บ่นอุบอิบด้วยความไม่พอใจนิดๆกับการเสียมารยาทดังกล่าว แต่ก็ดูไม่ใส่ใจอะไรมากนัก พลางเดินเข้าห้องสภานักเรียนและกล่าวทักทายสมาชิกทุกคนอย่างเช่นทุกที หลังจากนั้นเลขาเรย์มุก็ชงชามาเสิร์ฟให้อาสึนะเหมือนเช่นเคย

“เอ่อ... เมื่อกี้นี่ใครหรอครับ?”

แม้จะไม่ได้ใส่ใจ แต่อาสึนะเองก็อยากรู้ จึงเอ่ยปากถามขึ้นแบบไม่เจาะจงบุคคลในขณะที่กำลังดื่มชาอยู่ รอบนี้คนที่ตอบมากลับเป็นทางเหรัญญิก ทายาทของประธานบริษัทอากิยามะกรุ๊ป อากิยามะ คิโยชิ นั่นเอง

“ชินเซกิ โนบุฮารุ ชั้นปีสอง”

คิโยชิกล่าวขึ้น

“เมื่อตอนปีหนึ่งเคยอยู่ห้องเดียวกับฉันล่ะนะ ตอนนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นคิงที่เผด็จการมากล่ะ ชอบดูถูกคนอื่น แถมยังวางท่าเป็นนักเลงโต แต่ตอนสอบเลื่อนชั้นกลับทำคะแนนได้ไม่ดี เลยโดนพิจารณาให้ลดตำแหน่งไปเป็นพอน ได้ยินมาว่าก่อนมาสอบหมอนั่นบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ... เลยทำให้สอบได้ไม่เต็มที่

ถึงขึ้นปีสองจะอยู่คนละห้องกันแล้ว แต่ก็ได้ยินบ่อยๆว่าตั้งแต่ตอนนั้นเจ้าหมอนั่นก็โดนดูถูกต่างๆนาๆ โดนตั้งฉายาว่าราชาตกกระป๋องบ้างล่ะ เลยดูหงอยไปเยอะเลย เจอแบบนี้เข้าไปท่าทางคงจะเข้าอกเข้าใจคนอื่นมากขึ้นแล้วล่ะนะ แต่ตอนนี้เจ้าหมอนั่นคงยังไม่อยากจะยุ่งกับใครเท่าไหร่เลยทำตัวไปแบบนั้น ก็อย่าไปถือสาเลยละกัน”
“อ๋อครับ... แล้วเขามาทำอะไรที่ห้องสภานักเรียนหรอครับ?”
“ทำให้พวกเราได้เบาะแสใหม่น่ะสิ”

คราวนี้เป็นทางประธานยูกิที่พูดตอบขึ้นมาแทน

“ดูเหมือนว่าเจ้าฟุจิซากิจะไม่ได้เล็งแค่ตำแหน่งคิง แต่แม้กระทั่งพอนอย่างคุณชินเซกิก็ถูกขโมยเข็มกลัดไปเหมือนกันน่ะ เมื่อกี้นี้ก็เพิ่งติดต่อขอเข็มกลัดอันใหม่ไป”
“เอ๋? ไม่ใช่ว่ามันบังเอิญหรอครับ?”
“...ฉันก็อยากคิดแบบนั้นอยู่ แต่คุณชินเซกิก็เป็นอดีตคิงที่ตกลงมาเป็นพอน มันไม่พอดีไปหน่อยหรอ? ฉันเลยสันนิษฐานไว้ก่อนว่าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ด้วยเหมือนกัน บางทีเป้าหมายของฟุจิซากิอาจจะไม่ได้อยู่ที่นักเรียนในตำแหน่งคิงอย่างเดียวก็ได้

และฉันลองมาคิดดูแล้ว การจะหาหลักฐานมามัดตัวฟุจิซากิ คงจะต้องมีการเสียสละกันเล็กน้อย ตามที่สอบปากคำมา เหยื่อทุกรายจะได้ประลองกับฟุจิซากิก่อนที่จะพบว่าเข็มกลัดของตัวเองหายไป หมอนั่นคงจะทำอะไรสักอย่างกับเหยื่อในระหว่างการประลองทำให้เหยื่อตกอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เพราะไม่มีการต่อสู้นอกเกมเกิดขึ้น แถมความทรงจำของทุกคนในช่วงนั้นก็ต่างขาดหายไป ดังนั้นการจะหาหลักฐานมา คงมีวิธีเดียวคือการไปเจอด้วยตัวเอง ว่าสรุปแล้ว ฟุจิซากิทำอะไรลงไปกันแน่

อย่างที่สันนิษฐานไปข้างต้น ถึงฟุจิซากิดูจะมีความสนใจเหยื่อในตำแหน่งคิงเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันตำแหน่งอื่นก็ตกเป็นเหยื่อได้เช่นกัน อย่างเช่นเคสของคุณชินเซกิ สรุปแล้ว เราจำเป็นต้องใช้หนึ่งในพวกเราเป็นเหยื่อล่อ ซึ่งคนที่เหมาะสมในหน้าที่นั้นมากที่สุดก็คือ... คันซากิ อาสึนะ”

พรูด! อาสึนะที่กำลังนั่งฟังและจิบชาเพลินๆถึงกับสำลัก เมื่อมีชื่อตัวเองอยู่ในคำพูดของประธานยูกิ

“เดี๋ยวสิครับ! ทำไม-”
“ฟังนะ... ถ้าฉันให้คนอื่นไป นายคิดว่าฟุจิซากิจะกล้าลงมือกับสมาชิกสภานักเรียนหรอ? ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่านายอยู่ในสภานักเรียน และนายก็มีชื่อเสียงในฐานะพอนที่เอาชนะควีนอย่างฉันได้ เชื่อว่าฟุจิซากิน่าจะสนใจในตัวนายแน่นอน”
“แต่-”
“ไม่มีแต่ คำสั่งของฉันถือเป็นที่สิ้นสุด นายลืมไปแล้วหรอว่าที่ฉันให้นายทำแบบนั้นก็เพื่อเป็นการ-”
“ฝึกฝนตัวเองอย่างหนึ่ง แทนตำแหน่งธุรการที่ไม่อยู่ชั่วคราว... ไร้สาระสิ้นดี”

จู่ๆโทนเสียงของอาสึนะก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง จนสมาชิกสภานักเรียนที่อยู่ในห้องทุกคนต่างหันมามองทางอาสึนะเป็นตาเดียว ปฏิกิริยาที่แสดงออกของแต่ละคนส่วนใหญ่เป็นความตกใจ

เหมือนท้องฟ้าสดใสที่จู่ๆก็มืดครึ้มอย่างกะทันหัน บรรยากาศรอบตัวอาสึนะเปลี่ยนไปกลายเป็นสีหม่นๆ

“เลิกอ้างเหตุผลไร้สาระซะทีเถอะครับประธาน... ฝึกฝนตัวเองบ้าบออะไรกัน... ประธานก็แค่สนุกกับการจิกหัวใช้ผม เพราะประธานยังโกรธเรื่องที่ห้องพยาบาลตอนนั้น”
“นี่นาย! อย่ามาเสียมารยาทกับประธาน-”

คนที่พยายามจะลุกจากโต๊ะตัวเองเพื่อเอาเรื่องอาสึนะคือคิโยชิ แต่ก็ได้ทางประธานยูกิยกมือขึ้นหยุดไว้เสียก่อน พลางหันไปพยักหน้าให้เหมือนสื่อความหมายว่าเธอจะจัดการด้วยตัวเอง เขาจึงยอมถอยกลับไปนั่งดังเดิม

“ฉันไม่คิดเลยว่านายจะยังเข้าใจผิดอยู่... งั้นฉันขอพูดอีกครั้งว่าทุกอย่างที่ฉันทำคือฉันหวังดีในตัวนายจริงๆ ไม่มีการแก้แค้นอะไรทั้งนั้น ในฐานะที่นายเป็นน้องชายของรุ่นพี่อากาเนะ-”
“เลิกเอาชื่อพี่สาวของผมมาอ้างทีเถอะครับ...”
“ก็เพราะฉันนับถือในตัวของพี่สาวนาย ฉันเลยนับถือในตัวของนายด้วยยังไงล่ะ”
“โกหก! ถ้านับถือในตัวผมแล้วทำไม...”

อาสึนะหยุดคำพูดไว้แค่นั้น เมื่อเขาเห็นว่าตัวเองใช้นิ้วชี้หน้าของประธาน ซึ่งเขาไม่รู้ตัวเลยว่าทำแบบนั้นไปตอนไหน เหมือนด้วยอารมณ์ของอาสึนะในตอนนี้ มันเลยทำให้ร่างกายทุกส่วนของเขาขยับไปเอง

เขาจึงค่อยๆลดมือลงอย่างช้าๆ และก้มหน้าไม่สบตาใคร พร้อมเอ่ยคำพูดที่เบาบางราวกับเป็นการกระซิบ

“...ผมขอตัวนะครับประธาน”
“เดี๋ยวก่อน!”

ยูกิคว้ามือของอาสึนะเหมือนพยายามรั้งตัวไว้ ในขณะที่เขาหันหลังกลับและกำลังจะเดินออกจากห้อง

แต่ทางอาสึนะก็สะบัดมือออกอย่างแรง สีหน้าของเขาในตอนนั้นดูตกใจราวกับว่าที่ทำไปเป็นเพราะความลืมตัว แต่ถึงกระนั้นเขาก็เปิดประตูห้องสภานักเรียนออกไปโดยไม่คิดเหลียวหลังกลับมามองอีก

เขาเลยไม่รู้ว่า ทางประธานยูกิหรือสมาชิกสภานักเรียนแต่ละคนภายในห้องนั้นกำลังทำสีหน้าแบบไหน

แต่เดาว่าคิโยชิคงกำลังโกรธจัดและไม่ให้อภัยเขาแน่นอน

เมื่อออกมาจากห้องแล้ว ตัวอาสึนะเองก็ยังไม่ได้ไปไหนไกล เขายังคงยืนนิ่งอยู่หน้าห้องสภานักเรียนเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

อาสึนะก้มลงมองมือข้างที่ถูกประธานคว้าไว้ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเจอกับยูกิครั้งแรกที่ห้องพยาบาล เธอก็เคยทำในลักษณะนี้กับเขามาก่อนครั้งหนึ่ง

ตอนนั้นยังเป็นครั้งแรกที่เขาได้มีโอกาสสัมผัสมือของผู้หญิง มือเรียวสวยของประธานนั้นนุ่มมากจนน่าหลงใหล และเขารู้สึกอยากจะสัมผัสมันอีกสักครั้ง

และเมื่อสักครู่เขาก็ได้รับสัมผัสความรู้สึกนั้นอีกครั้งจนได้ แต่ทว่าสัมผัสที่ได้รับกลับต่างกันออกไปโดยสิ้นเชิง

อาสึนะก็ได้แต่คิด ว่าสัมผัสของมือเรียวสวยของเธอเมื่อสักครู่นั้น เหตุใดมันกลับหยาบกร้านราวกับกระดาษทราย...

----------------------------------------------------

เสียงกระดิ่งประตูของร้านกาแฟโอบานะดังขึ้นแบบเร็วๆเหมือนถูกกระแทก ซึ่งคนที่กระแทกประตูเข้ามาก็คืออาสึนะ เขาตรงดิ่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งยูสุเกะ เจ้าของและพนักงานร้านก็ยืนประจำที่เหมือนเช่นเคย

“อ๊ะ คันซากิคุง ยินดีต้อน-”
“เบียร์เหยือกนึง”
“หา?”
“ก็บอกว่าเบียร์เหยือกนึง!”

ยูสุเกะยืนงงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็พอจะตั้งสติได้เลยตอบกลับ

“อะ เอ่อ ร้านฉันเป็นร้านกาแฟนนะ ไม่มีเบียร์หรอก”
“เบียร์เหยือกนึง”
“อะ โอเค จะทำนมปั่นมาให้แล้วกันนะ”

ท่าทางการไปพูดขัดอะไรอีกคงจะทำให้เสียเวลาไปเปล่าๆ  ยูสุเกะเลยเลือกหาทางออกโดยการทำนมปั่นที่ลูกค้าคนนี้สั่งประจำมาให้แทน ซึ่งทางอาสึนะก็ไม่ได้พูดแย้งอะไร ดังนั้นมันคงเป็นการตัดสินใจที่น่าจะถูกต้องแล้ว

ไม่นานนักนมปั่นก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ซึ่งยังไม่ทันที่ยูสุเกะจะได้วางแก้วลงบนเคาน์เตอร์ อาสึนะก็กระชากแก้วนั้นไปแล้วดูดนมปั่นจนหมดในทีเดียว ก่อนที่จะยื่นแก้วเปล่าให้ยูสุเกะเหมือนต้องการจะขอเพิ่ม

“กินเร็วแบบนั้นเดี๋ยวก็เย็นขึ้นสมองหรอก”

ยูสุเกะพูดเตือนเล็กน้อย แต่ก็คว้าแก้วเปล่านั้นกลับไป แล้วทำนมปั่นให้อาสึนะอีกหนึ่งแก้ว

คราวนี้อาสึนะดูดนมปั่นแก้วใหม่นี้ช้าๆ เหมือนจะเริ่มใจเย็นลงแล้วหลังจากกินนมปั่นแก้วแรกไป

“คงจะเจอเรื่องอะไรแย่ๆมาน่ะสิ ระบายให้ฟังได้นะ คิดว่าฉันเป็นบาร์เทนเดอร์ตามร้านเหล้าก็ได้”

ยูสุเกะพูดขึ้น ก่อนที่จะหันหลังกลับไปล้างแก้วที่ซิงค์ล้างจานข้างหลัง ถึงอาสึนะจะไม่ได้พูดหรือบอกอะไร แต่การแสดงออกที่ดูแปลกไปจากปกติอย่างสุดขั้วแบบนี้ มันเดาได้ไม่ยากว่าต้องมีปัญหาอะไรมา

อาสึนะเองก็ยังนั่งเงียบๆอยู่ คงยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้ใครฟังตอนนี้

จากนั้นเสียงกระดิ่งของประตูร้านก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมเสียงพูดต้อนรับของยูสุเกะตามปกติ

เสียงฝีเท้าของลูกค้าคนล่าสุดค่อยๆดังไปทางเคาน์เตอร์ที่อาสึนะนั่งอยู่

ในระหว่างนั้นลูกค้าที่นั่งอยู่ในร้านก็ต่างหันมองไปทางลูกค้าคนนี้ โดยส่วนมากแล้วเป็นลูกค้าผู้ชาย เพราะเธอคนนั้นเป็นสาวสวยหุ่นดีในชุดนักเรียนกระโปรงสั้น

ก่อนที่เสียงฝีเท้านั้นจะมาหยุดข้างๆอาสึนะที่กำลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ แล้วลูกค้าสาวคนนี้ก็ได้หย่อนตัวลงนั่งข้างๆเขาโดยไม่ได้พูดขออนุญาตใดๆ

“คุณคันซากิ”

ลูกค้าสาวคนนี้เป็นสาวสวยผมยาวสีกาแฟ เธอยิ้มยิงฟันไปทางอาสึนะอย่างสนิทสนม

คาชิวากิ อาราชิ ที่เคยประลองกับทามิโกะเมื่อไม่กี่วันก่อน และเป็นคนขโมยจูบแรกจากอาสึนะไปนั่นเอง

ครั้งนี้เธออยู่ในชุดนักเรียนที่มิดชิดกว่าเดิม ไม่ใช่ชุดนักเรียนวาบหวิวเปิดกระดุมแบบที่อาสึนะได้เห็นตอนนั้น แต่ถึงกระนั้นชุดในตอนนี้ของเธอก็ยังถือว่าไม่ค่อยเรียบร้อย เพราะกระดุมสองเม็ดบนถูกเปิดออก ทำให้เห็นเนินอกขาวๆเล็กน้อย

“คนรู้จักของนายหรอคันซากิคุง?”
“ใช่ค่ะ ฉันเป็นแฟนของคุณคันซากิเอง”

อาราชิตอบขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉยให้กับคำถามของยูสุเกะ อาสึนะก็ไม่พูดอะไรเลยเหมือนเป็นการยอมรับทั้งๆที่มันไม่ได้เป็นความจริง ซึ่งคนที่อึ้งที่สุดคงจะเป็นทางยูสุเกะเอง ที่เห็นอาสึนะมีแฟนสวยขนาดนี้

“อะ โอ้ ร้ายไม่เบาเลยนี่นาคันซากิคุง”
“ใช่แล้วค่ะ แถมเรายังสวีทกันมาด้วย”

พูดยังไม่ทันขาดคำ อาราชิก็ยื่นหน้าไปทางอาสึนะ

ดูจากการทำปากของอาราชิแล้ว ก็ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ากำลังจะทำอะไร เธอกำลังจะจูบเขาอีกแน่นอน

สงสัยเธอกำลังจะยืนยันในคำพูดของตัวเองอยู่ให้ยูสุเกะได้เห็น

แต่การกระทำนั้นก็ถูกหยุดลงอย่างรวดเร็วโดยตัวอาสึนะเอง

เขาใช้ฝ่ามือตัวเองแตะหน้าผากของอาราชิแล้วดันกลับไปเบาๆเพื่อไม่ให้เธอเข้ามาใกล้ไปมากกว่านี้ ปล่อยให้อาราชิจูบกับอากาศไปทั้งอย่างนั้น

“เธอไม่ใช่แฟนของฉันหรอก”

อาสึนะตอบสั้นๆห้วนๆแค่นั้น แล้วกลับไปดูดนมปั่นของตัวเองเหมือนเดิม ยูสุเกะเลยหัวเราะแห้งๆ เหมือนไม่รู้จะมีปฏิกิริยากับเรื่องนี้ยังไงดี พลางยกถาดที่มีเครื่องดื่มเดินไปเสิร์ฟให้ลูกค้าที่อยู่ตามโต๊ะ

“คุณคาชิวากิมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”

พอยูสุเกะเดินไปเสิร์ฟเครื่องดื่ม ที่เคาน์เตอร์เลยมีแต่อาสึนะกับอาราชิสองคน ทางอาสึนะจึงเอ่ยถามแบบนั้นขึ้นมา เพราะดูแล้วอาราชิเหมือนจะมาที่นี่เพื่อหาเขาโดยตรง

“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีว่าฉันรู้ว่าคุณมาทานนมปั่นที่ร้านนี้ประจำ ฉันอยากลองดื่มนมปั่นที่คุณคันซากิชอบทานดู เพราะฉันไม่ค่อยชอบดื่นนมน่ะ จะได้ฝึกดื่มไว้ ตอนเราสองคนเป็นแฟนกัน จะได้สั่งนมปั่นมาทานกันสองคน แล้วปักด้วยหลอดรูปหัวใจ โรแมนติกดีนะคะ”

จากนั้นอาราชิก็คว้าแก้วนมปั่นของอาสึนะ แล้วดูดนมในแก้วไปอึกใหญ่

“ฮ้า... แซ่บอีหลี”

ท่าทางนมปั่นแก้วนี้จะอร่อยมากจนอาราชิหลุดสำเนียงคันไซออกมา

แล้วสักพักเธอก็ช้อนสายตาหวานหยดย้อยไปทางอาสึนะ และแสดงท่าที่เขินอายที่เหมือนแกล้งทำออกมา

“อ๊ะ... นี่มันจูบทางอ้อมสินะคะ คิกๆ”

แต่ถึงกระนั้น อาสึนะก็ดูไม่สนใจ ซึ่งจริงๆต้องบอกว่า เขาดูไม่สนใจอาราชิมาตั้งแต่แรกแล้ว ตั้งแต่ที่โดนแกล้งพูดว่าเธอเป็นแฟนกับเขา ถ้าเป็นอาสึนะในยามปกติก็น่าจะมีท่าทีลนลานแล้ว

“คุณคันซากิ ไม่สบายใจอะไรหรือเปล่า?”

เหมือนอาราชิจะเพิ่งเข้าใจว่า สภาพของอาสึนะในตอนนี้ดูผิดปกติ เลยถามออกไป

อาสึนะไม่ได้ตอบอะไรเช่นเคย เขาแค่ถอนหายใจออกมา คงจะเป็นการแทนคำตอบที่ว่า เขามีเรื่องไม่สบายใจจริงๆ

“ระบายให้ฉันฟังได้นะคะ”
“ไมเป็นไรหรอกครับ คุณคาชิวากิ”
“ไม่ได้ค่ะ ฉันจะไม่ทนเห็นคนที่ฉันรักเก็บเรื่องไม่สบายใจไว้คนเดียวเป็นอันขาด ฉันขอช่วยแบ่งเบาความทุกข์จากคุณคันซากิเอง ถึงจะเล็กน้อยก็ตามที แต่ฉันก็จะช่วยค่ะ”

คำพูดที่ตรงไปมาตรงมาของอาราชิ ทำให้อาสึนะที่สภาพจิตใจผิดปกติหน้าแดงขึ้นมาจนได้

กล้าพูดว่ารักเขาออกมาได้แบบหน้าตาเฉยขนาดนี้ เป็นคนที่รับมือยากจริงๆ

“...ผมทำเรื่องเสียมารยาทกับคนๆนึงไว้น่ะ”

สุดท้ายอาสึนะจึงเริ่มปริปากพูดในสิ่งที่ตนไม่สบายใจออกมา

“แล้ว... ที่คุณคันซากิเสียมารยาทไป เพราะคนๆนั้นเป็นฝ่ายผิด หรือคุณคันซากิเป็นฝ่ายผิดล่ะคะ?”
“ผมเอง... ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ผมคิดว่าเขาผิด แต่ว่าหลังจากที่ผมเสียมารยาทกับคนๆนั้นไปแล้ว ผมกลับรู้สึกไม่สบายใจเลย...”

หงึก อาราชิพยักหน้า เธอดูเป็นผู้ฟังที่ดี

“มันมีความรู้สึกอะไรบางอย่างที่มันกวนใจผมอยู่ ผมคิดว่าตัวเองทำถูกแล้วหรือเปล่า หรือจริงๆแล้วคนที่ผิดคือผมเอง ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ”

อาราชิที่กำลังพยักหน้า หลับตาลงเหมือนกำลังรวบรวมความคิดและเรียบเรียงคำพูดอะไรบางอย่าง หลังจากที่ได้ฟังการปรับทุกข์ของอาสึนะไปแล้ว

อย่างที่เธอพูดไว้ เธออยากจะช่วยทุกวิถีทาง เพื่อแบ่งเบาความทุกข์ของเด็กผู้ชายตรงหน้านี้

“ฉันเอง ก็ไม่รู้ว่าคุณพบเจออะไรมา คงตอบอะไรไม่ได้มากหรอกค่ะ ฉันคงทำได้แค่ช่วยรับฟังและแบ่งเบาความทุกข์ให้กับคุณคันซากิ แต่หากคุณคันซากิรู้สึกไม่สบายใจที่เสียมารยาทกับคนๆนั้นไป ไม่ว่าเขาจะผิดหรือถูก แต่ฉันว่า คุณน่าจะไปขอโทษเขานะคะ สำหรับฉัน การขอโทษมันก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว”

เมื่อพูดจบ อาราชิก็ลุกขึ้นจากเคาน์เตอร์ทันที

“ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ ตอนนี้คุณคันซากิคงยังไม่พร้อมเท่าไหร่ ไว้คราวหน้า ฉันจะมาหว่านเสน่ห์ใหม่ เอาให้คุณคันซากิหลงรักจนโงหัวไม่ขึ้นเลยแน่นอนค่ะ”

อาราชิยิ้มยิงฟันให้อีกครั้ง พร้อมฝากคำพูดที่ฟังดูจั๊กจี้ออกมา ก่อนจะเดินออกไปจากร้าน

ปล่อยให้อาสึนะอยู่กับนมปั่นที่เหลือประมาณครึ่งแก้ว

และครุ่นคิดในสิ่งที่อาราชิกล่าวไว้ก่อนหน้านี้

(นั่นสินะ... ขอโทษแล้วก็คงจะสบายใจขึ้น)

อาสึนะอาจจะไม่พอใจที่ประธานยูกิจิกหัวใช้งานเขา แล้วอ้างว่าเป็นการฝึกฝน

หรืออ้างว่านับถือในตัวเขา แต่การกระทำกลับย้อนแย้ง

แต่เขาก็คิดอยู่ว่า ที่ตัวเองพูดเสียมารยาทไปแบบนั้น มันก็ออกจะแรงเกินไปสักหน่อย

ถ้าเขาไม่พอใจที่ถูกใช้งานแบบนั้น ก็น่าจะลองพูดคุยกันดีๆ

ประธานยูกิก็ไม่น่าจะเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้น ถ้าบอกเหตุผลดีๆ แล้วขออนุญาตออกจากสภานักเรียน เธอก็น่าจะเข้าใจ

สำหรับหน้าที่ของเขาในฐานะสมาชิกสภานักเรียนก็น่าจะจบลงแล้ว

แต่ไม่ว่ายังไง... ก็ต้องไปขอโทษให้เรียบร้อย

----------------------------------------------------

เป็นอีกหนึ่งวันที่อาสึนะต้องเดินไปยังห้องสภานักเรียน

แต่คราวนี้มันต่างกันตรงที่ไม่มีใครเรียกตัวเขา รวมทั้งไม่ได้นัดอะไรกันไว้ด้วย แต่เขาอยากไปด้วยความต้องการของตัวเอง

เขาจะไปขอโทษทุกคนที่สภานักเรียนในเรื่องที่ตัวเองเสียมารยาทไป และขอยกเลิกการเป็นสมาชิกสภานักเรียนให้เป็นเรื่องเป็นราว

หลังจากที่คิดอยู่ทั้งคืน อาสึนะก็ตัดสินใจแล้วว่าจะทำแบบนี้แน่นอน

เขาจึงเดินไปที่ห้องสภานักเรียนโดยที่ไม่มีความรู้สึกลังเล

เพราะถ้าลังเลแม้แต่นิดเดียว การตัดสินใจที่อุตส่าห์คิดไว้อย่างดิบดีก็อาจจะพังลงได้

เมื่อถึงหน้าห้องสภานักเรียน เขาก็เลยเคาะประตูทันที

ก็อกๆ

“........”

สิ่งที่อาสึนะได้รับกลับเป็นความเงียบ

ปกติแล้วจะต้องได้ยินเสียงประธานพูดว่าให้เข้ามาได้ หรือต่อให้ประธานไม่อยู่ ก็น่าจะมีคนอื่นอยู่ในนั้นพูดแทน

ก็อกๆ เขาเคาะประตูอีกครั้ง

“........”

การตอบรับมาด้วยความเงียบเป็นครั้งที่สอง ทำให้ความตั้งใจของเขาชักจะค่อยๆพังทลายลงมาเล็กน้อย

แต่เขาก็ตัดสินใจที่จะทำตามความตั้งใจต่อไป

“อะ เอ่อ... ประธานครับ?”

อาสึนะจึงใช้คำพูดควบคู่กับการเคาะประตูเป็นครั้งสาม แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับใดๆเช่นเคย หรือว่าจะไม่มีใครอยู่กันนะ?

“งั้นผม... ขออนุญาตเข้าไปนะครับ”

ปกติประตูห้องสภานักเรียนจะไม่ถูกล็อคไว้อยู่แล้ว ซึ่งในเมื่อไม่มีใครตอบรับ เขาก็คงต้องถือวิสาสะเปิดเข้าไปด้วยตัวเอง

“สวัสดีครับ?”

พอได้เห็นห้องสภานักเรียนแล้ว อาสึนะถึงได้รู้ว่าทำไมถึงไม่มีคนตอบรับ

ก็เพราะไม่มีใครอยู่เลย

มันเป็นภาพที่ดูแปลก เพราะที่ผ่านมาทุกครั้ง สมาชิกทุกคนก็ต่างอยู่กันพร้อมหน้า ยกเว้นฝ่ายธุรการอย่างริเอะ ที่แค่มาเยี่ยมเป็นช่วงเวลาสั้นๆเมื่อไม่กี่วันก่อนแล้วจากไป

(ไปไหนกันหมดนะ?)

แต่ห้องสภานักเรียนนั้นกว้าง แถมยังมีสองชั้น บางทีทุกคนอาจจะไปอยู่ที่จุดอื่นของห้องก็ได้ อาสึนะเลยเลือกที่จะขึ้นบันไดวนไปชั้นสอง ซึ่งจริงๆเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าชั้นสองนั้นมีอะไร

เมื่อขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่เขาเห็นคือครัวขนาดเล็ก อย่างที่เขาเคยคาดเดาไว้ เพราะเรย์มุจะขึ้นไปชั้นสองเมื่อต้องเตรียมน้ำชามาให้ เมื่อมองผ่านกระจกของตู้เก็บของเหนือโต๊ะครัว ก็มองเห็นชาสำเร็จรูปและถุงขนมที่น่าจะเอาไว้สำหรับรับประทานกับน้ำชาอยู่

แต่เมื่อเดินต่อไปอีกหน่อย เขามองเห็นประตูบานหนึ่ง ที่เขาเดาไม่ออกว่ามันเป็นประตูของห้องอะไร

แต่ไม่รู้ทำไม ในใจของอาสึนะถึงมั่นใจว่าประธานและทุกคนในสภานักเรียนจะต้องอยู่ห้องนี้แน่นอน เขาจึงตรงไปที่ประตูบานนั้น แล้วยกมือขึ้นมาเคาะประตู

แต่ก่อนที่จะได้ทำแบบนั้น ประตูก็ถูกเปิดซะก่อน

สาวสวยที่อาสึนะมองเผินๆนึกว่าเป็นประธานยูกิโผล่พรวดออกมาจากห้องนั้นในแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัว เธอรีบปิดประตูอย่างรวดเร็วแล้วผลักเขาไปติดกำแพง

ตอนนั้นอาสึนะถึงได้เห็นชัดๆว่าที่แท้เธอคนนี้ก็คือรองประธานอายูมินั่นเอง เพราะเธอนั้นสวยและหุ่นดีคล้ายกับยูกิ จึงทำให้เขาเข้าใจผิดในตอนแรก

แต่ที่สำคัญกว่าคือ อายูมิใช้มือยันกำแพงยืนคร่อมอาสึนะไว้เหมือนป้องกันไม่ให้หนี แล้วเธอก็ยื่นใบหน้าสวยๆนั้นเข้ามาใกล้

อาสึนะได้กลิ่นหอมๆของเส้นผมและน้ำหอมจากร่างกายของเธอ บวกสายตาแหลมคมที่จ้องมา มันเลยทำให้เขาหน้าแดงโดยอัตโนมัติ

อาสึนะอ้าปากเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่อายูมิก็ใช้นิ้วชี้ของเธอแตะริมฝีปากของเขาไว้

ก่อนที่จะดึงนิ้วชี้นิ้วนั้นกลับไปจรดปากของตัวเอง

“ชู่วววว อย่าส่งเสียงสิ เดี๋ยวคนข้างในก็ได้ยินกันหรอก”

เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่ฟังดูเย้ายวนอย่างน่าประหลาด แล้วทำไมต้องเงียบด้วยล่ะ นี่รองประธานกำลังจะทำอะไร?

“แต่จะว่าไป ฉันก็เพิ่งเห็นหน้านายใกล้ๆครั้งแรกนี่ละ.... น่ารักจัง”
“อึก...”

อาสึนะไม่เคยรู้เลยว่า รองประธานอายูมิเป็นคนยังไง

เขามองว่าเธอเป็นคนลึกลับมากที่สุดในสภานักเรียน

เขาไม่เคยคิดว่า คนอย่างเธอจะมาสนใจเขา

และตอนนี้เธอทำให้เขาหัวใจเต้นแรงจนแทบระเบิดออก

“คะ คุณคาตายามะ”
“อะไรกัน เรียกเป็นคนอื่นคนไกลไปได้... เรียกอายูมิสิ”
“คะ ครับ คุณอายูมิ”
“อืม ดีมาก”

จากนั้นอายูมิก็ผละตัวออกจากเขา

.........

(อ้าว?)

อาสึนะอุทานคำนั้นออกมาในใจ เหมือนกำลังเสียดายอะไรบางอย่าง

(นะ นี่ฉันเสียดายอะไรอยู่วะเนี่ยยย? หรือว่าเสียดายที่คุณอายูมิไม่ยอมทำ...)

“อาสึนะ”
“ครับ!”

อาสึนะเผลอพูดตอบรับเสียงดังเพราะกำลังคิดนู่นคิดนี่อยู่ จนอายูมิต้องยกนิ้วชี้ขึ้นมาจรดปากอีกครั้ง

“ชู่ว ก็บอกว่าให้เงียบๆไง เดี๋ยวคนข้างในก็ได้ยินกันหมด”
“อ๊ะ ครับ ขอโทษครับ ว่าแต่คนข้างในทำอะไรอยู่หรอครับ? แล้วประธานอยู่ไหม? ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”
“อืม นั่นสินะ คงปิดบังนายไม่ได้แล้ว”
“เอ๋?”

อายูมิเดินลงบันไดกลับไปที่ชั้นล่างของห้องสภานักเรียนโดยที่ไม่ตอบหรือบอกอะไร แต่อาสึนะเข้าใจว่าน่าจะให้เดินตามเธอลงไป

เมื่อลงมาชั้นล่าง ก็พบว่าอายูมินั่งรออยู่บนโซฟารับแขกอยู่ก่อนแล้ว อาสึนะจึงเดินไปนั่งทางฝั่งตรงข้าม เหมือนที่เขาทำแบบทุกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้อีกฝ่ายคือรองประธานไม่ใช่ประธาน

“ยูกิ กำลังซ้อมฟันดาบอยู่นะ”
“เอ๊ะ? ฟันดาบหรอครับ?”
“อ่าใช่... ยัยนั่นเริ่มซ้อมดาบก็ตั้งแต่ที่แพ้นายมานั่นละ จำคำที่ยูกิพูดกับนายได้ไหมว่าได้เรียนรู้อะไรจากนายมาเยอะเลย ซึ่งสิ่งที่ยูกิเรียนรู้ก็คือ วิชาดาบของตัวเองยังด้อยมาก

ปกติเวลายัยนั่นต่อสู้ก็มักจะใช้พลังที่มีทั้งหมดในการต่อสู้แหละนะ วิชาดาบเลยถูกมองเหมือนสิ่งไม่จำเป็น ถึงจะเคยฝึกๆมาบ้างก่อนจะมาเป็นควีนแต่ก็แทบไม่ได้ใช้จนลืมๆไปบ้าง แต่เพราะการต่อสู้กับนายนั่นแหละ เลยทำให้ยัยนั่นเริ่มกลับมามองเห็นความสำคัญขึ้นมา

นายคงไม่รู้สินะ ว่ายูกิซ้อมดาบอยู่ตลอด แม้กระทั่งตอนที่ทุกคนในสภานักเรียนกลับไปแล้ว แต่ก็นะ ยัยนั่นตั้งใจที่จะไม่บอกนายเองล่ะ”

จู่ๆก็เหมือนมีมีดมาแทงที่กลางหัวใจของอาสึนะ

เขาหวนนึกไปถึงสัมผัสอันหยาบกร้านที่มือสวยๆของยูกิเมื่อครั้งนั้น

เพราะซ้อมดาบอย่างหนักหน่วงไม่มีพัก มือของเธอเลยถลอกและพองจนด้าน

(บ้าเอ้ย นี่ฉันทำอะไรลงไป...)

เขามัวแต่นึกถึงตัวเอง มัวแต่คิดว่าทำไมตัวเองต้องมาเหนื่อยกับงานสภานักเรียน

คิดไปแต่ว่าประธานจิกหัวใช้เขาเพราะความสนุกและอยากแก้แค้น

ไม่เลย... ประธานนั้นนับถือและหวังดีในตัวเขาจริงๆ ถึงพยายามอย่างหนักขนาดนั้น

เธอเหนื่อยกว่าเขาไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

ยอมเสียสละมือสวยๆจนกลายเป็นมือที่หยาบกร้าน

เขาเข้าใจคำตอบในสิ่งที่อาราชิเคยถามเขาแล้ว... ว่าคนที่เป็นฝ่ายผิด มันเขาต่างหาก

นี่แหละคือสิ่งที่กวนใจเขามาโดยตลอด เขาเข้าใจทั้งหมดแล้ว

ว่าเขามันบ้า... บ้าที่สุด... เขามันบ้าและเลวที่สุด...

“อ้าว อาสึนะ ลืมของหรอ?”

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากชั้นบน

ประธานยูกิที่สวมชุดพละของโรงเรียนมิไรเคียว เดินลงมาพร้อมมีผ้าขนหนูพาดไหล่ ตัวเธอที่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อแทบจะไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเพิ่งออกแรงทำอะไรมาสักอย่าง และมาพร้อมกับสมาชิกสภานักเรียนอีกสองคน นั่นก็คือคิโยชิกับเรย์มุนั่นเอง

“นี่นาย ยังกล้าเสนอหน้ามาอีก-”

ดูท่าคิโยชิ จะโกรธและไม่ให้อภัยเขาจริงๆอย่างที่เคยคิดไว้ ซึ่งครั้งนี้ ประธานยูกิก็ห้ามเขาไว้อีกครั้ง ก่อนที่อายูมิจะเป็นฝ่ายบอกถึงจุดประสงค์ของอาสึนะที่มาที่นี่แทนเจ้าตัว

“ยูกิ อาสึนะมีเรื่องจะคุยกับเธอน่ะ”
“งั้นหรอ? ถ้างั้นเดี๋ยวไปคุยกันข้างนอกก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำพอดี”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมจะพูดตรงนี้เลย... ผมอยากให้ทุกคนได้รู้ด้วย”

อาสึนะพูด พลางยืนขึ้น

“ผม ขอโทษทุกคนด้วยครับ!”

ก่อนที่จะก้มศีรษะให้สมาชิกสภานักเรียนทุกคน ซึ่งดูทุกคนก็ไม่ได้มีสีหน้าโกรธเคืองอะไรเขาเลยแม้แต่น้อย ยกเว้นคิโยชิที่น่าจะยังไม่พอใจอยู่บ้าง

“ถ้าเรื่องเมื่อวานล่ะก็ ไม่เป็นไรหรอก ฉันเข้าใจ ตอนนี้พวกเราได้วิธีที่จะจัดการคดีของฟุจิซากิแล้ว ไม่ต้องห่วง”
“...ให้ผมทำเถอะครับ”
“ว่าไงนะ?”
“ให้ผมได้ทำหน้าที่นั้นเถอะครับ!”

ใช่ เขาตัดสินใจแล้ว

เขาจึงพูดออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

เขาไม่เปลี่ยนใจทีหลังแน่นอน

เมื่อเห็นสีหน้าและน้ำเสียงจริงจังของอาสึนะ ยูกิจึงรู้ว่านี่ไม่ใช่การพูดเล่นๆ

เธอจึงยิ้มให้เขา

“ก็ไม่รู้นะว่าทำไมนายถึงเปลี่ยนใจ แต่ฉันดีใจนะ ที่นายกลับมา”
“ขะ ขอบคุณมากครับ!”

อาสึนะยิ้มร่าเหมือนเด็กที่เพิ่งได้ของเล่นใหม่

ความรู้สึกอึดอัดหรือไม่สบายใจทุกอย่างได้มลายหายไปในทันที

เขาไม่เคยรู้สึกสดชื่นเท่านี้มาก่อนเลย

“แต่ก็นะ... ตอนนี้นายกลับเข้าสู่สภานักเรียนแล้ว เพราะฉะนั้น การละเลยต่อหน้าที่ก็ต้องมีบทลงโทษ”
“กึ๋ย!”

อาสึนะได้แต่กรีดร้องอยู่ในใจ

แต่ไม่ว่าจะถูกลงโทษยังไงก็ช่าง

เขาก็ยังคิดว่า นี่แหละคือการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Checkmate : Turn 7
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Checkmate : Turn 8
» Checkmate : Turn 9
» Checkmate : Turn 10
» Checkmate : Turn 1
» Checkmate : Turn 2

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: