Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XVIII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XVIII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XVIII   Cataclysm: The Endless Hellfire XVIII EmptyTue Nov 01, 2016 11:04 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XVIII

------------

“ออกนอกปราสาท?”

  เซรดริกถามด้วยความสงสัย พร้อมกับเสียงสั่นๆ ภายหลังบานประตูห้องมืดมิดของเขา ถึงกระนั้นสายตาแปลกๆ ที่เขาส่งมาหาลูเซียสและมาเดียร่ายังคงปรากฏอยู่ แสดงท่าทางที่ดูผิดแปลกดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาตินัก ไหนจะเหงื่อตกที่ดูเหมือนว่าเหน็ดเหนื่อยจากการทำอะไรมาอีกด้วย อันที่จริงเขาควรจะอยู่กับโครนอสผู้เป็นองค์ราชาแห่งสตอร์มโฮล์มได้แล้ว ทางด้านกษัตริย์แห่งทวีปทางด้านตะวันออกกำลังตามหาตัวเขาอยู่มิใช่หรือ แถมในเวลาแบบนี้เขาควรจะอยู่ภายใต้การรับใช้ของราชามาที่สุดเสียอีกต่างหาก กลับกันเขากลับมาอยู่ในห้องนี้ ทำอะไรแบบลับๆ คนเดียว ไม่นานนักเขาก็ก้มหน้าต่ำลงไปสักเล็กน้อย สิ่งที่เขาเห็นคือมือที่จับกันไว้แน่นของหญิงสาวและชายหนุ่ม ก่อนที่จะเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของทั้งคู่ แลดูพวกเขาจะหวังกับเซรดริกให้ช่วยเหลือพวกเขาเอามากๆ

“แบบนั้นมันจะดีหรือ?” เซรดริกถามขึ้นมาอีก
“ข้าหมายถึง... เจ้าก็รู้..”

  ทันใดที่เซรดริกกำลังจะเอ่ยวาจานั้น เขาก็ถูกขัดขึ้นโดยชายหนุ่มบรรณารักษ์ผู้นั้น ดูเหมือนว่าจะเป็นการบ่งบอกแก่มือขวาขององค์กษัตริย์ไม่ให้กล่าวอะไรต่อเกรงว่าจะทำให้หญิงสาวว้าวุ่นใจเปล่าๆ หากรู้ว่ามีผู้ประสงค์ร้ายต้องการตัวเธออยู่ เซรดริกมองออกและเข้าใจถึงสิ่งที่ลูเซียสพยายามจะสื่อ จึงเงียบลง ก่อนจะโก่งหัวของตนไปใกล้ลูเซียส

“แต่ว่าราชาไม่ต้องการให้เธอออกไปในเวลาแบบนี้นะ” เขากระซิบแก่ชายผมดำ
“ข้ารู้.. แต่ว่าข้าอยากพาหล่อนออกไปรับชมอะไรหน่อยน่ะ” เขากระซิบกลับ
“ท่านไม่คิดหรอว่าเธอจะไม่สงสัยว่าเพราะอะไรเธอถึงออกไปนอกปราสาทไม่ได้”
“ขืนยังทำแบบนี้ไปเรื่อย ตัวเธอเองจะเป็นทุกข์เอานะครับ” ลูเซียสกระซิบไปหาเซรดริกต่อ

  หญิงสาวผมสีน้ำตาลทำท่าสงสัยเล็กน้อยในสิ่งที่หนุ่มๆ กำลังสนทนากันอยู่ แม้เธอจะไม่ได้ยินมันก็ตามทีแต่ความรู้สึกสงสัยในสิ่งที่พวกเขากำลังพูดก็ผุดขึ้นมา ราวกับว่าอยากรู้อยากเห็นหรือมีความรู้สึกในใจเหมือนว่าคนพวกนี้กำลังปิดบังอะไรเธออยู่ หล่อนหันไปมองเซรดริกในทันทีด้วยความสงสัย ทางด้านข้ารับใช้ผู้นั้นก็รู้สึกถึงการจ้องนั้น เขาไม่รอช้าที่จะถอยฉากออกจากลูเซียสในทันที หากมิทำเช่นนั้นมันก็จะเป็นอะไรที่ดูผิดปกติสำหรับหล่อน บางทีอาจทำให้เธอหงุดหงิดก็ได้ ทันทีที่เซรดริกถอยฉากออก เขาก็ถอนหายใจออก แสดงปฏิกริยาออกมาอย่างชัดเจนว่าเขาไม่อยากที่จะทำอะไรแบบนี้เสียเท่าไหร่ แต่มองในอีกแง่หนึ่งมันก็เหมือนว่าเขาไม่อยากจะยุ่งกับอะไรแบบนี้ หรือกำลังรู้สึกรำคาญอยู่ด้วยซ้ำ แต่ใบหน้าของเด็กทั้งสองที่แสดงออกมาเหมือนกับกำลังอ้อนวอนเขาก็ทำให้เขาไม่คิดจะปฏิเสธได้ ถึงจะแบบนั้นก็เถอะ แต่การขัดคำสั่งของราชามันมีโทษหนักพอควรเลยนะ แถมยังเป็นเรื่องใหญ่อีกต่างหาก

“ได้โปรดเถอะค่ะ แค่แปปเดียวก็ยังดี” มาเดียร่ากล่าวขอร้องต่อ ด้วยสีหน้าอ้อนวอน
“ก็ได้ๆ” เซรดริกตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนๆ
“เข้ามาก่อนสิ...” เขากล่ารับเชิญเด็กทั้งสอง

  ทั้งสองที่ได้รับคำเชื้อเชิญจากเซรดริกก็เดินเข้าไปในห้องๆ นั้นทันทีก่อนที่ข้ารับใช้ผู้นั้นจะเดินไปจุดไฟในห้องๆ นั้นแล้วปิดประตู ภายในห้องเล็กๆ นั้นมีเครื่องมือแปลกๆ ที่ไม่ค่อยเห็นได้ตามสถานที่ทั่วไป ดูคล้ายกับอุปกรณ์เพื่อจะทำอะไรสักอย่าง เท่าที่ดูจากสภาพแล้วคล้ายกับว่าเซรดริกกำลังพยายามที่จะก่อสร้างอะไรสักอย่าง แต่มันดูผิดวิสัยเขาอยู่พอควร เพราะคนที่ทำหน้าที่เป็นมือขวาของโครนอสมักจะทำงานที่ไม่ค่อยลงแรงเสียเท่าไหร่ แถมยังเป็นงานที่พูดได้ว่าไม่ทำให้เนื้อตัวของเขาสกปรกได้เลย แต่งานชิ้นนี้มันค่อนข้างต่างออกไป แถมตัวราชาเองก็ไม่เห็นเขาตั้งแต่เมื่อเช้านี้แล้ว มันจึงเป็นอะไรที่ดูแปลกตาไปหน่อยสำหรับลูเซียส ไม่นานนักหลังคำเชิญของเซรดริกสิ้น มาเดียร่าและลูเซียสก็นั่งลงไปกับเก้าอี้สองตัวที่อยู่บริเวณนั้น ส่วนตัวของเซรดริกเองก็นั่งอยู่บนโต๊ะตัวหนึ่ง ก่อนจะมองเด็กสองคนนั้นอีกครั้ง

“ฟังนะ... ข้าพอจะช่วยพวกเจ้าได้ แต่ภายในระยะเวลาที่จำกัด” มือขวาแห่งองค์ราชันย์กล่าว
“พวกเจ้าต้องการให้ข้าสร้างประตูมิติเพื่อที่จะออกไปข้างนอกใช่ไหม?”
“ใช่ครับ” ลูเซียสตอบ
“งั้น... รอสักแปปนะ”

  เมื่อวาจานั้นถูกกล่าวออกไป เซรดริกจึงรุดตัวลุกขึ้นมาอย่างเร่งรีบ เดินไปยังตู้เก็บของตัวหนึ่งและเปิดมันออก เหมือนกับเขากำลังจะหาอะไรสักอย่าง หญิงสาวที่กำลังรออยู่ในห้องก็มองไปรอบข้างดูสิ่งของต่างๆ เป็นการฆ่าเวลาไป ส่วนทางด้านลูเซียสเองก็เริ่มแสดงท่าทีที่ดูแตกต่างไปจากเดิม เขามองเซรดริกอย่างไม่คลาดสายตาแม้ชายผู้นั้นจะกำลังหันหลังให้กับเขาอยู่ เหมือนกับกำลังรู้สึกถึงอะไรที่ผิดปกติ อะไรที่มันแปลกไปจากเดิม ไม่สามารถบอกได้ ผ่านไปได้สักพักชายผู้เป็นข้ารับใช้ก็เดินกลับมาพร้อมกับวัตถุอะไรสักอย่างในมือของเขาทั้งสองข้าง คล้ายกับกำไลอะไรสักอย่างที่ไว้ใส่ข้อมือ ก่อนจะยื่นสิ่งนั้นให้กับวัยรุ่นทั้งสองที่ประสงค์จะออกไปเที่ยวเล่นภายนอก

“มันคืออะไรหรือขอรับ?” เด็กหนุ่มใส่แว่นถามขึ้นด้วยความสงสัย
“เอ่อ... เรียกมันว่ากำไลเรียกกลับก็แล้วกัน” เขาตอบ
“กำไลเรียกกลับ?”
“เอาเป็นว่ามันเป็นเครื่องมือที่จะช่วยเรียกตัวพวกเจ้ากลับในเวลาที่กำหนดไว้แล้วกัน”
“ข้าสามารถส่งพวกเจ้าออกไปได้ แต่ในช่วงที่พวกเจ้าจะกลับ เจ้าต้องรอจนกว่าเวลาจะหมด”
“ฟังดูอาจจะเข้าใจยากหน่อย งั้นข้าจะจัดการให้เลยแล้วกัน”
“ก่อนอื่น... พวกเจ้าควรจะสวมกำไลนั่นเสียก่อน”

  หลังจากที่เขาพูดจบ คู่วัยรุ่นที่อยู่ในห้องก็สวมใส่กำไลในทันที พอลองมองดูดีๆ แล้วมันก็สวยพอควรเหมือนกัน มันเป็นกำไลที่ตกแต่งด้วยอัญมณีขนาดเล็ก ตัวโครงคล้ายกับถูกหลอมด้วยทองแท้ หากมองมันเป็นแค่เครื่องประดับล่ะก็เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องประดับที่สวยงามในระดับหนึ่งเลยทีเดียว หญิงสาวมองมันหลังเธอสวมใส่ คล้ายว่าจะพึงพอใจกับมันพอควร ไม่นานนักเซรดริกก็เอามือจับกำไลทั้งสองข้างที่เด็กทั้งสองคนสวมใส่ก่อนที่จะเปล่งปราณแห่งตนออกมา มันเป็นปราณสีม่วงแสดงถึงพลังแห่งวอยด์ ตามด้วยแสงประหลาดสีเดียวกัน เด็กทั้งสองรู้สึกถึงปราณที่เอ่อล้นในกำไลของพวกเขา พอผ่านไปได้สักระยะหนึ่งผู้ใช้พลังวอยด์ก็ลดมือของตนออก แสงที่กำไลข้อมือเหล่านั้นก็ค่อยๆ หายไป

  หลังจากนั้นข้ารับใช้ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ ยื่นมือของตนออกไปข้างหน้าและเปล่งปราณตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ในครั้งนี้มันต่างออกไป ดูเหมือนว่าในตอนนี้เซรดริกกำลังสร้างประตูมิติอยู่ มิทันไรก็เกิดการหักเหของมิติ คล้ายกับว่า ณ จุดๆ นั้นกำลังจะถูกฉีกออกโดยพลังอะไรสักอย่างที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ไม่นานนักก็ผุดขึ้นมาซึ่งประตูทรงกลมคล้ายกับรูหนอน จากจางๆ แล้วค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาทีละเล็กทีละน้อยในเวลาต่อมา แน่นอนว่าสิ่งที่ปรากฏเบื้องหน้าสร้างความอัศจรรย์ให้แก่เด็กวัยรุ่นทั้งสอง คงจะเป็นเพราะพวกเขาไม่เคยเห็นการใช้พลังวอยด์แบบเป็นๆ มาก่อน แต่มันก็ไม่ถือว่าแปลกนัก ผู้ที่มีพลังปราณพิเศษเหล่านี้ค่อนข้างหาได้ยากในโลกปัจจุบัน การจะเห็นอะไรแบบนี้บ่อยๆ คงจะเป็นไปไม่ค่อยได้ แม้ตัวของเซรดริกเองจะอยู่ในปราสาทแห่งนี้มาเป็นเวลานาน แต่เขาก็หาได้แสดงพลังออกมาบ่อยครั้งเท่าไหร่ จะมีเพียงก็ช่วงเวลาคับขันเสียเท่านั้นล่ะที่เขาจะใช้มัน

ผ่านไปได้สักพัก ทางด้านของผู้ใช้พลังแห่งวอยด์ก็ลดมือลง สีหน้าของเขาดูค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่ตนใช้พลังไป

“ข้าสร้างประตูมิติไว้ที่ลับตาคน ภายหลังโรงเหล้าแห่งหนึ่ง” เขากล่าวก่อนที่จะทรุดตัวลงไปนั่งกับเก้าอี้
“จำไว้ว่าพวกเจ้ามีเวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้นในการเที่ยวเล่นข้างนอกนั่น”
“ทำไมกันหรือขอรับ?” ลูเซียสกล่าวถาม
“ข้ากำหนดเวลาที่กำไลสองชิ้นนั้น ด้วยพลังของข้ามันกำหนดไว้ได้เพียงสุดที่สามชั่วโมง”
“ก่อนที่มันจะดึงตัวพวกเจ้ากลับผ่านประตูมิติมายังสถานที่แห่งนี้”
“ด้วยความที่กำไลทั้งสองตัวนี้เชื่อมต่อด้วยกัน พวกเธอทั้งสองคนจะถูกส่งกลับมาในเวลาเดียวกัน ไร้ข้อยกเว้นใดๆ”

“ข้าว่า... พวกเจ้าคงพอเข้าใจสินะ”

“ก็... ผมคิดว่าผมเข้าใจนะ” ลูเซียสตอบโดยที่ไม่ค่อยมั่นใจนัก ก่อนที่จะมองดูกำไลนั้นอีกครั้ง
“งั้นพวกเจ้าก็... เดินผ่านประตูมิติได้เมื่อพวกเจ้าต้องการ” ทันใดนั้นเซรดริกก็แทรกขึ้นทันที
“ยังไงก็ขอบคุณที่ช่วยนะขอรับ” ชายผมดำกล่าวขอบคุณ

  สิ้นวาจานั้นคู่ชายหญิงก็แสดงคำขอบคุณพร้อมทั้งท่าทาง เซรดริกที่เห็นแบบนั้นก็หาได้แสดงอาการใดๆ ออกมา เมื่อนั้นทั้งสองจึงย่างกรายผ่านประตูนั้นไป โดยที่หชายสวมแว่นที่เดินผ่านทะลุประตูนั้นไปก่อน ตามด้วยตัวหญิงสาวมาเดียร่าที่จับมือลูเซียสไว้แน่นก่อนจะถูกจูงเข้าไปยังมิติแห่งนั้น ทันทีที่ทั้งสองหายวับไปจากห้องๆ นั้น รูหนอนก็หายไปจากเบื้องหน้าของข้ารับใช้ก่อนที่ชายผู้นั้นจะลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ตัวที่ตนนั่งอยู่ เขาย่างไปยังประตูห้องและค่อยๆ เปิดแง้มมันออกเล็กน้อยแล้วผุดตัวของตนเองออกไปยังนอกห้อง ราวกับหวาดระแวงอะไรสักอย่าง เขากวาดสายตาดูว่ามีใครอยู่ในระแวกนั้นหรือเปล่าแต่กลับไม่พบใครเลยสัคน ทันใดนั้นเขาก็ปิดประตูห้องของตนเบาๆ มันดูเป็นท่าทางแปลกๆ ที่บอกไม่ถูกสำหรับชายผู้นี้ จากนั้นเขาก็ปิดไฟห้องลงทันที แล้วเปล่งปราณที่มือทั้งสองข้างก่อนจะลงมือทำอะไรสักอย่างต่อจากเมื่อครู่

  ชายหญิงทั้งสองที่เพิ่งย่างกรายไปยังประตูมิติก็ปรากฏตัวออกมาภายหลังโรงเหล้าแห่งนั้นเฉกเช่นที่ข้ารับใช้เพิ่งบอกไปเมื่อสักครู่นี้ ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลโดยไม่มีอะไรติดขัด พวกเขาจูงมือเดินไปตามทางซึ่งสถานที่ๆ ประตูมิตินั้นตั้งอยู่เป็นตรอกแคบๆ ที่ไม่มีแม้แต่ผู้ใดเดินผ่านหรือสัญจรใดๆ เลย ดูเหมือนว่าในตอนนี้มันจะเป็นเวลาช่วงสายๆ น่าจะก่อนเที่ยงวัน พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงของประชาชนที่สัญจรไปตามทางเป็นเสียงดัง บ้างก็ตะโกนขึ้นมาด้วย คงจะเป็นเพราะแถวๆ นั้นก็เป็นย่านตลาดด้วยจึงทำให้ผู้ทำปฏิบัติตัวแบบนั้นกัน ด้วยความตื่นเต้นของสาวนอกเมืองที่ไม่เคยได้สัมผัสเมืองกรุงแบบนี้ เธอจึงไม่รอช้าที่จะวิ่งออกไปสัมผัสถึงบรรยากาศที่ไม่เคยได้พบเจอ ลูเซียสที่เห็นเธอดูดีใจเอามากๆ ก็ยิ้มเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ เดินตามหลังเธอไป ตัวเขาคงต้องนำทางเธอในการท่องเที่ยวในเมืองนี้เสียหน่อย เพราะหากหล่อนเกิดระรื่น สนุกจนลืมตัวก็อาจจะหลงทางก็ได้

  ทั้งที่ลูเซียสเป็นคนเชื้อเชิญเธอมาเที่ยวเล่นภายนอกด้วยตัวเอง แต่ในใจเขากลับรู้สึกอะไรแปลกๆ อย่างบอกไม่ถูก ไอ้ความรู้สึกอะไรสักอย่างที่ตนสัมผัสได้ในยามที่คุยกับเซรดริกเมื่อครู่ มันดูไม่เหมือนกับว่าเขากำลังคุยกับชายผู้ที่เป็นข้ารับใช้ส่วนตัวแห่งสตอร์มโฮล์มเลยสักนิด คำพูดที่ดูห้วนๆ แปลกๆ ทุกครั้งที่เขาเปล่งวาจาบวกกับคำพูดที่ดูสั่นๆ ราวกับเกรงกลัวหรือกลัวคนจับผิดอะไรอีก มันผิดวิสัยภาพที่เขาเคยมองเซรดริกไปหมด ปกติแล้วชายผู้นั้นควรจะเป็นคนที่สุภาพอ่อนหวาน พูดไพเราะและใช้น้ำเสียงนุ่มนวลน่าฟัง แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป เหมือนกับกำลังคุยอยู่กับใครคนอื่นเลยด้วยซ้ำ ไหนจะท่าทางลับๆ ล่อๆ แถมยังไม่พบตัวราชาเองอีก แต่ถึงจะคิดไปมันก็ใช่ว่าจะทำให้อะไรดีขึ้นมา เขาต้องไม่แสดงท่าทางแปลกๆ ให้กับมาเดียร่าเห็นเด็ดขาด มันจะทำให้เธอเป็นกังวลไปเปล่าๆ ในตอนนี้จุดประสงค์คือการทำให้หล่อนมีความสุข เขาก็ควรจะทำในสิ่งที่เขาต้องทำ

  ชายหนุ่มผมสีดำเดินไปตามทางในขณะที่มาเดียร่ากำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ตนได้พบเจอ หล่อนเดินไปยังร้านขายขนม แลดูเธอจะตื่นเต้นกับมันมาก คงอาจจะเป็นเพราะหล่อนเป็นหญิงสาวที่ชอบรับประทานของหวานเป็นแน่แท้ ไม่นานนักเธอก็รุดตัวไปยังร้านค้าอย่างอื่นอีก คงจะเพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้สักครั้งกระมัง เธออยู่ค่อนข้างไกลจากดินแดนนี้ การเดินทางด้วยตัวเองหรือครอบครัวของเธอมายังสตอร์มโฮล์มคงใช้เวลานานมาก อาจจะเกือบเดือนก็เป็นได้ แต่ด้วยเธอมายังที่แห่งนี้ด้วยพลังของโบล์ท ผู้มีความเร็วเหนือทุกสิ่งที่สามารถเคลื่อนไหวได้ หล่อนจึงมายังที่นี่ในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจ ไม่ทันไรเธอก็หันไปหาชายหนุ่มสวมแว่นที่มากับเธอ

“นี่ๆ ลูกกวาดชิ้นนั้นมันมีรสชาติยังไงหรอ?” จู่ๆ เธอก็ถามขึ้นมา
“เอ่อ.. ถ้าข้าจำไม่ผิด ไอ้ลูกกวาดระเบิดภพเนี่ยหรอ?”
“มันก็อร่อยดีล่ะนะ แต่รสชาติมันดูแสบร้อนยังไงก็ไม่รู้แฮะ” ลูเซียสตอบ
“เอ๋?” เธอสบถขึ้น “ทำไมชื่อของมันดูแปลกจังเลยคะ?”
“ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน” เขาตอบกลับพลางยักไหล่ขึ้น
“แต่ข้าพอรู้จักลูกกวาดที่อร่อยกว่านี้เยอะ เดี๋ยวรอข้าสักแปปนะ”

  ทันทีที่ชายผู้นั้นพูดจบ เขาก็เดินเข้าไปในร้านขายของหวานที่อยู่เบื้องหน้าเขาทันทีโดยที่หญิงสาวผู้นั้นรออยู่ที่หน้าร้าน ด้วยความที่เธอรู้สึกปวดขาเพราะยืนรอเป็นเวลาสักพักแล้ว หล่อนจึงค่อยๆ เดินไปนั่งที่ม้านั่งที่อยู่หน้าร้าน ผ่านไปได้สักพักชายผู้นั้นก็เดินออกมาจากร้านพร้อมกับมือทั้งสองข้างที่ถือลูกกวาดสองอันขนาดใหญ่พอควรออกมา ทันทีที่เธอเห็นแบบนั้น มาเดียร่าก็ลุกขึ้นจากม้านั่งตัวนั้น หันไปมองชายผู้นั้นก่อนที่เขาจะยื่นลูกกวาดที่เข้าถือด้วยมือซ้ายให้แก่เธอ

“นี่.. ของเจ้าน่ะ” เขากล่าว
“เอ๋... แต่.. ข้าไม่มีเงินที่จะคืนให้แก่เจ้าหรอกนะ”
“รับไปเถอะ ยังไงข้าก็เชิญเจ้ามาเองนี่”

  แลดูเหมือนหญิงสาวจะไม่ค่อยกล้ารับของหวานชิ้นนั้นเสียเท่าไหร่ คล้ายกับว่าเธอกำลังเกรงใจอยู่ แต่ในที่สุดเธอก็ยอมรับมันมาแต่โดยดี เมื่อมือนุ่มๆ ของเธอสัมผัสเข้าที่มือข้างนั้นของลูเซียส ชายผู้นั้นก็แสดงใบหน้าที่แดงก่ำออกมาราวกับเขินอายซึ่งตัวเธอก็เช่นกัน คงจะเพราะรับของๆ คนอื่นมาโดยที่ไม่มีอะไรตอบแทนกลับไป ว่าแล้วทั้งสองก็นั่งลงที่ม้านั่งตัวเดิมที่อยู่หน้าร้านก่อนที่จะลิ้มรสลูกกวาดนั้น ทันทีที่เธอใช้ลิ้นสัมผัสถึงรสชาติมัน หล่อนสัมผัสได้ถึงความหอมหวานของลูกกวาดชิ้นนั้น กลิ่นน้ำตาลและเหมือนกับผลไม้อะไรสักอย่างทำให้รสของมันออกมากลมกล่อม สีหน้าของเธอดูตกตลึงกับรสชาตินั้นพอควร ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเองเคยทานของหวานที่อร่อยขนาดนี้ เธอไม่รอช้าที่จะทานมันต่อ ลูเซียสที่เห็นแบบนั้นก็อดไม่ไดที่จะยิ้มออกมา เมื่อนั้นเขาก็รับประทานมันเป็นเพื่อนของเธอ

“ฉึกกกกกกก!” เสียงของวัตถุแหลมคมแทงเข้าไปใจกลางอกของลูเซียส

  เขามองดูลงไปที่อกของตัวเองก็พบกับดาบขนาดใหญ่สีทมิฬปักอยู่ที่กลางตัวของเขาโดยไม่มีใครถือดาบเล่มนั้นอยู่เลย มันถูกโยนออกมาจากที่ไหนสักแห่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ทัน หญิงสาวไร้เดียงสาที่เห็นแบบนั้นก็แสดงอาการตกใจออกมาอย่างสุดๆ จนลูกกวาดที่อยู่ในมือของเธอหล่นลงไปกระแทกสู่ผืนดิน แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ลูเซียสพยายามที่จะดึงดาบเล่มนั้นออกจากตัว โดยใช้มือทั้งสองข้างดึงด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ดูแล้วมันจะไม่ได้ผลเลยสักนิด คงจะเป็นเพราะดาบที่ใหญ่เกินกว่ากำลังของชายหนุ่มผู้นี้ มิทันไรที่เบื้องหน้าของชายผู้นั้นก็เกิดการบิดเบือนทางมิติ คล้ายคลึงกับพลังของเซรดริกเมื่อเขาเปิดประตูมิติออก แต่สิ่งที่ผุดขึ้นเบื้องหน้าของเขาเป็นอะไรที่ต่างออกไป มันผุดขึ้นมาเป็นบุคคลผู้หนึ่ง สวมชุดเกราะใหญ่สีดำ ลักษณะแบบนั้นและอาวุธชิ้นนั้น มันคืออาวุธชีวภาพที่เบลล์คิดจะใช้ในการทำอะไรสักอย่าง มันปรากฏแล้ว... และอยู่ที่เบื้องหน้าของชายผู้นี้ เมื่อนั้นมันก็จับดาบของตนด้วยมือข้างเดียว ก่อนจะกำหมัดอีกข้างไว้แน่น และพุ่งมันออกไปเข้าใส่หน้าของลูเซียสจนปลิว

“โครมมมมมมมม!”

  ร่างของชายผมดำปลิวไปกระแทกใส่ร้านขนมนั้นจนทะลุออกไปอีกฝั่ง เหล่าชาวเมืองที่อยู่ใกล้จุดเกิดเหตุนั้นก็พากันแตกตื่นกันไม่ต่างไปจากหญิงสาวผมน้ำตาลที่อยู่ข้างกายของลูเซียส ทันใดนั้นเองชายปริศนาผู้นั้นก็หันไปหาเธอทันที หล่อนแสดงสีหน้าหวาดกลัวจนเห็นได้ชัด สายตาที่เบิกโต หายใจออกมาถี่ผิดปกติ แถมร่างกายทั่วทั้งร่างก็สั่นไปหมดแต่กลับไม่สามารถขยับตัวได้เลย ราวกับเธอตกอยู่ภายใต้มนต์สะกดอะไรสักอย่าง ทั้งที่เธอจริงแล้วมันคือความกลัวที่ครอบงำจิตใจจนทำอะไรไม่ถูก ทันใดนั้นอาวุธชีวภาพก็ใช้มือคว้าตัวเธอในทันที แต่ในจังหวะเดียวกันนั้นเองก็มีทหารเฝ้าบริเวณเข้ามาจู่โจมใส่มันเสียก่อน แทงเข้าไปกลางหลังหวังจะสังหารในการโจมตีเดียว แต่กลับกัน.. ดาบที่เขาใช้นั้นกลับหักเป็นสองท่อนทันใดที่แทงสู่เกราะหนาของผู้ใช้ดาบใหญ่ มันหันไปมองทหารผู้นั้นด้วยสายตาที่แหลมคม ดูไร้ความปราณี ว่าแล้วมันก็ฟาดฟันดาบแห่งตน สะบั้นคอของทหารกล้าผู้นั้นจนขาดเป็นเสี่ยงๆ

  ร่างไร้วิญญาณที่ถูกโจมตีจนถึงตายนั้นทรุดลงไปสู่ผืน โลหิตไหลนองออกมาจากแผลเหวอะขนาดใหญ่ อาวุธชีวภาพตนนั้นแลดูจะไม่สนใจในสิ่งที่ตนเพิ่งกระทำไปเลยสักนิด มันกลับไปสนใจหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเสียมากกว่า เธอพยายามจะถอยออกไปจากอันตรายที่อยู่ใกล้ แต่หล่อนกลับสะดุดร่างทหารที่เพิ่งตายไปเมื่อครู่ ล้มลงเหนือโลหิตเหล่านั้น ทันทีที่เธอสัมผัสกับเลือดนั้น หล่อนก็หายใจถี่ออกเสียยิ่งกว่าเดิมด้วยความกลัว เธอถูกมันจับตัวด้วยมือเพียงข้างเดียว แม้หล่อนจะพยายามตบตีหรือดิ้นเพื่อที่จะให้หลุด แต่มันกลับไม่ได้ผลเสียสักนิด กลับกันมันกลับทำให้มือ แขนที่เธอใช้ตีเหล็กไหลที่้เป็นเกราะนั้นเจ็บเสียเอง มือของเธอแดงช้ำและมิอาจจะทำอะไรกลับคืนไปได้

  เมื่อนั้นชายสวมเกราะผู้ใช้ดาบใหญ่นั้นก็ใช้มืออีกข้างของตนที่ถือดาบอยู่ ฟาดฟันมันกลางอากาศอย่างไร้เป้าหมาย โชคดีที่ไม่มีใครถูกการโจมตีนั้น แต่มันหาได้มีประสงค์เพื่อที่จะทำร้ายใครเลยแม้แต่น้อย มันเป็นดั่งการสร้างรอยแผลแกมิติที่อยู่เบื้องหน้า เป็นรอยฟันดาบที่ทำให้มิติถูกเปิดออก ดูเหมือนว่าอาวุธชีวภาพตนนี้จะเดินทางไปที่ไหนสักแห่งพร้อมกับหญิงสาวมาเดียร่าซึ่งน่าจะเป็นเป้าหมายที่เขาต้องการ หากมันอยู่ภายใต้การควบคุมของเบลล์จริง นั่นก็หมายถึงว่ามันกำลังจะเดินทางไปหาผู้เชิดมันอยู่ แล้วถ้าเบลล์ได้ในสิ่งที่ต้องการนั่นคือพลังของเธอล่ะก็.. นั่นย่อมหมายถึงว่ามารเพลิงจะตื่นขึ้นมาดูโลกอีกครั้ง มันไม่ใช่เรื่องที่ดีแน่ถ้าหากว่าอาวุธตนนี้ทำงานของมันจนลุล่วง

  ทันทีที่มันกำลังจะย่างกรายเข้าไปประตูที่มันสร้างขึ้นด้วยน้ำมือตัวเอง มันก็ถูกใครสักคนหนึ่งโจมตีเข้าที่ด้านข้างด้วยพลังปราณสีดำทมิฬ มันถูกบอลขนาดใหญ่ซึ่งดูเหมือนว่าพลังนั้นจะเป็นปราณของหนุ่มบรรณารักษ์ เมื่อผู้ใช้ดาบใหญ่ถูกโจมตีโดยลูเซียสเข้าอย่างจัง มันจึงปลิวไถลไปตามผืนดิน แรงกระแทกของบอลเมื่อครู่นั้นทำให้อาวุธตนนั้นทำมาเดียร่าหลุดออกจากมือตน เธอลอยไปตามอากาศและร่วงลงไปมาอยู่ในอ้อมแขนของชายผมดำ ชายผู้ที่อยู่ข้างกายเธอ อยู่ภายใต้การปกป้องของลูเซียส เธอเงยหน้าขึ้นไปมองชายผู้นั้นซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเอง เขาก็ก้มหน้าลงมามองเธอ ส่งยิ้มให้กัน ก่อนที่จะปล่อยตัวเธอลงสู่พื้นให้เธอยืนได้ ทันใดนั้นลูเซียสก็รุดตัวขึ้นไปเบื้องหน้าของเธอ ทำท่าเหมือนกับเป็นโล่กำบังให้หญิงสาว ราวกับว่าเขากำลังจะยอมถวายชีวิตเพื่อปกป้องหญิงผู้นี้ หัตถ์ทั้งสองข้างของลูเซียสเกิดปราณสีดำเอ่อล้นออกมาเป็นโคลนตม ก่อนมันจะรวมตัวกันเป็นดาบสองเล่ม เขากำดาบนั้นไว้แน่น หันหลังไปหาหญิงสาวเพื่อดูอาการของเธอ

“เจ้าไม่เป็นอะไรนะ?” เขาถามขึ้น
“คะ.. ค่ะ” เธอตอบกลับ
“โอเค..” ลูเซียสกล่าวขึ้นมาต่อ “อยู่หลังข้าไว้นะ”

  สิ้นวาจานั้นก็หาได้เป็นอะไรที่น่ายินดี ที่เบื้องหน้าของทั้งสองคนนั้นมีศัตรูของพวกเขาอยู่ อาวุธชีวภาพตนนั้นค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากพื้นพร้อมกับถือดาบที่หลุดออกจากมือ มันหยิบดาบตนด้วยมือเพียงแค่ข้างเดียวราวกับถือกิ่งไม้เล็กๆ ลูเซียสตั้งท่ารับไว้ นั่นเพราะเขาไม่อาจที่จะเป็นฝ่ายออกโจมตีได้ หากทำเช่นนั้นจะกลายเป็นหญิงสาวที่เสี่ยงต่อการเป็นเป้าหมายได้โดยง่าย ซ้ำยังจะปกป้องเธอได้ยากเสียยิ่งกว่าเก่า เมื่ออาวุธชีวภาพผู้สวมเกราะขนาดใหญ่นั้นตั้งตัวยืนด้วยสองขาได้แล้ว มันหาได้ออกโจมตี กลับกันกลายเป็นยืนนิ่งอยู่เฉยๆ ราวกับกำลังรออะไรสักอย่างซึ่งนั่นก็สร้างความสงสัยให้กับชายหนุ่มผู้ใช้ดูบาร์น มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดพอควรเหมือนกันที่อาวุธตนนั้นไม่คิดจะออกตัวโจมตีสักที แต่เขาก็ต้องห้ามให้อารมณ์เข้าครอบงำตัวเองเป็นอันขาด หากทำเช่นนั้นล่ะก็ย่อมไม่เป็นผลดีเป็นแน่แท้

  เพียงชั่วพริบตาเดียว ร่างขนาดใหญ่นั้นจะหายไปราวกับถูกสายลมซัดจนปลิวออกไป มันจะเป็นไปได้ยังไงกัน ไม่มีการเปิดประตูมิติใดๆ เลยแม้แต่น้อยแต่กลับเป็นแบบนั้นไปได้ ราวกับหายไปในกลีบเมฆเลย ถึงกระนั้นลูเซียสก็รู้ตัวว่ามันไม่ได้หายไปเฉยๆ อย่างแน่นอน เขายังคงตั้งท่าตัวเองเตรียมรับการโจมตีอยู่ มาเดียร่าเองก็หันไปมองรอบข้างเพียงสังเกตการณ์ให้กับลูเซียสในจุดอับมุมของเขา เธอมองเห็นอะไรแปลกๆ ที่ด้านซ้ายของตัวเอง ดูไม่ไกลเสียเท่าไหร่ มันเหมือนกับว่าจะมีประตูมิติเปิดออกใกล้ตัวเธอ

“ลูเซียส! ด้านซ้าย!” เธอตะโกนขึ้น

  ทันทีที่เธอตะโกนขึ้นประตูมิติก็ผุดขึ้นมาอย่างที่เป็นไปตามการคาดเดา พร้อมกับร่างของอาวุธชีวภาพที่ง้างดาบใหญ่ของตนเตรียมสังหารหนุ่มบรรณารักษ์ ด้วยความที่เขาได้รับคำเตือนจากหญิงสาวเสียก่อน จึงทำให้เขาไหวตัวทันและใช้ความเร็วที่เหนือกว่าในระดับหนึ่งออกแรงโจมตีใส่มันเสียก่อน ลูเซียสสะบัดมือใช้ดาบโคลนแห่งดูบาร์นทั้งสองข้างฟันใส่ร่างของผู้ใช้วอยด์ตนนั้น แต่ในระหว่างที่ดาบของตนกำลังจะสัมผัสกับชุดเกราะสีดำนั้น จู่ๆ อาวุธปราณโคลนทั้งสองเล่มของตนก็มิอาจจะขยับไปตามความต้องการได้ มันติดอยู่กลางอากาศราวกับมีอะไรขัดขวางหรือจับมันไว้โดยที่ไม่สามารถมองเห็นได้ ลูเซียสพยายามออกแรงทั้งหมดที่มีออกไปแต่ก็มิอาจทำให้ดาบทั้งสองเล่มของตนขยับได้เลย สักพักก็เกิดการหักเหของมิติก่อนจะเกิดเป็นหลุมดำขนาดเล็ก ดูดกลืนการโจมตีและดาบของชายหนุ่มจนหายลับไป มันเป็นหนึ่งในวิชาสุดยอดของวอยด์ เคล็ดลับการป้องกัน... วิชาบิดเบือนมิติ มันจะสามารถลบล้างการโจมตีนั้นได้และทำให้หายไป แท้จริงแล้วการโจมตีเหล่านั้นหาได้หายไปไหน แต่มันจะไปอยู่ในมิติแห่งความว่างเปล่าแทน นั่นก็เท่ากับว่าการโจมตีเมื่อครู่นี้ไร้ผลไปโดยสมบูรณ์

  แม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันจะขัดกับสิ่งที่ลูเซียสคาดหวังเอาไว้ แต่เขาก็หาได้ยอมที่จะหยุดการโจมตีของตน ทันใดนั้นชายผู้นั้นก็ระดมกระสุนปราณสีดำนับร้อยพุ่งเข้าใส่ร่างของอาวุธตนนั้น แต่มันกลับใช้กระบวนท่าเดิมจนทำให้กระสุนทุกนัดของลูเซียสหายไป ดูเหมือนกับว่าการโจมตีด้วยวัตถุขนาดเล็กหรือการใช้ปราณจะไม่ได้ผลเลย แต่มันก็แตกต่างจากที่เบลล์เคยทำ ในตอนนั้นมารตนนั้นเน้นการโจมตีทางกายภาพ แบบนั้นมันก็พอมีโอกาสที่จะได้ผลมากกว่า เนื่องเพราะกระบวนท่าบิดเบือนมิติซึ่งเป็นพลังแห่งวอยด์ที่ใช้ในการป้องกันเมื่อครู่นั้น มันจะได้ผลเพียงแค่การโจมตีที่เน้นปราณหรือการโจมตีระยะไกลโดยมาก จริงอยู่ที่ลูเซียสเองก็ออกแรงดาบของตนโจมตีไปแล้วก่อนหน้านี่ซึง่นั่นก็คือการโจมตีทางกายภาพ แต่อาวุธที่เขาใช้ไปเมื่อครู่คือปราณโดยสมบูรณ์เพราะฉะนั้นแล้วมันจึงไม่ได้ผล หากกล่าวโดยง่ายคือการต่อสู้นี้ฝ่ายลูเซียสจะเสียเปรียบไปเต็มๆ

  เมื่อชายหนุ่มคิดได้ เขาจึงผสานปราณเข้ากับร่างแทนแล้วต่อยใส่กลางอกของอาวุธตนนั้น แต่มันก็หายไปพร้อมกับประตูมิติอีกครั้งหนึ่ง ลูเซียสถอยฉากตัวเองไปหามาเดียร่า ในครั้งนี้เขาใช้มืออีกข้างกำมือของเธอไว้แน่น ทันใดนั้นเองก็มีประตูมิติผุดออกในระหว่างกลางของชายหญิงทั้งสองคน ทั้งคู่มิทันได้สังเกตจึงไม่ทันได้ตั้งรับ ว่าแล้วมันก็ฟาดฟันดาบลงตัดแขนข้างนั้นของลูเซียสจนขาด

“อ๊ากกกกกก!” ชายหนุ่มร้องขึ้นด้วยความทรมาณ

  แม้ว่ามันจะสามารถตัดแขนของลูเซียสได้ก็จริง แต่ชายผู้นี้สามารถฟื้นฟูตัวเองให้หายเป็นปกติได้ สังเกตจากแผลที่ถูกดาบแทงเมื่อครู่นี้ก็หายเป็นปลิดทิ้ง แต่แผลระดับนั้นถ้าเทียบกับแผลที่เขาได้มาใหม่นั้น มันก็ใช้เวลาพอควรแน่ที่จะรักษาจนหาย แถมยังเป็นแผลขนาดใหญ่ที่ทำให้สูญเสียสมรรถภาพในการต่อสู้ไปเป็นเท่าตัว แต่ลูเซียสก็หาได้ยอมแพ้ เขาลุกขึ้นมาพร้อมกับกุมแผลข้างนั้นไว้ หญิงสาวพยายามจะวิ่งไปดูอาการของเขา แต่เธอก็ถูกจับตัวโดยอาวุธตนนั้นเสียก่อน เธอมิอาจจะขัดขืนใดๆ ได้ด้วยพลังกายที่หล่อนมี เมื่อนั้นลูเซียสจึงรวบรวมพลังทั้งหมดไว้ที่แขนอีกข้างของตนที่มีสภาพสมบูรณ์อยู่ ปราณโคลนที่รวมตัวกันอยู่กลายเป็นดั่งดาบขนาดใหญ่ที่สามารถฟาดฟันได้แม้กระทั่งภูผา ทันใดนั้นชายหนุ่มบรรณารักษ์กูรีบวิ่งเข้าไปหาปรปักษ์แห่งตน หวังจะช่วยหญิงสาวของเขา ที่เบื้องหลังของอาวุธตนนั้นก็ก่อเกิดประตูมิติขึ้น ดูแล้วมันกำลังจะถอยกลับไปพร้อมกับมาเดียร่าผู้นั้น

“ลูเซียสสสสส!” เธอตะโกนขึ้น พยายามยื่นมือไปหาลูเซียสเพื่อจะให้ชายผู้นั้นดึงตัวเธอกลับ

  ทันทีที่ชายผู้นั้นเห็นแบบนั้น เขาก็ลดปราณทั้งหมดที่ผสานกับแขนข้างนั้นของเขาออกไปจนสิ้น ก่อนจะกระโดดพุ่งไปยื่นมือไปหาเธอ เขาสัมผัสนิ้วของหล่อนได้ แต่ทันใดนั้นตัวเขากลับหายไปจากสายตาของมาเดียร่า แทนที่จะเป็นพวกเขาที่หายไปหาลูเซียส เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วประตูมิติก็ถูกปิดลง หญิงสาวที่ถูกลักพาตัวพยายามตะโกนออกไปเรียกความช่วยเหลือ ตะโกนเรียกนามของหนุ่มบรรณารักษ์ แต่ก็มิอาจจะทำให้ใครได้ยินมันได้ พวกเขาหายไป... จากดินแดนแห่งสตอร์มโฮล์ม

  ส่วนทางด้านของลูเซียสนั้น เขากลับมาโผล่ที่หน้าห้องๆ หนึ่งภายในปราสาทแห่งสตอร์มโฮล์ม เขาร่วงลงไปกระแทกลงกับพื้น ด้วยความงุนงงของตัวเขาเองที่กลับมายังสถานที่แห่งนี้ได้ยังไงก็หันไปมองกำไลตัวนั้นของเขา ในใจของเขาคิดถึงสิ่งที่เซรดริกกล่าวกับเขาไว้ เกี่ยวกับเวลาสามชั่วโมงก่อนที่จะเดินทางกลับมายังที่แห่งนี้โดยอัตโนมัติ แต่ว่า... นี่มันยังไม่ถึงสามชั่วโมงเสียด้วยซ้ำ อันที่จริงแม้แต่ชั่วโมงเดียวมันก็ยังไม่ถึงเลย แล้ว ไหนจะเรื่องที่ว่ากำไลเชื่อมโยงถึงกันอีกล่ะ หากว่าเขากลับมายังที่แห่งนี้ แล้วเหตุไฉนหญิงสาวมาเดียร่าจึงไม่กลับมาด้วย ในหัวเขามีแต่คำถามเต็มไปหมด ทั้งยังความโมโห และความรู้สึกผิดที่ตัวเองคิดอะไรบ้าๆ ออกไป

“บ้าที่สุด!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XVIII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: