มันเป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน ท้องฟ้านั้นมีเป็นสีส้ม ผมนั่งอยู่บนเบาะสีเขียว หน้าผมมีโต๊ะที่มีกระเป๋าประมาณสามใบวางอยู่ ผมนั่งอยู่ในร้านอาหารฟาร์ทฟู๊ด ผมนั่งฟังเสียงดนตรีเบาๆที่เล่นผ่านลำโพงของร้าน แต่ถึงมันจะเบาผมก็ยังฟังออกว่ามันเป็นเพลงป๊อปที่กำลังได้รับความนิยมในรุ่นผม ผมไม่รู้หรอกว่าใครเป็นคนร้อง แต่ผมก็เคยได้ยินเพลงพวกนี้ผ่านหูมาบ้าง ผมมองไปรอบๆร้าน ผมเห็นนักเรียนจากโทคุกัคคุเอ็นคนอื่นๆนั่งอยู่ในร้านแห่งนี้ เหตุก็เพราะว่าร้านนี้เป็นร้านอาหารที่อยู่ใกล้กับโรงเรียนที่สุด ต้องบอกว่าคนที่เลือกทำเลตรงนี้ฉลาดไม่น้อย
“ไง พวกเรากลับมาแล้ว” เสียงของทานากะดังขึ้น
ผมหันไปมองตามเสียงก่อนจะเห็นทานากะ เหมย ที่ถือถาดอาหารอยู่ บนถาดนั้นมีแฮมเบอร์เกอร์ เฟร้นฟราย และแก้วน้ำอัดลม พวกเราเอากระเป๋าลงจากโต๊ะ และวางไว้บนเก้าอี้ ทานากะกับเหมยเอาถาดวางไว้บนโต๊ะ ก่อนที่ทานากะจะนั่งข้างๆผม ส่วนเหมยนั่งตรงข้ามผม ทานากะหยิบเบอร์เกอร์ให้ผมก่อนจะพูดกับผม
“อ่ะ นี่ของนาย”
“ขอบใจ” ผมตอบกลับก่อนจะรับแฮมเบอร์เกอร์ที่ชายผมสีส้มส่งให้
“จะว่าไปซึกิโกะล่ะ?” ผมเอ่ยปากถามในขณะแกะกระดาษที่ห่ออาหารของผม
จะว่าไปผมยังไม่ได้เล่าถึงเพื่อนใหม่ผม เธอชื่อทากาโอกะ ซึกิโกะ เธอเป็นผู้หญิงที่ค่อนข้างสูง ผมของเธอนั้นเป็นสีน้ำตาลและยาวไปถึงกลางแผ่นหลังของเธอ หุ่นของเธอนั้นจะเรียกว่าคล้ายนางแบบเลยก็ว่าได้ ทั้งผอมเพรียวและสูง ผู้หญิงหลายๆคงภาวนาให้มีหุ่นอย่างเธอ แน่นอนว่าเธอเรียนอยู่ที่โทคุ กัคคุเอ็นเหมือนกับผม แล้วผมกับเธอรู้จักได้ยังไง ในขณะที่ผมกำลังนั่งเล่นเกมมือถืออยู่ เธอก็เห็นผมเล่นเกมอยู่ด้วย เธอชวนผมคุย เธอนั้นเป็นเกมเมอร์ตัวยง แม้ผมจะเล่นเกมบ้าง แต่เมื่อเทียบกับซึกิโกะแล้ว เกมที่ผมเล่นนั้นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเดียวเท่านั้น
“โทษที ชั้นไปซื้อไอศรีมมาเพิ่มน่ะ” เสียงอันสดใสของหญิงคนนึงดังขึ้นมา
หญิงผมยาวปรากฏตัวขึ้นมา เธอถือถาดเหมือนกับคนก่อนหน้านี้ ต่างกันที่มีไอศรีมถ้วยอยู่ด้วย เธอนั่งข้างๆเหมยก่อนที่เธอจะพูดกับสมาชิกทุกคนในโต๊ะ
“ขอบคุณทุกคนมากๆด้วยนะที่มาช่วยชั้นกินในวันนี้” ซึกิโกะพูดด้วยรอยยิ้ม
“ดังนั้นแล้วก็ช่วยส่งโค้ดมาให้ชั้นด้วยนะจ๊ะ” เธอยิ้มพลางแบมือ
พวกเราต่างส่งโค้ดที่เธอต้องการ ที่เรามานั่งกันในร้านนี้เพราะซึกิโกะต้องการโค้ดที่มาพร้อมกับเบอร์เกอร์ เท่าที่รู้คือมันเป็นโค้ดที่ให้ตัวละครแรร์อะไรซักอย่าง เธออธิบายให้ผมแล้ว แต่เผอิญมันเป็นเกมที่ผมไม่เคยเล่น จึงไม่ค่อยเข้าใจที่หญิงผมสีน้ำตาลคนนี้พูดเท่าไหร่นัก เมื่อเธอรับรหัสจากพวกเราแล้วเธอก็ยิ้มด้วยมีความสุขก่อนจะกินแฮมเบอร์เกอร์ของเธอพลางฮัมเพลงไปด้วย
“จะว่าไป ชั้นได้ยินเรื่องของฮานะ ทำให้พวกนักเลงฉี่แตกด้วยแหละ” ทานากะเปิดประเด็นขึ้นมา
“ไม่แปลกใจเท่าไหร่ บางทีชั้นเดินผ่านเขายังกลัวเลย” ผมตอบกลับ
ถ้าจำกันได้ ฮานะ คือนั้นคือชายหน้าเหี้ยมในห้อง 1-B หรือว่าง่ายๆก็เพื่อนร่วมชั้นของผม เขาไม่ค่อยสุงสิงกับใครเท่าไหร่นัก ดังนั้นผมก็ไม่รู้ว่าเขานิสัยเป็นยังไง หากทว่าผมได้ยินข่าวที่เขาทำให้เหล่านักเลงฉี่ราดหรือขวัญผวาอยู่บ่อยๆ ถ้าเดาแล้วทักษะการต่อสู้ของชายร่างยักษ์คนนี้คงมหาศาลแน่นอน แต่ก็น่าแปลกแม้เขาจะมีข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อยู่เรื่อยๆ แต่ผมยังไม่เคยเห็นเขาสร้างปัญหาในห้องเลย มิหนำซ้ำยังตั้งใจเรียนกว่านักเรียนหลายๆคนในห้อง อย่างน้อยๆก็มากกว่าทานากะล่ะคนนึง
“แต่ก็น่าแปลกอยู่ดี ชั้นไม่เคยเห็นฮานะสร้างปัญหาอะไรให้ใครในห้องเลยนะ” ซึกิโกะพูด
“นั่นซินะ ชั้นก็คิดว่-“
ผมพูดไม่จบ ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอะไรบางอย่าง มันทำให้ผมหายใจไม่ออก ผมมองไปยังเหมยและซึกิโกะที่มีปฏิกริยาตอบรับแบบเดียวกัน พวกเรากวาดสายตามองไปพร้อมๆกันก่อนที่พวกเราจะเห็นสิ่งเดียวกัน พวกเราทั้งสามลุกขึ้นก่อนจะตรงดิ่งออกนอกร้าน เมื่อเราออกนอกร้าน มันก็ทำให้ผมหายใจสะดวกขึ้น แรงกดดันนั้นหายไป พวกผมมองกลับเข้าไปในร้านก่อนจะเห็นหญิงผมสั้นสีดำ เดินสะพายกระเป๋าเข้ามา พวกเรามองแผ่นหลังก็รู้ว่าเธอคนนั้นคือใคร เธอคือนากาชิม่า อายูมุ หัวหน้าห้อง 1-B ที่บางครั้งพวกเราชอบเรียกว่า “บร๊ะแม่” ที่เรารู้นั้น เพราะเมื่อไหร่ที่เธออยู่ใกล้ๆเรา เราจะรู้สึกหายใจไม่ออกและอึดอัด แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนของพวกนี้จะทำอะไรคุณครูในรั้วโทคุ กัคคุเอ็นไม่ได้ ผมเองก็ไม่ทราบว่าทำไมเหมือนกัน
“นึกว่าจะตายซะแล้ว” ซิกิโกะเอ่ย
เธอเดินไปซื้ออาหาร ในขณะที่เธอซื้อนั้น ผมก็สังเกตหน้าของพนักงานขายที่ดูอ่อนแรง พนักงานคนนั้นพยายามเต็มที่เพื่อจะทำตามหน้าที่ เราสามคนที่อยู่นอกร้านพยายามเอาใจช่วยพนักงานคนนั้นให้ทำหน้าที่สำเร็จ และพนักงานคนนั้นก็ทำสำเร็จ มันเป็นวินาทีที่ยิ่งใหญ่ ราวกับ “นิล อาร์มสตรอง” เหยียบดวงจันทร์ได้ครั้งแรกสำเร็จอะไรอย่างนั้น เธอรับถาดของเธอก่อนจะเดินไปด้านข้าง เธอเดินผ่านทานากะที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม ชายผมส้มเอ่ยปากทักทายเธอ ไม่รู้เหมือนกันว่าทักทายว่าอะไร แต่ดูเหมือนทั้งคู่จะพูดคุยกันอยู่ซักพักนึงก่อนที่บร๊ะแม่จะแยกออกไป
“ชั้นสงสัยทุกทีว่าทำไม ทานากะ ถึงไม่เป็นแบบเรา” ผมพูดขึ้น
“อืมมม อ๊ะ ชั้นว่าชั้นรู้แล้ว” ซึกิโกะพูดขึ้นพลางชั้นกำปั้นของเธอทุบไปยังฝ่ามือของตัวเงอ
ผมกับเหมยหันไปมอง และรอฟังว่าคำตอบที่จะออกมาจากปากของนางคืออะไร
“ชั้นว่าทานากะชอบคุณนากาชิม่ายังไงล่ะ” หญิงผมน้ำตาลพูดด้วยรอยยิ้มที่ความมั่นใจ
“หา?” ผมกับเหมยอุทานพร้อมๆกัน
“ก็...Power of Love ยังไงล่ะ ความรักชนะทุกอย่างไง” หญิงผมน้ำตาลอธิบายเสริม
ผมกับเหมยทำหน้าไม่ค่อยเชื่อกับสิงที่หญิงผมน้ำตาลคนนี้
“ถ้าไม่เชื่อไปถามทานากะเลยก็ได้” ซึกิโกะเอ่ยปากท้าผม
“ถ้างั้นก็ได้” ผมตอบกลับ
พวกเราสามคนมองหน้ากัน ไม่มีใครขยับ
“รออะไรล่ะ ยูจิโร่ ไปซิ” ซึกิโกะสั่งให้ผมไป
“ห๊ะ?” ผมทวนด้วยสีหน้าฉงน
“นายไปถามซิ นายคงไม่หวังให้ชั้นหรือเหมยไปถามนะ ถ้าชั้นหรือเหมยถาม แล้วทานากะเข้าใจผิดว่าพวกเราชอบหมอนั่น ใครจะรับผิดชอบล่ะ?” หญิงผมสีน้ำตาลพูดต่อ
“โอเคๆ ชั้นจะถามทานากะให้พรุ่งนี้ก็ได้”
=====
ผมกับทานากะยืนอยู่ในห้องเรียนที่ว่างเปล่า ผมกำลังใช้ผ้าที่ชุบน้ำเช็ดกระดานดำ ผมมองออกไปนอกกระจกก่อนจะเห็นเหล่านักกีฬาที่กำลังวิ่งรอบสนาม ผมเหลือบกลับไปก่อนจะเห็นทานากะกำลังกวาดพื้นด้วยไม้กวาดในมือของเขา วันนี้ผมเป็นเวรทำความสะอาดห้อง เช่นเดียวกันกับทานากะ ในขณะที่ผมเคลื่อนมือของผม คำพูดของหญิงผมน้ำตาลนั้นดังกึกก้องไปในหัว ผมสูดหายใจลึกๆก่อนจะเอ่ยปากถามทานากะโดยไม่ได้หันกลับหาเขา
“ทานากะ นายมีคนที่ชอบรึเปล่า” ผมพูดขยับแขนไปมา
“แบบ ชอบในฐานะผู้หญิง?” ทานากะพูดพลางกวาดพื้น
“อ่าฮะ” ผมตอบกลับ
“มีซิ” ชายผมส้มพูดโดยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
ผมหยุดก่อนจะนึกถึงคำพูดของซึกิโกะ เสียงของเธอที่บอกว่าชายผมส้มผู้นี้ตกหลุมรักหญิงผมดำที่เป็นหัวหน้าห้องดังซ้ำไปมา
“แล้วบอกได้ไหมว่านายชอบใคร” ผมถามต่อ
ทานากะหยุดก่อนจะมองหน้าผม
“นายต้องบอกชั้นก่อนว่านายชอบใคร”
“ห๊ะ?” ผมอุทานด้วยความประหลาดใจ
“ชั้นมีกฎของชั้นน่ะ ถ้าชั้นจะบอกว่าชั้นชอบใคร อีกฝ่ายต้องบอกชั้นก่อน ดังนั้นแล้วถ้านายอยากรู้ก็บอกชั้นมา”
“เอ่อ...ไม่มี?” ผมตอบพลางถามเพื่ออยากรู้ว่าคำตอบ
“ชั้นไม่เชื่อล่ะ” ทานากะพูดพลางวางไม้กวาดพิงกับกำแพง
“ตอบชั้นมาระหว่างเหมยกับรุ่นฟูนามิ นายชอบใคร” ชายผมส้มเอ่ยปากถามผม
“เอ๊ะ เดี๋ยวๆ” ผมพยายามเบรกเขา
“ถ้าชั้นเดานายคงคิดแบบรุ่นพี่ฟูนามิแบบของสูงที่นายคว้าไม่ถึง”
“ส่วนนายหวังจะเอาเหมยเป็นแฟนใช่ไหมล่ะ? ได้ข่าวว่าไปว่ายน้ำกันด้วยนี่” ทานากะวิเคราะห์
“ไม่ใช่ซักหน่อย เหมยแค่ขอให้ชั้นช่วยไว้น้ำเท่านั้นเอง” ผมพยายามปฏิเสธสิ่งที่เขาพูด
“โหว...” ทานากะจับคางและมองผมด้วยสายตาที่ไม่เชื่อเท่าไหร่นัก
“เออ งั้นช่างมันเถอะ ถือว่าชั้นไม่ถามละกัน” ผมหันกลับไปก่อนจะเช็ดกระดานต่อ
“ตามสบาย” ทานากะพูดพลางหยิบไม้กวาดขึ้นมากวาดพื้นต่อ
=====
หลังจากที่ผมกวาดพื้นเรียบร้อยแล้วผมก็เดินตรงไปยังห้องสมุด ผมเลื่อนประตูช้าๆ เพื่อประตูเปิดไปนั้นผมก็ไม่ค่อยเห็นคนใช้บริการในห้องสมุดนี้เท่าไหร่นัก ผมเห็นบรรณารักษ์กำลังนั่งอ่านหนังสือผ่านแว่นตาอันหนาเตอะของเธอ ผมเข้าไปก่อนจะกวาดสายตาไปรอบๆ ผมเห็นเหมยและซึกิโกะนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ แม้ทั้งคู่จะอยู่ในห้องสมุด แต่บนโต๊ะนั้นกลับไม่มีหนังสือซักเล่มวางอยู่เลย ผมลากเก้าอี้ไม้เบาๆเพื่อไม่ให้เกิดเสียงก่อนจะนั่งลงข้างๆกับเหมยที่กำลังจับจ้องผมด้วยสายตาที่รอคอย แม้พวกเธอจะไม่ได้ปริปากออกมาซักคำ แต่ผมก็เดาออกว่าพวกเธออยากจะพูดอะไรผ่านสายตาคู่นั้นของพวกเธอ เธอคงอยากจะบอกว่า “เป็นไงบ้าง?”
“หมอนั่นบอกว่าเขามีคนที่ชอบอยู่” ผมเริ่มพูด
“แล้วทานากะบอกรึเปล่าว่าเป็นใคร? บอกไหม?” ซึกิโกะพูดด้วยแววตาสนใจ
“ไม่ได้บอก” ผมบิดเบือนเล็กน้อย
ถ้าว่ากันตามหลักผมก็ไม่ได้บิดเบือนอะไรมากนัก แต่ผมคงไม่อยากเล่าถึงบทสนทนาก่อนหน้านี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าผมเล่าแล้วล่ะก็เชื่อว่าผมคงโดนซึกิโกะบ่นแน่นอน
“เฮ้อ อดรู้เลยว่าทานากะชอบใคร” ซึกิโกะพูดเอาคางเกยไว้บนโต๊ะ
“เอาเถอะ ถ้าจะรู้ เดี๋ยวก็รู้เองน่า” เหมยปลอบใจ
ท้ายที่สุดวันนั้นพวกเราก็ไม่รู้ว่าคนที่ทานากะแอบชอบคือใคร เป็น “บร๊ะแม่” รึเปล่า ในตอนนี้นอกจากตัวทานากะเองแล้วก็ไม่มีความรู้เรื่องนี้ คงมีแค่เวลากระมั้งที่จะตอบเราได้