Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XXII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XXII   Cataclysm: The Endless Hellfire XXII EmptySat Nov 19, 2016 8:03 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXII

------------

  ณ ดินแดนที่เคยถูกเรียกว่าดินแดนแห่งทับทิมที่เปลี่ยนสีผืนดินไปตามพลังของมารเพลิงที่เคยสถิตอยู่ในอณูทุกส่วนของปฐพี บัดนี้มันกลายเป็นสีเทา น้ำตาลหรือสีหลากชนิดที่บ่งบอกถึงความเป็นดิน หินทั้งหลาย นั่นเพราะมารเพลิงได้คืนชีพและนำพลังของตนกลับคืนมา แต่กระนั้นไซอาลอทผู้ที่เคยถูกคุมขังเป็นเวลานานก็หาได้อยู่ในดินแดนนั้นแล้ว ดูท่าว่าเขากำลังจะเดินทางไปยังจุดหมายของเขาโดยไม่มีใครนอกจากตัวเขาเองที่รู้จุดหมาย ตอนนี้ที่ผืนดินที่เคยมีนามเป็นสีแดงฉานนั้นเป็นลานประลองของปรปักษ์ทั้งสอง ผู้ที่จะฆ่าล้างกันเพื่อเป้าหมายของตนเอง ชารอนและเบลล์... กำลังทำการต่อสู้กันโดยมีคำว่าชีวิตเป็นเดิมพันอยู่ ด้วยความแกร่งของทั้งคู่ด้านปราณ ร่างกายและความเฉลียวฉลาดนั้นมิอาจจะโค่นกันลงได้อย่างง่ายดาย จึงทำให้ทั้งสองต่อกรกันเป็นเวลาได้สักพักแล้ว ด้านชารอนเองก็พลาดท่ามิอาจจะช่วยสหายของตนได้ แถมยังปล่อยให้มารเพลิงหนีไปได้เสียอีก มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่ ในหัวของเธอไม่รู้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นต่อไป สิ่งเดียวที่เธอรู้คือก้างขวางคอที่อยู่ต่อหน้าของหล่อน ผู้ซึ่งทำให้หล่อนล้มเหลวในการสังหารอสูรอัคคีพิโรธจะต้องถูกกำจัดเสีย

  อสูรร่างสีมรกตแวววาวแสงสีจดจ้องไปหาหญิงสาวพลังโลหิตด้วยสายตาอาฆาต มิต่างจากผู้เป็นปรปักษ์ของเขานัก ดูท่าแล้วหากใครก็ตามที่พลาดท่าแม้แต่นิดเดียวย่อมหมายถึงความตายที่อ้าแขนมารอรับวิญญาณไปได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตามทีที่พวกเขาทั้งสองจะไม่อาจที่จะประมาทกันได้เลย แต่ชารอนเองก็ต้องรีบเร่งให้จบศึกแต่โดยเร็ว นั่นเพราะเธอว้าวุ่นแค่เนลเรี่ยนก็มากพออยู่แล้ว ยังต้องพะว้าพะวงกับมารเพลิงที่คาดเดาความคิดไม่ได้อีก การกระทำทุกอย่างของเธอในตอนนี้ล้วนแล้วแต่มีความหมายและใช้เวลาทั้งนั้น มันจะต้องเด็ดขาด ฉับไวเพื่อที่หล่อนจะได้ไปหยุดยั้งมารเพลิงและช่วยสหายได้ทัน เมื่อนั้นแล้วหญิงสาวผมแดงจึงขยับแส้ของหล่อนออกไปในทันที หวังจะฟาดใส่ร่างของเบลล์เพื่อสร้างบาดแผลให้กับมารตนนั้น หากแต่ว่าเขาสามารถหลบไปได้อย่างฉิวเฉียด ก่อนที่จะพุ่งกายาเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้น กำหมัดไว้แน่นก่อนที่จะปล่อยมันออก แรงหมัดนั้นแรงยิ่งกว่าปืนใหญ่ที่ใช้ยิงตามเรือรบเสียอีก เธอหลบมันไปได้เช่นกัน แต่แรงหมัดนั้นดูมีอานุภาพแรงสูงมาก แม้นหมัดนั้นจะหาได้กระทบต่อสิ่งใด มันกลับทำให้หินที่อยู่เบื้องหน้าแตกออกเป็นเสี่ยงๆ หากโดนเข้าไปคงจะบาดเจ็บน่าดู

  ในระหว่างที่ชารอนขยับตัวหลบหมัดนั้นออกไป เธอพุ่งไปทางด้านขวาก่อนที่จะกระโดดขึ้นเหนือฟากฟ้า ออกหมัดข้างหนึ่งของหล่อนที่ไม่ได้ใช้ในการจับแส้เข้าใส่ใบหน้าของเบลล์อย่างจัง แม้นจะถูกต่อยด้วยหมัดของเธอก็ตามทีแต่เบลล์ก็ดูท่าจะไม่เจ็บหรือไม่ขยับตัว สะทบสะท้านอันใดเลยด้วยซ้ำ ชายร่างเขียวหันมามองเธอ แสยะยิ้มของตนก่อนที่จะจับขาของหญิงสาวร่างเรียวผู้นั้นกลางอากาศแล้วฟาดลงสู่ผืนดินเฉกเช่นกับไม้ตะบองที่ใช้ยามต่อสู้ หัวของหญิงสาวกระแทกใส่พื้นตามแรงเหวี่ยงของศัตรูของเธอ ชารอนดูท่าจะมึนน่าดูจากการถูกโจมตีไปเมื่ิอครู่นี้ เธอนอนกุมศีรษะของตนเองจนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีคู่ต่อสู้ของเธอก็หายไปจากหน้าแล้ว หล่อนหันไปมองรอบข้างก็มิอาจจะเห็นสิ่งมีชีวิตอันใดแม้แต่เงาที่ดูคล้ายคลึงกับรูปร่างของศัตรูของเธอเลย มันเป็นอะไรที่น่าแปลกอยู่เหมือนกัน เพราะเบลล์ก็หาใช่เป็นชายร่างเล็กซะที่ไหน สัดส่วนของเขาใหญ่กว่าเธอเป็นเท่าตัวเสียด้วยซ้ำ แล้วเหตุไฉนเขาจึงได้รวดเร็วและหายไปราวกับกลีบเมฆแบบทันควันเช่นนี้

  มิทันไรเธอก็มีเสียงดังขึ้นมาจากฟากฟ้า ราวกับว่าผืนฟ้าเมฆากำลังแหวกออกด้วยน้ำมือของใครสักคน มันเป็นเสียงดังแสบหูน่าดูแต่ด้วยความที่หญิงสาวผู้นี้มีปราณธาตุหลักที่เป็นวายุและคลื่นเสียงจึงไม่ได้มีผลกระทบที่จะสามารถระเบิดแก้วหูของชารอนได้ เธอหันขึ้นไปมองตามต้นเสียงปรากฏเป็นร่างอันใหญ่ยักษ์ของเบลล์ที่ร่วงลงมาจากผืนฟ้า เฉกเช่นกับเทพตกสวรรค์ แต่หากมองดูดีๆ แล้วมันหาใช่เป็นบุคคลที่ร่วงลงมาตามแรงโน้มถ่วงของโลกาแต่เป็นตัวเขาเสียต่างหากที่กดร่างตนเองลงจากฟากฟ้า มันเป็นดั่งการโจมตีจากอากาศลงสู่แผ่นดิน เป็นปืนใหญ่ที่จะระเบิดผืนดิน เมื่อชารอนเห็นแบบนั้นเธอก็มิรอช้าที่จะหลบตัวออกไปจากรัศมีที่พอจะคาดเดาได้ว่าแรงกระแทกนั้นจะมากเพียงใด แต่ร่างของหญิงสาวที่ใช้เท้าย่ำพื้น วิ่งหนีด้วยแรงทั้งหมดหรือจะเร็วกว่าแรงดิ่งของมารตนนี้

“ตูมมมมมมมมม!” กระบวนท่าของเบลล์ดิ่งลงสู่ผืนดิน

  แรงกระแทกก่อเสียงดังเขย่าผืนฟ้าแห่งโลกาให้ขยับสั่นตาม แรงโจมตีนั้นมีอานุภาพมากดั่งจะทะลุเปลือกแผ่นดินลงไปสู่แกนโลกเลย ร่างของชารอนได้รับแรงกระแทกนั้นถึงกับปลิวออกไป ไถลไปตามทางดังเช่นหุ่นเชิดที่ถูกซัดด้วยพลังอันแรงกล้า แน่นอนว่าการโจมตีนั้นทำให้หล่อนได้รับบาดแผล เลือดของเธอไหลออกจากปากของตนเล็กน้อยและมีแผลบางส่วนในบริเวณเอวด้านขวา แต่กลับกันที่หล่อนจะรู้สึกตื่นกลัวหรือตกใจกับแผลที่ได้รับ เธอกลับยิ้มแฉ่งออกมา เลียโลหิตของตนที่ไหลออกมาจากริมฝีปาก ลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะบิดคอตนไปตามทาง ซ้ายขวาจนเกิดเป็นเสียงกระดูกลั่น มันดูราวกับว่าที่ผ่านมาหล่อนยังไม่ได้เอาจริงเสียด้วยซ้ำ เธอทำท่าบิดร่างด้วยเช่นกันและเกิดเป็นเสียงกระดูกลั่นก๊อกๆ ท่ามกลางฝูงควันที่อยู่เบื้องหน้าของชารอนั้นก็ปรากฏเป็นเงาของเบลล์ที่เดินออกมา เขาเห็นท่าทางของเธอก็เกิดความสงสัย และตกใจเล็กน้อย กระนั้นเขาก็หาได้แสดงอาการอันใดที่จะบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาประหลาดใจกับการกระทำของเธอ ทั้งสองหยุดโจมตีกันอีกครั้ง คงเป็นเพราะอสูรแห่งบาปกังวลว่าหากทำอะไรบ้าๆ ไปในตอนนี้อาจจะเป็นอะไรที่ไม่เข้าท่าก็ได้

“นั่นสุดแรงของเจ้าแล้วหรือ?” ชารอนเอ่ยถามพลางบิดขี้เกียจไปด้วย

ในระหว่างที่หล่อนกระทำท่าเหล่านั้น เธอก็มองด้วยสายตาที่ดูเย้ยน่าดู กระนั้นก็หาได้ทำให้เบลล์โมโหอันใด

“ช่างกล้าพูดนะแม่สาว... ข้าก็ยังมิได้สำแดงอำนาจอันแท้จริงของข้าเสียหน่อย”
“อืมมมมม.... งั้นหรือ?” เธอกล่าวตอบ “งั้นก็สำแดงมันออกมาเสียสิ!”
“เอางั้นหรือ? ถึงข้าได้รับคำสั่งจากนายท่านให้สังหารเจ้าก็จริง...”
“แต่ข้าก็อยากให้ศพมันสวยหน่อย” เบลล์กล่าวตอบ
“แหม่ๆ ท่านจักทำกาลอันใดหลังจากที่สังหารข้าแล้วงั้นหรือคะ?”
“ข้าไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นชารอน...” เขาตอบ “ข้าแค่อยากเห็นสีหน้าเจ้าตอนก่อนตายก็เท่านั้น!”

  สิ้นการสนทนานั้นจึงเกิดพลังปราณปะทุผืนดิน มันเป็นการรวบรวมพลังของทั้งสอง ซึ่งเพียงชั่วพริบตานั้นกายาของนักสู้คู่นี้ก็ขยับไปอย่างรวดเร็ว ความเร็วดั่งเช่นอาชายามกระทบตีนวิ่ง เมื่อนั้นทั้งสองจึงออกหมัดฝั่งเดียวกันของตนออกไป หวังจะทำลายล้างร่างของศัตรูตนให้สิ้น แต่กระนั้นหมัดทั้งสองก็กระแทกใส่กันเองเกิดเป็นพลังแรงระเบิดทำให้เหล่าแหลมหินที่อยู่รอบข้างแตกออกไปโดยมิได้ถูกแตะต้องเลยสักนิด ทั้งสองจ้องตากันด้วยความสงสัย เหตุอันใดที่ศัตรูของตนจึงรู้ใจและรับกระบวนท่าของเขาได้กัน ระหว่างสายตานั้นกำลังจดจ้องกัน หญิงสาวก็มิให้เสียเวลา เธอสะบัดแส้ในกำมืออีกข้างไป หวังจะรัดใส่ร่างของเบลล์แต่มารตนนั้นก็ดีดตัวออกไปได้ในทันที เขาถอยฉากออกไป ตั้งท่าสู้อีกครั้ง เมื่อหญิงสาวเห็นแบบนั้นก็กระโจนตัวเขาไป สะบัดแส้ไปตามอากาศจนเกิดกระแสลงขึ้น จากพลังลมเบาๆ ก่อตัวเป็นปราณวายุแรงกล้า มันซัดไปใส่ร่างของเบลล์จนเกิดแผลตัดดั่งคมมีดนับร้อยกรีดทั่วร่าง ทันใดที่เบลล์ได้รับการโจมตีนั้น เขาก็ยกแขนทั้งสองขึ้นบังหน้าเพื่อไม่ให้ส่วนสำคัญที่อยู่บนใบหน้าเกิดความเสียหาย

  ทันทีที่คลื่นวายุสาดซาลง มารร้ายหาได้ออกแรงโจมตีต่อ แต่เขากลับหยุดนิ่งไม่เตรียมการโจมตีอันใดต่อ ไม่มีปฏิกริยาที่จะพุ่งเข้าไปหาชารอนหรือแม้แต่กระทั่งการชาร์จพลังปราณก็ยังไม่มีความรู้สึกว่าเขาจะทำอะไรเช่นนั้นเลย หญิงสาวที่ลอยอยู่บนอากาศทาบลงสู่ผืนดิน หันไปมองเบลล์ที่ยืนเฉยไร้ความรู้สึก เธอประหลาดใจกับสิ่งนั้นก่อนที่จะมองลงสู่ผืนดิน มันมีของเหลวสีเขียวดั่งเช่นสีของปราณแห่งความตายอยู่เบื้องล่างของเธอ สะท้อนโครงร่างสรีระทั่วกายาของหล่อน แต่สิ่งที่ปรากฏเป็นเงาสะท้อนหาใช่ใบหน้าโดยสมบูรณ์ ร่างกายโดยสมบูรณ์ของหญิงสาวผมแดงเลยสักนิด มันเป็นกะโหลกและโครงกระดูกในรูปร่างที่ตรงตามสรีระร่างกายของเธอ หล่อนมองมันด้วยความตกใจก่อนที่เงาสะท้อนนั้นจะขยับร่างด้วยตัวเองหาได้เป็นการเคลื่อนตามร่างสะท้อนมัน โครงกระดูกนั้นผุดออกมาจากน้ำสีมรกตนั้น บีบคอของชารอนอย่างแรงในทันที มันดูคล้ายว่าความตายในรูปโครงกระดูกนั้นกำลังคิดจะดึงผู้ใช้พลังโลหิตให้ไปอยู่โลกเดียวกันกับมัน นั่นคือโลกของผู้ที่ไร้ชีวิตแล้ว

  ชารอนพยายามขัดขืนด้วยแรงทั้งหมดที่มี เธอมิยินยอมที่จะมาตายในตอนนี้ ระหว่างที่เธอฝืนตัวเองไม่ยอมก้มยอมรับต่อความตายเบื้องหน้านั้น เบลล์ก็มองด้วยสีหน้าที่แลดูพึงพอใจก่อนที่จะค่อยๆ เดินไปช้าๆ ราวกับกำลังหยามเธอและไม่มีการรีบเร่งอันใดเลยสักนิด เมื่อนั้นมารร่างใหญ่ผู้คลุมกายด้วยปราณสีมรกตจึงเบ่งพลังออกไปที่แขนขวาของตนที่แบเอาไว้ มันเป็นลูกเพลิงสีเขียวที่มีปราณในรูปหัวกะโหลกจำนวนหนึ่งลอยอยู่เต็มไปหมด หญิงสาวรู้ตัวว่าเรื่องร้ายกำลังจะเกิดขึ้นแก่เธอ หล่อนจึงขยับกายาด้วยแรงทั้งหมดที่มีเพื่อที่จะให้หลุดออกจากโครงกระดูกที่จับร่างเธออย่างแน่น พอเธอมาคิดๆ ดูแล้วเหตุที่เบลล์หาได้ใช้ปราณอันใดเลยน่าจะเป็นเพราะเขารู้ตัวอยู่แล้วว่าเธอจะไปอยุ่ในจุดๆ นี้เลยสร้างกับดักที่คล้ายคลึงกับพันธนาการตรึงวิญญาณ เมื่อฝีเท้าของมารร้ายเข้าใกล้ร่างหล่อนเธอจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองดูผู้ที่จะนำพาความตายแก่เธอ เบลล์แสยะยิ้มในขณะที่ปรปักษ์ของเขาแลดูจะไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“มีอะไรจะสั่งเสียหน่อยไหม?” เบลล์กล่าวถาม
“ช่างเมตตาจังนะ...” เธอกล่าวตอบและก้มหน้าลง ไร้การขัดขืนต่อ ดูท่าจะยอมรับถึงความจริงที่จะเกิดขึ้นแล้ว จากนั้นหล่อนก็เงียบไป
“อืม.. ไม่มีงั้นหรือ?” มารมรกตกล่าวต่อและกำลูกเพลิงไว้แน่น เตรียมจะใช้มันในทันที

“มีสิคะ..” จู่ๆ เธอก็กล่าวขึ้นมา มันสร้างความประหลาดใจให้กับเบลล์เล็กน้อย

ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นไปมองความตายที่อยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง แต่ในครั้งนี้กลับยิ้มรับซะอย่างนั้น

“ระวังขา!”

  ทันทีที่ลมปากนั้นถูกเปล่งออกจากหญิงสาวผมแดง แส้ของหล่อนก็มัดขาทั้งสองข้างของเบลล์ในทันที แส้นั่นกระชากร่างของเบลล์จนล้มลงไปสู่ผืนดิน ดึงร่างนั้นต่อไปดั่งว่าจะดึงไปสู่ของเหลวที่เป็นกับดักพันธนาการนั้น ทันทีที่ร่างของเบลล์สะท้อนแก่ผิวน้ำนั้นมันก็เกิดสิ่งเดียวกันกับชารอนเมื่อครู่นี้ โครงกระดูกเป็นร่างของมารแห่งความตายได้ก่อขึ้นและรัดร่างของชายผู้นั้นในทันที ทั้งสองมิอาจจะหลุดออกจากพันธนาการได้ เบลล์ที่ถูกตรึงด้วยกับดักของตัวเองก็แลดูจะไม่พอใจเช่นกัน แถมมันยังเป็นเรื่องน่าอายด้วยเช่นกันที่ถูกพลังของตัวเองกระทำเสียเองแบบนี้ ชารอนที่มองตาของเบลล์อย่างไม่ละสายตานั้นก็แสดงหน้าที่ดูซาดิส แน่นอนว่าเบลล์ถึงกับงงในปฏิกริยานั้น เขามองไปที่หัถต์ข้างซ้ายของเธอซึ่งเป็นข้างที่ไม่ได้จับอาวุธเอาไว้ มันเต็มไปด้วยพลังดิบของธาตุแห่งโลหิต ปราณนั้นสีเป็นเลือดแลดูน่ากลัว ผู้ที่จะถูกโจมตีนั้นมองเห็นเลยว่าหากถูกมันเข้าไปย่อมเป็นอะไรที่ไม่ดีแน่นอน แต่เขาจักทำเช่นไรได้ในเมื่อกายาของเขานั้นมิอาจจะขยับได้ดั่งใจนึกเลย แต่ยังมิทันได้คิดการต่อต้านอันใด หัตถ์ข้างนั้นของชารอนก็พุ่งเข้าไปใส่หน้าของเบลล์ในทันที แรงดันของเธอนั้นดันใบหน้าของเบลล์จนจมลงไปใต้ผืนน้ำสีเขียวนั้น

  สิ่งที่หญิงสาวกำลังกระทำอยู่ดั่งเป็นการเผยถึงสัญชาตญาณดิบเถื่อนที่เธอมีอยู่ภายในอีกฝั่งหนึ่งของจิตใจตัวเอง หัตถ์ที่เต็มไปด้วยออร่าแห่งเลือดที่กดศีรษะของมารร้ายลงไปสู่ผืนน้ำดั่งจะให้มันทรมาณจนขาดอากาศหายใจตาย เบลล์ขยับดิ้นแสดงออกว่าเขากำลังทนทุกข์กับสิ่งที่ถูกกระทำอยู่ ด้านสาวผมแดงผู้ถูกกล่าวว่าเป็นแวมไพร์นั้นแลดูพึงพอใจในสิ่งที่กำลังทำอยู่มาก รอยยิ้มที่ดูมีความสุข สายตาที่บ่งบอกว่าหล่อนเป็นสาวซาดิส มันคือสิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าของเธอ มันคงเป็นเรื่องน่าขายหน้าสำหรับมารเพลิงและเบลล์มากที่ตัวของเบลล์ผู้ใช้กับดักนี้เพื่อเล่นงานหล่อนกลับต้องมาตายด้วยกระบวนท่าของตัวเองแบบนี้ กระนั้นเอง ทั่วทั้งผืนน้ำสีมรกตมีอะไรบางอย่างที่ดูแปลกไป มันเหมือนจะเป็นปราณที่เอ่อล้นออกมาจากน้ำนั้น ทรงเป็นหนวดปลาหมึกปราณสีเขียวดั่งเช่นพลังของเบลล์ แน่นอนว่าสิ่งที่ปรากฏนั้นสร้างความงุนงงให้กับหญิงสาวเอามาก เธอหันไปดูโดยรอบจนรู้สึกตัวอีกทีก็โดนพลังนั้นล้อมตัวไปหมดแล้ว เธอยกมืออีกข้างที่ถืออาวุธของตน กวัดแกว่งมันใส่กับปราณนั้นดั่งเป็นการใช้ดาบเลย แม้นว่ามันจะถูกฟันจนเห็นรอยแยกว่ามันขาดสะบั้น แต่ปราณเหล่านั้นก็รวมตัวกันอยู่ดีในเวลาไม่นาน

  มันย่อมไม่ใช่เรื่องดีสำหรับชารอนแน่เพราะตัวเธอเองก็มิอาจจะขยับกายาได้เช่นกัน แถมปราณเหล่านั้นยังดูอันตรายอีกต่างหาก หากว่ามันทำอะไรบ้าๆ หรือโจมตีหล่อนในตอนนี้คงได้รับแผลใหญ่มาแหง สิ่งที่หล่อนทำได้ก็มีเพียงแค่ฟาดแส้อย่างบ้าคลั่งจนเกิดเป็นแรงลมขนาดใหญ่ แรงพอที่จะทลายหินผาหรือไม้ใหญ่ให้เป็นชิ้นๆ ได้ในพริบตา แต่ยิ่งทำแบบนั้นมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งกลายเป็นว่าหล่อนกำลังทำให้ตัวเองเสียปราณไปโดยใช้เหตุเท่านั้น ซ้ำยังทำให้ตัวเองเหนื่อยหอบอีก ทันใดที่เธอคิดได้ชารอนจึงหยุดตัวลง คิดถึงสิ่งที่ควรจะทำ เมื่อนั้นเธอก็ปล่อยมือออกจากหัวของเบลล์ในทันที ใช้มือข้างนั้นจับโครงกระดูกที่บีบคอของหล่อนเอาไว้แน่น กำมันด้วยปราณแห่งเลือดจนเงากระดูกนั้นร้องด้วยความทรมาณก่อนที่ชารอนจะกระชากแขนไร้ชีวิตนั้นจนขาดออกเป็นท่อน มันทำให้เธอหลุดพ้นจากพันธนาการนั้น หล่อนรีบกระโดดออกจากจุดนั้นในทันทีซึ่งในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองเหล่าปราณที่รวมตัวโดยรอบก็พุ่งเข้าจู่โจมดั่งเมื่อปลาหมึกยักษ์ที่ตะครุบเหยื่อและบีบมันจนแหลก แต่เหยื่อของมันที่เป็นชารอนกลับกระโดดออกไปได้เสียก่อน จึงพ้นจากอันตรายนั้นได้อย่างหวุดหวิด

  เธอหันไปมองที่แขนขวาของตนเอง เห็นแผลที่อยู่แขนขวาเป็นแผลถลอกขนาดใหญ่ คงจะเพราะถูกถลอกโดยปราณที่รวมตัวเป็นดั่งวัตถุในจังหวะที่เธอกระโดดออก หรือไม่ก็ได้รับผลกระทบจากรังสีที่แผ่ออกมาจากปราณแห่งความตาย อย่างที่รู้คือปราณแห่งความตายจะทำปฏิกริยากับร่างกายของคนอยู่แล้ว ซึ่งจะกัดกินเซลล์จนตายและขัดขวางการฟื้นฟูเซลล์ทั้งหมด ถึงจะพูดทฤษฏีแบบนั้นก็ตามทีแต่หญิงสาวผู้นี้ที่กำลังต่อกรกับมารแห่งความตายอยู่หาใช่เป็นมนุษย์ ตัวเธอคือแวมไพร์ เลือดพิเศษจากอดีตกาลก่อนที่เคยถูกกล่าวว่าเป็นหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดบนดวงดาวแห่งโพรโตเนี่ยน ระหว่างที่เธอกำลังลอยอยู่กลางอากาศ ปราณสีเขียวเหล่านั้นก็หายไปในทันที เหลือเพียงแค่แอ่งน้ำสีเขียวเล็กๆ นั้นที่เป็นกับดักของมารเบลล์ แต่มิทันไรทั่วทั้งแม่น้ำนั่นก็พุ่งออกมาซึ่งลูกบอลเพลิงสีเขียวนับสิบ เป็นบอลขนาดใหญ่พอๆ กับปืนใหญ่ที่สามารถคร่าชีวิตของใครก็ตามที่ถูกมัน หญิงสาวพยายามจะหลบมัน ตั้งรับหรือแม้กระทั่งจะทำลาย แต่ด้วยความที่บอลนั้นมีมากเกินไป เธอจึงมิอาจจะสามารถทำลายมันได้หมดในครั้งเดียว

  มิทันไรหล่อนก็ถูกบอลนั้นชนเข้าใส่กลางท้องอย่างจัง แต่มันหาได้ทำให้เธอหมดสติจากการโจมตีเพียงครั้งเดียว กระนั้นเองมันทำให้เธอเสียสมดุลและสมาธิไปในทันที นั่นก็หมายความว่าลูกสองและสาม สี่ ห้าและอีกมากมายถาโถมใส่เธอดั่งห่าฝนขนาดใหญ่ บ้างชารอนก็รับพลังนั้นเต็มๆ โดยมิอาจจะทำอะไรได้ บางส่วนเธอก็สามารถตั้งท่ารับมันได้ หล่อนถูกสอยด้วยกระสุนนับร้อยจากฟากฟ้า ร่วงลงมาดั่งนกที่ถูกพรานล่า สู่ผืนดินที่รับร่างของเธอเอาไว้ ทั่วทั้งตัวของหล่อนเกิดแผลหลายจุด มีแผลไหม้บ้างและเสื้อผ้าที่ขาดในบางส่วน เบลล์ค่อยๆ ผุดหัวออกมาจากแอ่งน้ำนั้น ลุกขึ้นยืนดูผลงานของตนที่ทำลงไป เขาดูพึงพอใจอยู่เหมือนกันที่ทำแบบนั้น ก่อนที่จะเดินไปหาศัตรูของตนที่ดูท่าจะหมดสติไปแล้ว

“นี่ยังไม่แรงสุดนะชารอน...” เบลล์กล่าวโดยที่ตนเดินไปตามทาง “เธอยังหมดสติเลย”
“แต่ก็นะ... พวกเจ้ามันอ่อนแอ หาได้จะมีทางต่อกรกับมารเช่นข้าอยู่แล้ว”
“นี่หรือผู้ถูกเลือกจากโคลริม ผู้พิทักษ์แห่งโพรโตเนี่ยน?”
“คิดจะสังหารนายท่านแห่งข้า! ปัญญาอ่อน! น่าขันสิ้นดี...”

วาจาของเบลล์ถูกกล่าวออกไปเป็นการเหยียดหยามหญิงสาวผู้นั้น เธอหาได้มีปฏิกริยาตอบกลับอันใด แลดูคงจะหมดสติไปแล้วจริงๆ

“เอาล่ะ... เจ้าทำข้าเสียเวลาและปราณมามากพอแล้ว” เบลล์กล่าวต่อ
“งั้นขอสูบพลังชีวิตทั้งหมดของเจ้าก็แล้วกัน”

  ทันใดนั้นเบลล์ก็ยื่นแขนขวาของตนวางทาบที่หน้าอกของชารอน ก่อนจะเปล่งปราณของตน นั่นคงเป็นกระบวนท่าของเขาที่ใช้ในการสูบพลังชีวิตของคนเป็นหรือคนที่ตายไปแล้วได้ มันถือเป็นท่าที่ผิดศีลธรรมและถูกต้องห้ามโดยสังคมและรัฐบาลทั่วทั้งโพรโตเนี่ยน กระนั้นก็ยังมีผู้ที่ศึกษาโดยลับๆ หรือที่รู้จักกันในนามของผู้ใช้พลังแห่งบาปนั่นเอง ท่านี้จะทำให้ผู้ที่ถูกสูบพลังอ่อนแอลงไปจนตายแต่ผู้ใช้วิชาจะแกร่งขึ้นเป็นเท่าตัวหรือแล้วแต่จำนวนสเกลพลังของบุคคลนั้นๆ กล่าวคือหากเบลล์ดูดปราณทั้งหมดของชารอนไปจนหมดร่าง เขาก็จะได้รับความแข็งแกร่งระดับมหาศาลแม้นว่าจะมิอาจจะใช้พลังโลหิตที่เป็นปราณพิเศษได้ก็ตามที ที่ผิวพรรณช่วงหน้าอกของหญิงสาวผมแดงผู้นี้เริ่มแห้งกร้านต่างไปจากเดิม มันหาได้ดูเต่งตึงอย่างเช่นเมื่อครู่นี้ แลดูเหมือนว่ากำลังถูกดูดพลังชีวิตในส่วนนั้นไปแล้ว แต่กระนั้นกระบวนการสูบพลังนั้นก็หาใช่จะเป็นการดำเนินได้อย่างรวดเร็ว มันใช้เวลานานเหมือนกันสำหรับเบลล์เพราะเขาหาใช้ผู้ที่มีปราณที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ดั่งใจนึกเช่นไซอาลอท มันจึงทำให้ร่างกายของชารอนที่มีปราณมหาศาลสูญเสียปราณช้าจนสามารถเห็นได้ชัดเจน

  กระบวนการดูดกลืนพลังชีวิตนั้นแลดูจะเป็นไปได้ด้วยดี เพราะหาได้มีการต่อต้านอันใดจากแวมไพร์สาวผู้นี้เลยสักนิด เบลล์เริ่มรู้สึกถึงพลังที่เขาได้รับมา มันช่างสดชื่นยิ่งนัก ราวกับกำลังมีชีวิตใหม่เลย เขาดื่มด่ำกับช่วงเวลานั้นอย่างมีความสุข แผลหลายส่วนของมารสีเขียวตนนี้ที่ได้รับมาจากการต่อสู้ค่อยๆ สมานเข้าที่และหายเป็นปลิดทิ้งเฉกเช่นว่าไร้การต่อสู้อันใดแต่เริ่ม พลังโลหิตที่ไหลรินเข้าสู่กายาของมารร้ายได้ถูกแปลงสภาพเป็นพลังแห่งบาปหล่อเลี้ยงทุกส่วนของร่างกาย

“ดีมาก... จงมาหาข้า... ปราณแรงกล้าทั้งหลาย”
“จงศิโรราบต่อข้าและรวมตัวเป็นหนึ่งในตัวของข้า” เบลล์พร่ำบ่นในขณะที่ตนกำลังสูบพลังของหญิงสาวอยู่

“แต่ดูท่าปราณแห่งข้าจะมิได้ยินยอมแก่ท่านนะ” เสียงของหญิงสาวผมแดงกล่าวสวนขึ้นมา

  พริบตานั้นเธอก็ลืมตาขึ้นพร้อมกับกล่าววาจานั้น มันทำให้เบลล์ตกใจไม่น้อย เมื่อนั้นที่หัตถ์ที่เบลล์กำลังใช้กลืนกินปราณของชารอนก็เกิดปราณสีแดงผุดออกมาจากหน้าอกของชารอนเต็มไปหมด มันเป็นสีแดงน่ากลัวดั่งเลือดของสัตว์ร้าย เลือดพวกนั้นจับตัวเป็นก้อนและรัดแขนข้างนั้นของเบลล์แน่น มันบีบแรงจนแขนข้างนั้นของมารร้ายแหลกจนขาดออกในที่สุด เลือดสีเขียวของมารร้ายพุ่งออกมาเต็มไปหมดดั่งเช่นสายน้ำเมื่อแตกซ่าน เบลล์หาได้เป็นดั่งไซอาลอท เขามิอาจจะฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยเวลาอันสั้น การที่เขาเสียแขนข้างนึงไปแบบนี้คือความเสียเปรียบอย่างแท้จริงของเขา โลหิตสีประหลาดนั้นสาดไปทั่วผืนดิน บ้างก็ไปกระทบใส่ร่างอันงดงามของสาวแวมไพร์ เลือดที่จับตัวเมื่อครู่นั้นที่ผุดออกมาจากหน้าอกของเธอกลายเป็นแส้เส้นหนึ่ง เธอหยิบมันออกมา บัดนี้เธอถือแส้โลหิตที่มือข้างหนึ่งและอีกข้างก็เป็นแส้ที่ใช้เป็นอาวุธประจำตัว ไม่นานนักเธอก็หันลงไปที่อวัยวะส่วนที่ถูกโลหิตสีเขียวสาดใส่ก่อนจะใช้นิ้วถูมัน เลียโลหิตนั้นดั่งว่าเธอชิมรสชาติของมัน เป็นนิสัยของแวมไพร์

“โลหิตของท่าน... ช่างแรงกล้านัก” จู่ๆ เธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูหวานต่างไปจากเมื่อครู่
“แบบนี้สิค่อยเหมาะในการเชือดให้ตายหน่อย”

  ท่าทางของเบลล์ดูแตกต่างไปจากเดิมไม่ต่างจากชารอน ฝ่ายของมารร้ายเริ่มมีอาการที่หวาดกลัวอยู่พอควร คงเป็นเพราะเขาสูญเสียแขนข้างหนึ่งไป ในขณะนั้นเองชารอนก็ค่อยๆ เดินเข้าไปหาเบลล์ช้าๆ พร้อมกับอาวุธทั้งสองข้างที่พร้อมจะสังหารมารร้ายตนนี้ เบลล์เริ่มถอยฉากออกไปช้าๆ พลางปล่อยพลังแห่งความตายของตนไปด้วยเป็นการป้องกันตัวเอง แต่หญิงสาวก็หาได้เกรงกลัวไม่ เธอเดินต่อไปเรื่อยๆ ฝ่าดงเพลิงสีเขียวที่เบลล์ปล่อยออกมาดั่งมังกรในยามพ่นเพลิงพิโรธของมัน ชารอนทำตัวเหมือนกับตัวเองมิได้รับบาดเจ็บอันใดเลย แต่เหตุที่เป็นแบบนั้นเพราะปราณของเบลล์ถดถอยลงไปมากหลังจากที่ตัวเขาเสียแขนข้างหนึ่งไป นั่นเป็นเพราะโลหิตของสิ่งมีชีวิตเป็นส่วนสำคัญในการสร้าง กักเก็บปราณเอาไว้ กล่าวคือเลือดก็เป็นส่วนในการทำให้ปราณแข็งแกร่งได้เหมือนกัน และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ชารอนแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าหลังจากที่ตนใช้พลังแห่งโลหิตไป

  ไม่นานนักมารร้ายก็ทรุดลงไปสู่ผืนดิน สีหน้าของเขาดูเหนื่อยหอบ เลือดของเขาแทบจะหมดตัวจนทำให้ร่างกายของมารสั่นจนล้มลงไปในที่สุด ศัตรูของเธอเริ่มคีบคลานเข้ามาใกล้ทุกที เบลล์ยกมืออีกข้างหนึ่งขึ้นกะจะเปล่งพลังอีกครั้งเพื่อจะสังหารปรปักษ์ แต่ชารอนก็ตวัดแส้ของตนทั้งสองข้าง รัดแขนข้างนั้นของเบลล์เอาไว้ก่อนจะกระชากลงสู่พื้น ทำให้เบลล์กระแทกลงไปกับแผ่นดินอีกครั้งอย่างเจ็บปวด เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะถูกแส้ปราณนั้นรัดคอไว้ ส่วนแส้หนามอีกอันก็ยังคงรัดแขนของเบลล์ไว้อยู่ เขาหายใจไม่ออก แสดงอาการทรมาณออกมาต่อหน้าแวมไพร์สาว มันยิ่งทำให้เธอยิ้มแย้มด้วยความพึงพอใจ มันดูเหมือนว่าหล่อนไม่คิดจะสังหารมารร้ายตนนี้ในทันทีแต่กลับเป็นให้มันทรมาณ รับรสถึงสิ่งที่มันเคยทำกับผู้อื่นมา ไม่รู้ว่าเธอประสงค์จะทำเช่นนั้นเพราะให้เบลล์รู้สึกแบบนั้นก่อนตายหรือว่าหล่อนอยากจะทำแค่เพราะพึงพอใจเท่านั้น เธอดึงแส้ไปมาทำให้แขนและคอของมารถูกขยับไปตามโดยที่เจ้าของร่างหาได้ประสงค์เช่นนั้น

“ท่านมีอะไรจักสั่งเสียไหมคะ?” ชารอนกล่าวถามในคำถามที่เบลล์เคยถามแก่หล่อน

เมื่อมารสีมรกตนั้นได้ยินเช่นนั้นมันก็หาได้เกรงกลัว มันกลับหัวเราะเริงร่าเมื่อได้ยินประโยคนั้น

“เจ้าคิดว่าข้ากลัวที่จะตายงั้นหรือ?” เขาตอบกลับ
“ฆ่าข้าไปมันก็มีแต่จะทำให้นายท่านของข้าแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น...”
“ตัวเจ้าก็รู้ดี... พลังแห่งบาป มันเชื่อมโยงกับเป็นเครือข่ายเดียว”
“หากข้าตาย มันก็จะถูกโอนถ่ายให้แก่นายท่านของข้า”
“อีกอย่าง..”
“ต่อให้ข้าตายไปจริง ก็หาได้มีใครสามารถเอาชนะเพลิงแห่งความตายได้หรอก!”
“ท้ายที่สุดแล้ว โพรโตเนี่ยนก็ดับสูญอยู่ดี!”

หญิงสาวผมแดงเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอลังเลถึงผลที่ตามมากับการกระทำที่หล่อนกำลังตัดสินใจอยู่ หากปล่อยไว้มันก็เป็นปัญหา แต่ถ้าหากมันตายไปกูจะเป็นอย่างที่มันกล่าว ไม่ว่าทางใดมันก็ปัญหาเหมือนกันนั่นล่ะ

“เอาสิ!” เบลล์กล่าว “เลือก... หนทางที่เจ้าจำเป็นที่จะต้องทำ... เลือกทางไหน”
“มันก็เลวร้ายพอๆ กัน”

“ใช่.. มันเลวร้ายพอๆ กัน” ชารอนตอบกลับ
“แต่ข้าขอเลือกหนทางที่ไม่มีมดปลวกเช่นท่านมาก่อกวนก็แล้วกัน”

  สิ้นวาจานั้นหล่อนก็รัดร่างของเบลล์แน่นเสียยิ่งกว่าเดิม ก่อนที่ผืนดินที่จะเกิดแรงอะไรขึ้นมา อากาศเปลี่ยนสภาพไป เกิดคลื่นลมแรงกล้าโดยรอบตัวของชารอนก่อนที่จะเกิดพายุลูกใหญ่ขึ้นในบริเวณนั้นโดยมีหญิงสาวผมแดงเป็นตาพายุน้้น แรงลมนั้นซัดทุกอย่างที่อยู่ภายในบริเวณนั้นจนแหลกสิ้น ไม่นานนักมันก็ก่อเป็นเสียงประหลาดที่ดังน่ารำคาญ มันดังก้องภายในหูของสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่อยู่ในบริเวณนั้นยกเว้นตัวผู้ใช้พลัง เมื่อนั้นหูของมารร้ายก็หลั่งออกมาซึ่งโลหิตของมันเอง และออกมาทางจมูก ปาก และดวงตาดั่งเป็นการร้องไห้ นั่นคือท่าไม้ตายของหญิงสาวผู้นี้ กระบวนท่าที่สร้างคลื่นเสียงที่เกิดขึ้นจากแรงลมจนสังหารตู่ต่อสู้ ส่งผลให้แก้วหูแตกจนตาย แต่หากถูกใช้เมื่อมีปราณระดับสูงยิ่งขึ้น มันจะทำให้ทั่วทั้งร่างทำงานผิดปกติและขับถ่ายเลือดออกมาจากทวารทั้งเก้าจนตายไปในที่สุด ระหว่างที่สิ่งนั้นกำลังเกิดขึ้นผู้ถูกกระทำนั่นคือเบลล์ก็หาได้กรีดร้องด้วยความทรมาณ แต่กลับเป็นหัวเราะด้วยเสียงดัง ดูน่ากลัวเฉกเช่นปีศาจที่เปล่งเสียงอย่างบ้าคลั่ง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!” มารร้ายหัวเราะออกมา “นี่สินะคือตัวเลือกของเจ้า!”
“งั้นก็เตรียมพบเจอ....”
“กับหายนะ... ที่กำลัง..”
“ถาโถม....”

เสียงของเบลล์เริ่มอ่อนแรงลงไปเรื่อยๆ สื่อว่าเขากำลังจะตายในไม่ช้า เมื่อนั้นมารร้ายจึงเงียบไป ก่อนจะเปล่งวาจาสุดท้ายของตน

“ข้าตายในนามแห่งไซอาลอท!”

  เมื่อเสียงนั้นจบลง... มารเบลล์ก็สิ้นใจ กายาทรุดลงไปสู่ผืนดิน ไร้การเคลื่อนไหวอันใด เขาตายไปแล้วด้วยน้ำมือแวมไพร์โลหิต เธอเก็บอาวุธของตนและลดปราณพิเศษของตน กลับเข้าสู่โหมดเดิมอย่างที่หล่อนเคยเป็น เธอดูเหนื่อยหอบจากการต่อสู่น่าดู เหล่าแผลที่ได้รับมาก็เป็นแผลใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้เวลาในการรักษานาน กระนั้นก็หาได้เป็นปัญหาใหญ่แก่เธอนัก หล่อนหันไปมองรอบข้างก่อนที่จะวิ่งพุ่งตรงไปยังร่างของหญิงสาวผมสีน้ำตาลนามมาเดียร่า หญิงสาวผู้นั้นหมดสติอยู่ เมื่อนั้นชารอนจึงไปดูอาการของเธอ อุ้มร่างของตนด้วยแขนทั้งสอง ตรวจเช็คชีพจรดู ก่อนที่หญิงสาวผมแดงจะถอนหายใจออกมา

“โชคดีจัง... ที่เธอยังมีชีวิตอยู่”

------------

  เสียงของอะไรบางอย่างที่กระทบลงสู่พื้นเบาๆ เป็นเสียงเท้าที่กระทบลงสู่พื้นดั่งเทพจุติจากฟากฟ้า บริเวณนั้นก่อเกิดแสงแห่งเพลิงอบอุ่น.. จนร้อนระอุ... เพลิงแห่งความตาย มันเป็นไซอาลอทที่จุติลงมาจากฟากฟ้าเบื้องหน้าเมืองหลวงแห่งทวีป บัดนี้มารเพลิงได้อยู่เบื้องหน้าเมืองสตอร์มโฮล์ม สถานที่ๆ เขาต้องการจะลบล้างให้สิ้น ในยามค่ำคืน ภายในเมืองเปล่งแสงไฟศิวิไลซ์บ่งบอกถึงความเจริญ มันทำให้มารเพลิงยิ้มเย้ยไปกับมัน ดั่งว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ความเจริญเหล่านี้จะปรากฏบนดาวดวงนี้ ดั่งว่าเขากำลังจะพรากโอกาสไปจากมนุษย์ ให้กลับเข้าสู่กลียุคอีกครั้ง

มารเพลิงแบมือของตนก่อนจะจุดเพลิงพิโรธทรงกลมขึ้น มองไปยังปราสาทใจกลางเมือง

“และมันก็ถึงเวลาที่โลกาจะได้ประจักษ์แก่การคืนชีพแห่งข้า”
“จงพินาศเสีย... สตอร์มโฮล์ม”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XXII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire XII
» Cataclysm: The Endless Hellfire XLV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XXX
» Cataclysm: The Endless Hellfire XV

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: