Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XXIII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXIII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XXIII   Cataclysm: The Endless Hellfire XXIII EmptySat Nov 26, 2016 8:59 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXIII

------------

“องค์ราชา!”

  เสียงของพลทหารคนหนึ่งดังขึ้น เป็นการเรียกตัวองค์ราชาแห่งปราสาทสตอร์มโฮล์ม ชายผู้นั้นวิ่งมาพร้อมกับชุดเกราะหนาจนเกิดเสียงดังเคร้งๆ ตลอดฝีก้าวที่ชายผู้นี้ได้ย่างกราย ผ้าคลุมสีน้ำเงินเข้มที่ข้างหลังและมีเครื่องยศบ่งบอกว่าเป็นหนึ่งในทหารระดับสูงของเมืองนี้ ผู้ที่ถูกเรียกได้ยินวาจานั้นก่อนที่จะหันไป โครนอสแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก คงจะเป็นเพราะเขากำลังวิตกในเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ การกลับมาของมารเพลิงและภัยร้ายที่อาจเข้ามาใกล้เรื่อยๆ มันทำให้เขามิอาจจะคิดกาลอันอื่นใดได้เลย เขามองไปหาทหารผู้นั้นที่เอ่ยเรียกก่อนที่ทั้งสองจะเดินเข้าไปหากัน ชายสวมเกราะถอดหมวกเหล็กออก เขาเป็นชายมีอายุสักสามสิบเห็นจะได้ ด้วยรอยแผลที่มีอยู่บนใบหน้าบ่งบอกว่าเขาผ่านประสบการณ์การสู้รบมามากพอควร สีหน้าของชายผู้นั้นดูเคร่งเครียดมิต่างไปจากกษัตริย์เลยสักนิด

“เราถูกข้าจากภายนอกบุกมายังประตูใหญ่หน้าเมืองขอรับ!”
“จำนวน?” โครนอสกล่าวถาม
“แค่คนเดียวขอรับ...” เขาตอบกลับ

“อะไรนะ?!” โบล์ทที่อยู่ในห้องนั้นด้วยตะโกนถามด้วยความตกใจ “แค่คนเดียวพวกเจ้ากลับเอาไม่อยู่งั้นรึ?”
“ใจเย็นก่อนโบล์ท”

โครนอสกล่าวสวนขึ้นมา เขามองไปหามือขวาของเขา เมื่อนั้นโบล์ทก็เงียบปากไปในทันที ก่อนที่องค์ราชาจะหันกลับไปหาผู้รายงานสถานการณ์ของเขา

“ลักษณะของมันเป็นเช่นไรงั้นรึ?”
“เพลิง.... ทั่วกายาเลยขอรับ... ดูไม่เหมือนกับว่าเป็นคนเลยสักนิด!”
“ดั่งเช่นในหนังสือเรื่องเล่าสมัยก่อนไม่มีผิด... เหมือนกับไซอาลอท ไฟร์วอร์คเกอร์เลยขอรับ!”

  โครนอสที่ได้ยินแบบนั้นก็เงียบไปในทันที เขาดูเครียดเสียยิ่งกว่าเดิม จริงอยู่ที่ว่ามารเพลิงเพิ่งจะคืนชีพจากการหลับไหลเป็นเวลาราวนับทศวรรษ แต่ว่านี่มันก็เร็วไปอยู่ดีที่ชายผู้นั้นจะเดินทางมายังที่นี่ได้ อีกอย่างพลังของมารเพลิงก็ถูกระดับไปมากหลังจากที่ตื่นจากนิทรา มันหาใช่ว่าพลังของเขาจะกลับมาในทันทีทันใด เหตุไฉนเขาถึงเลือกที่จะโจมตีสตอร์มโฮล์มในทันทีทั้งที่ปราณและร่างกายมิพร้อมต่อการต่อสู้ล่ะ ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็เครียดไปมากเท่านั้น ไม่นานนักก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาลั่นผืนฟ้า มันสร้างแรงสั่นสะเทือนให้แก่ผู้คนที่อยู่ภายในปราสาทและชาวเมืองที่อยู่ตามพื้นดินชั้นล่าง พวกเขาทั้งหลายหันไปดูที่หน้าประตูใหญ่ของเมืองที่มีเพลิงลุกไหม้ผ่านทางกระจกของห้อง แม้นว่าปราสาทแห่งนั้นจะอยู่ไกลจากประตูอยู่พอควรแต่พวกเขาก็ยังพอเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เหล่าทหารภายนอกพยายามที่จะเข้าต่อกรกับศัตรูหน้าเมือง แต่ก็มิอาจจะล้มมันลงไปได้ มารเพลิงใช้ไฟโลกันต์แผดเผาร่างของทหารกล้าให้กลายเป็นธุลี พลางเดินตรงไปเรื่อยโดยมิได้ใจร้อนนัก เหล่าราชาและข้ารับใช้ของเขาที่เห็นเช่นนั้นต่างพากันตกตลึงและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน จนถึงขั้นกลืนน้ำลายของตน ไร้วาจาอันใดที่จะกล่าวออกมา

  เมื่อนั้นโครนอสจึงหันหลังให้แก่กระจกเหล่านั้น เดินออกไปนอกห้องอย่างเร่งรีบในทันที ทุกคนที่เห็นแบบนั้นต่างพากันสงสัยในสิ่งที่นายของตนกำลังกระทำ จึงเดินตามชายผู้นั้นไป เขาเห็นสีหน้าของราชาที่ดูจริงจังเอามาก แถมยังดูหวาดกลัวอีกต่างหาก ไม่เคยมีใครเห็นราชาแสดงอาการแบบนี้มานานมากแล้ว แม้นว่าลูกน้องของพวกเขาจะมิเคยได้เผชิญหน้ากับมารแห่งความตายนั้นด้วยตัวเอง แต่จากสีหน้าของโครนอสที่กำลังแสดงอยู่ มันย่อมเป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายเอามากๆ แน่ ชายทั้งสาม ลูเซียส โบล์ทและเซรดริก กลุ่มที่กำลังเดินตามกษัตริย์ของเมืองไปเรื่อย มือข้างหนึ่งของโครนอสกำดาบไว้แน่น พวกเขาเลยเริ่มจะเดาออกมาองค์ราชากำลังจะไปที่แห่งใด มันเป็นสถานที่ๆ หนึ่งที่องค์ราชามักจะไปก่อนทำการสู้รบครั้งใหญ่ มันถูกเรียกว่าห้องวิหารแห่งแสงสีขาว โดยทุกครั้งที่โครนอสจะทำการสู้รบ เขาจะไปสวดมนต์อันใดสักอย่าง บ้างก็ว่าเขาทำไปเพราะเป็นการร่ายคาถาที่จะใช้งานได้เพียงแค่ในห้องนั้นเท่านั้น โดยที่บทสวดนั้นจะทำให้เขาสามารถบรรลุปราณไปอีกขั้นหนึ่งชั่วขณะ กลายเป็นแสงสีขาวแห่งตะวันเพลิง ว่ากันว่ามันเป็นหนึ่งในปราณที่แกร่งที่สุดในเอสซิโอนิค และมีเพียงโครนอสเท่านั้นที่ใช้มันได้

“ตอนนี้เมืองของเรากำลังถูกโจมตีด้วยสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดในโลกนี้” องค์ราชากล่าวไปในขณะที่กำลังเดินไปยังจุดหมาย
“ข้าต้องการให้พวกเจ้าทำตามแผนทั้งหมดที่พวกเราเคยวางเอาไว้...”
“เซรดริก! เปิดประตูมิติทั่วทั้งเมือง ให้ประชาชนอพยพไปยังเมืองใหญ่อื่นในทันที”
“โบล์ท ลูเซียส! พวกเจ้านำทางชาวเมืองทุกคนไปยังประตูมิติทั่วเมือง”
“เมื่อใดก็ตามที่พวกเจ้าทั้งสามเสร็จสิ้นแล้ว ให้รีบหนีออกไปจากเมืองนี้ผ่านประตูมิติซะ!”

“แล้วท่านจักทำเช่นไรหรือขอรับองค์ราชา?” ชายหนุ่มผู้ใช้ปราณสายฟ้ากล่าวถาม
“ข้าจะอยู่ที่นี่ต่อกรกับมารเพลิงนั่นเอง” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ดูเงียบ ราวกับว่าไม่ค่อยเต็มใจนักที่จะตอบ

โบล์ที่ได้ยินเช่นนั้นก็หาได้ยินยอมแก่วาจาขององค์ราชา เขารู้สึกไม่ยินดีนักที่ได้ยินแบบนั้น ราวกับว่าเขาอยากที่จะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับองค์ราชา หาใช่หนีไปแบบนี้

“อะไรนะขอรับ?” โบล์ทกล่าวขึ้นมา “กระผมไม่ยอมให้ท่านไปเสี่ยงตายคนเดียวแบบนั้นหรอก!”
“และข้าก็ไม่ยอมให้พวกเจ้าทั้งหมดไปตายหรอกนะ!”
“แต่พวกเราช่วยกันจัดการปีศาจนั่นได้นะขอรับ..”
“โบล์ท... เจ้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังเห็นอะไรอยู่ในตอนนี้” องค์ราชาตอบกลับไป
“นั่นคือไซอาลอท ไฟร์วอร์คเกอร์ สิ่งมีชีวิตที่แกร่งที่สุดบนดาวดวงนี้!”
“ต่อให้เราทั้งหมดช่วยกัน... ก็มิอาจฆ่ามันตายได้”

“ท่านพูดอย่างกับว่า..” ลูเซียสกล่าวขึ้นมา แต่เขาก็หยุดวาจาของตนไป
“ฟังนะ...” องค์ราชาพูดสวนขึ้นมา ก่อนที่จะหยุดตัวลง หันกลับไปมองชายที่ตามเขามาทั้งสาม
“ข้าไม่อยากให้พวกเจ้าต้องเสี่ยงชีวิตกับศัตรูที่เรามิอาจจะเอาชนะได้”
“ไม่ใช่วันนี้...”
“ข้าอยากให้พวกเจ้าตามหาชารอน เมื่อนั้น... เดินทางไปหาชายผู้หนึ่ง ณ ดินแดนไลท์ไมล์ทางด้านตะวันตก”
“ที่แห่งนั้นพวกเจ้าจะพบกับเมืองซันดาซัส และตามหาชายนามอันทานิส ฮิลโมนิทท์”

“เพื่อกาลอันใดหรือขอรับ?” โบล์ทกล่าวถาม
“เจ้านั่นรู้วิธีที่จะสังหารมารเพลิง...” ราชาตอบ “ข้ารู้เพียงเท่านี้”
“ไปซะ! ทำตามที่ข้าบอก!” โครนอสตะโกนกล่าวขึ้นมาต่อ

  สิ้นวาจานั้นทั้งสามคนจึงพยักหน้ารับคำสั่งจากองค์ราชา ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งแยกย้ายไปทำหน้าที่ของพวกเขาเอง ในตอนนี้พวกเขาเสียเวลามามากพอแล้ว ยิ่งพูดกันมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะเป็นการปล่อยให้มารเพลิงทำลายล้างเมืองแห่งนี้ไปมากเท่านั้น พวกเขาจึงรีบมุ่งไปทำในสิ่งที่สำคัญกว่า ทางด้านขององค์ราชาเองก็สูดอาการเข้าเต็มปอด ก่อนจะถอนหายใจออก ดูเหมือนว่าเขากำลังทำให้ของตนให้พร้อมที่จะทำสิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำในฐานะของกษัตริย์นั่นคือการปกป้องเมืองของเขาจากภัยอันตราย แต่สิ่งที่เขากำลังเจอในตอนนี้คือสิ่งที่เขาคุ้นเคยมานานแสนนาน มันหาได้เป็นเรื่องอันดีเลยที่เขารู้จักมารร้ายตนนั้น เพราะเขารู้ตัวเองว่าลำพังแค่กำลังของเขาหรือคนทั้งเมืองในตอนนี้ ก็มิอาจจะโค่นมารเพลิงลงได้อย่างแท้จริง ซ้ำยังจะเป็นการสังหารหมู่ด้วยซ้ำ แต่เขาจะทำเช่นไรได้ เขาคือผู้ปกครองประชาชน เมืองแห่งนี้และเขาได้เลือกในสิ่งที่เขาต้องทำแล้ว มันคือการปกป้องประชาชนทุกคนเท่าที่เขาจะสามารถคุ้มครองได้ มันเป็นดั่งการเผชิญความตาย เพื่อที่จะให้สิ่งที่ตนรักที่สุดได้อยู่ในวันพรุ่งนี้

  เมื่อเขาพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความตายแล้ว เขาจึงเดินไปยังห้องวิหารแห่งนั้นที่อยู่ไม่ค่อยใกล้จากจุดที่เขายืนอยู่เสียเท่าไหร่ ประตูห้องนั้นดำทึบพร้อมกับกระดาษแผ่นที่ติดอยู่บ่งบอกว่า “ห้ามเข้า!” เมื่อนั้นเขาจึงดึงกระดาษนั้นออก ดันประตูห้องนั้น มันเป็นประตูที่หนักน่าดูเลยก่อเกิดเสียงของประตูที่เสียดสีกับพื้น เขาใช้แรงมหาศาลในการเปิดห้องแห่งนี้ซึ่งภายในนั้นมืดสนิท ไร้แสงไฟอันใด องค์ราชาเดินเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น ยกดาบของตนขึ้นและเปล่งแสงไฟแห่งอรุณออกมาจากดาบ มันเป็นแสงแห่งธรรมที่ดูอบอุ่น ไม่นานนักเหล่าตะเกียงที่อยู่ภายในห้องก็ถูกจุดติดผุดออกมาเป็นไฟสีเดียวกันกับดาบเล่มนั้น เขาเดินไปเรื่อยจนถึงแท่นแห่งหนึ่งที่ตั้งอยูุ่มุมสุดของห้อง ภายหลังแท่นนั้นเป็นกำแพงกระจกที่ถูกประดับไว้เป็นดั่งโบสถ์ศาสนา เต็มไปได้กระจกหลากสี โครนอสดับไฟที่อยู่ดาบของตนลง แต่เหล่าตะเกียงเพลิงหาได้มอดดับตามไป เขาคุกเข่าลงไปกับพื้น ปักดาบเล่มนั้นบนพื้นอิฐของห้อง ก้มหน้าลงต่อแท่นและกำแพงกระจกดั่งเป็นการแสดงความเคารพต่อสิ่งนั้น แต่หากมองในอีกแง่ท่าๆ นั้นมันดูเหมือนกับเป็นการอธิษฐานเสียมากกว่า

  ปากขององค์ราชาขยับไปเป็นการพร่ำบ่นถึงสิ่งใดสักอย่าง พอผ่านไปได้ชั่วครู่หนึ่งแล้ว ดาบขององค์ราชาก็ลอยขึ้นเหนือผืนดิน ออกจากมือของเจ้าของดาบสู่ฟากฟ้า มันลอยขึ้นไปเรื่อยจนถึงแท่นนั้น ขึ้นไปเหนือแท่นจนเหมือนว่ามันตั้งอยู่บนแท่นปูนนั้น มันส่องแสงขึ้นอีกครั้งแต่ในครั้งนี้มันกลับแรงกล้าเสียยิ่งกว่าเดิม ราวกับว่าเป็นดวงอาทิตย์ส่องแสงด้วยตัวเอง แสงนั้นแรงกล้าขึ้นเรื่อยๆ จนแทบจะดูเหมือนว่ามันจะทลายดาบให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ข้าวของทั่วทั้งห้องเริ่มสั่นจากสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อนั้นองค์ราชาจึงลุกขึ้นยืน มองดาบของตนที่เต็มไปด้วยออร่าระดับสูง ปราณสีขาวแห่งรุ่งอรุณ ความสะอาดที่จะชะล้างความชั่วให้หมดไป ความถูกต้องที่จะสะบั้น พิพากษามารร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง เจ้าของดาบเล่มนั้นยื่นมือออกไปหยิบดาบเล่มนั้น กำด้ามจับไว้แน่น พลังเหล่านั้นที่เขากำลังสัมผัสที่ดาบ มันได้ซึมซับเข้าสู่กายาของชายผู้นี้ เขารู้สึกได้ถึงชีวิต และความหวัง

“แสงทั้งหลาย... เทพและเทพธิดาที่สิงสถิตอยู่ทั่วหล้า”
“บัดนี้มารแห่งความตายได้อยู่เบื้องหน้าประตูบ้านของคนบริสุทธิ์”
“โปรดให้พลังแก่ข้า! ต่อกรกับมารร้าย... กำจัดมันให้สิ้นไปจากโลกานี้”
“ข้าขอพลังที่จะสยบมัน ที่จะให้ความหวังแก่มวลมนุษย์ ที่จะให้ความถูกต้อง!”
“ที่จะพิพากษาปีศาจร้าย!”
“ข้าขอพลัง! ที่จะทำลายล้างมัน! ขอพลังที่จะช่วยโลกนี้!”
“เทพแห่งแสง! รับคำขอของข้า.. และทำให้มันเป็นจริง!”

  เมื่อชายผู้นั้นพูดจบ เขาหยิบดาบของตนที่ส่องแสงประกายลอยอยู่เหนือแท่นนั้นขึ้น ทันที่มือข้างนั้นสัมผัสกับด้ามจับดาบ มันก็เปล่งแสงจ้าออกมารุนแรงเสียยิ่งกว่าเดิม พร้อมกับแรงลมที่ซัดออกในบริเวณนั้น ราวกับว่าโครนอสได้สัมผัสถึงพลังอันสุดยอดที่สามารถทำทุกอย่างที่เขาประสงค์ให้เป็นจริงได้ เพียงชั่วพริบตากายาแห่งผู้ทรงเกียรติได้หายไปจากห้องโถงนั้น เขาหายไปพร้อมกับแสงสีขาวที่กระพริบขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อแสงนั้นดับลง เขาก็หายไปจากห้องแล้ว ไม่นานนักร่างของชายผู้นั้นได้โผล่ขึ้นหน้าจุดเกิดเหตุ เบื้องหน้าของกำแพงเมือง รอบข้างมีเหล่าชาวเมืองนับพันวิ่งกันอย่างแตกตื่นด้วยความกลัวตาย คนพวกนั้นมีจุดหมายเดียวที่จะไปคือประตูมิติแห่งวอยด์ สถานซึ่งที่จะนำพาผู้ที่เข้าไปในนั้นเดินทางไปยังเมืองอื่นด้วยเวลาอันสั้น องค์ราชามองดูสีหน้าของผู้คนเหล่านั้น สีหน้าที่เต็มไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง ผู้ที่ปกครองเมืองแห่งนี้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของผู้คนเหล่านั้น และรู้สึกได้ว่าเขาทำให้ผู้คนเหล่านั้นผิดหวัง เขาไม่สามารถปกป้องที่นี่ได้ เขาไม่สามารถหยุดการคืนชีพของมารเพลิงตนนั้นได้ เขากลายเป็นดั่งเจ้าเมืองผู้ล้มเหลว แต่ในครั้งนี้เขาจะต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง นั่นคือการเผชิญหน้ากับปีศาจ ขจัดมันออกไปจากดินแดนของเขา

  เมื่อนั้นโครนอสจึงค่อยๆ ย่างกรายไปยังจุดนั้น เหล่าทหารที่เตรียมจะออกศึกต่างชะงักตัวลง หันไปมองนายของตนและซุบซิบอะไรกันสักอย่าง บ้างก็พูดในเชิงว่าองค์ราชาจะออกศึกเอง มีหวังที่ชนะเป็นแน่ แต่อีกบางส่วนก็พูดในเชิงว่าเหตุอันใดองค์ราชาถึงมาเสี่ยงชีวิตตนเองเช่นนี้ ทั้งที่ก็รู้ดีว่าไม่มีใครอาจจะเอาชนะมารร้ายตนนั้นได้หรอก ส่วนทหารอีกกลุ่มที่กำลังต่อกรกับไซอาลอทต่างก็พากันล้มตายไปด้วยเพลิงพิโรธอันร้อนระอุ ไม่นานนักเหล่าทหารกล้าพวกนั้นที่พยายามจะสังหารเพลิงพิโรธต่างก็พากันตายจนหมด เหล่าอัศวินผู้กล้าที่เหลือนั้นเริ่มหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่สามารถฆ่าตายได้ พวกเขาจึงเริ่มถอยฉากออกไป ในช่วงที่ไร้การต่อสู้นั้นทำให้ไซอาลอทเห็นองค์ราชาแห่งดินแดนเดินตรงมายังเขาพร้อมกับอาวุธดาบแห่งแสงนั้น เมื่ออสูรแห่งไฟเห็นเช่นนั้นจึงแสยะยิ้มขึ้นมา พลางหันหน้าไปยังราชาในเครื่องแบบอันทรงเกียรติ มิทันไรโครนอสก็หยุดฝีก้าวของตน อยู่ในระยะที่ห่างจากมารเพลิงพอสมควร ดวงตาคู่นั้นที่มองไปยังดวงตาแห่งปีศาจ ดวงตาที่ถูกเรียกว่าเนตรแห่งความตาย ว่ากันว่าไม่มีใครเลยสักคนที่จะสามารถรอดได้หลังจากที่มารเพลิงจดจ้องบุคคลเหล่านั้นด้วยสายตานั้น มีเพียงแค่โคลริมและชารอนเท่านั้นที่เคยรอดจากการความตายนั้นได้

  พวกเขาหาได้กล่าววาจาอันใด เพียงแค่สบตากัน โครนอสกำดาบของตนไว้แน่นรอที่จะเปิดฉากโจมตีไป แต่กระนั้นเขาก็มิได้คิดจะทำอะไรบ้าบิ่น ไซอาลอทที่จดจ้องชายผู้นั้นก็ยังคงยิ้มมุมปากของตนอย่างพึงพอใจ ไร้ความกลัวอันใดแม้นจะอยู่ต่อหน้าของเจ้าเมืองก็ตามที เขาไม่กลัวแม้กระทั่งแสงแห่งธรรมที่ผุดออกมาจากดาบเลยสักนิด มารเพลิงเพียงแค่มองดาบเล่มนั้นและแสงสว่างนั้นราวกับเป็นแค่ขยะเมื่ออยู่ต่อหน้าของเขาเอง ไม่นานนักโครนอสก็หันหลังไปหาทหารที่อยู่เบื้องหลังของเขา

“พวกเจ้าทั้งหมดถอยไปซะ” โครนอสกล่าวขึ้น
“ข้ามิอาจจะให้ชาวเมืองและทหารแห่งข้าล้มตายกันอย่างสูญเปล่า”
“ไปยังประตูมิติและหาที่ปลอดภัยเดี๋ยวนี้”

ทหารเหล่านั้นที่ได้ยินก็แสดงถึงสีหน้าที่งุนงง พวกเขาต่างไม่ค่อยยินดีกับคำพูดนั้นที่โครนอสกล่าวออกมา

“ไม่ได้นะท่าน... ท่านจะให้พวกเราหนีไปจากเมืองที่เรารักยิ่งชีพอย่างพวกขี้ขลาดงั้นหรือขอรับ?”
“พวกเราไม่เห็นด้วยหรอก!” ทหารคนนั้นตอบกลับไป
“ใช่แล้วขอรับ! พวกเราจะสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่านแม้นจะเสียเลือดเนื้อสักเพียงใด”
“แม้นวิญญาณนี้จะถูกสังเวย พวกเราก็ยอมขอรับ!” ทหารอีกคนพูดต่อ

เหมือนกับเกิดความขัดแย้งเป็นเรื่องดราม่าขึ้นมา มันทำให้มารเพลิงยิ้มเริงร่าเสียยิ่งกว่าเดิม เขาหาได้คิดจะออกโจมตีในทันที คงจะมองว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นต่อหน้าของเขาเป็นการแสดงละครน้ำเน่า

“ไม่!” โครนอสสวนกลับไปด้วยสีหน้าที่จริงจัง
“พวกเจ้ายังมีลูกเมียและคนที่รักรอให้พวกเจ้ากลับไปหา! ในตอนนี้สิ่งนั้นสำคัญกว่าเมืองแห่งนี้!”
“จงไปตามคนรักของท่านทั้งหลายซะ...”
“เพราะในตอนนี้... พวกเจ้าก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่มีใครจะสามารถเอาชนะมารร้ายตนนี้ได้”
“ไปซะ!” โครนอสตะโกนขึ้น แต่ทหารเหล่านั้นยังคงประจำการอยู่ยังจุดเดิม
“ไปสิ!”

  ทหารกล้าเหล่านั้นหาได้ฟังคำสั่งนายท่านของตัวเอง ซ้ำยังพยายามโต้แย้งไปเรื่อย ไม่ยินยอมให้องค์ราชาของตนเอาชีวิตของตนเองไปเสี่ยงเพื่อที่จะรักษาเมืองนี้และช่วยพวกเขา ทั้งพวกเขาเองยังมองว่าการหนีจากสมรภูมิรบเป็นเรื่องที่เสียเกียรติอันสูงสุดของการเป็นทหาร ทำเช่นนั้นแล้วมันก็มิอาจต่างไปจากสวะ โครนอสเห็นท่าทีของทหารของตนที่ยังคงคิดจะสู้ร่วมกับเขาก็มองว่ามันไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่ ทำแบบนั้นมันมีแต่เอาชีวิตของตัวเองไปทิ้งเท่านั้น หาได้มีประโยชน์อันใดต่อตัวเขาหรือใครเลยสักนิด ในตอนนี้สิ่งที่อยู่ในหัวขององค์ราชามีเพียงแค่การช่วยเหลือชีวิตให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะประชาชนหรือทหารที่พร้อมจะตายก็ตามที ตอนนี้เขาเป็นเจ้าเมืองที่ล้มเหลวมามากพอแล้ว เขาจะไม่ยอมให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นอีกเป็นแน่แท้ เมื่อนั้นเขาจึงแกว่งดาบของตนขึ้นต่อหน้าเหล่าทหาร สร้างแรงลมจนพวกเขาปลิวออกไป ในจังหวะเดียวกันนั้นเองก็ได้สร้างม่านปราณขึ้นมา ครอบคลุมบริเวณภายในที่องค์ราชาและไซอาลอทยืนอยู่ ขนาดม่านนั้นดูใหญ่พอสมควร ดูเหมือนว่าผู้สร้างบาเรียแห่งปราณนั้นขึ้นมีจุดประสงค์ที่จะไม่ให้ทหารคนใดเข้ามายุ่งและทิ้งชีวิตของตนได้ แต่ถ้ามองอีกแง่มันก็เป็นเหมือนการป้องกันคนเหล่านั้นจากมารเพลิงเอง

  เหล่าทหารภายนอกม่านปราณสีขาวหาได้พึงพอใจเลยกับสิ่งที่องค์ราชาได้กระทำลงไป พวกเขาพยายามที่จะเข้าไปภายนั้นโดมนั้น แต่ก็มิอาจจะเข้าไปได้ แม้นว่าจะทุบมันสักเพียงใด จะทำอะไรก็ตามก็มิอาจจะพังมันลงได้ ไซอาลอทที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกแปลกใจที่องค์กษัตริย์ผู้นี้จะกล้าพอที่จะยืนอยู่ต่อหน้าของเขา หวังจะต่อกรกับตนด้วยตัวคนเดียวแบบนั้น ความกล้าและความกังวลนั้นของโครนอส ทำให้ในตอนนี้เขาอยู่ภายในม่านพลังตัวต่อตัวกับมารเพลิงแห่งความตาย ผู้นำแห่งดินแดนสตอร์มโฮล์มหันกลับไปยังมารร้าย ด้วยสีหน้าจริงจัง ดั่งว่าหวังจะเอาชีวิตของเพลิงพิโรธนั้น

“ช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน... โครนอส” มารเพลิงกล่าว

โครนอสหาได้ตอบอะไรกลับไป เขาเพียงแค่จ้องหน้าของมารร้ายตนนั้น แสดงท่าทางที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่าเขาประสงค์ที่จะสู้กับมารเพลิงด้วยตัวเอง

“แต่ช่างน่าตกใจจริงนะ” เขาพูดขึ้นมาต่อ “เมื่อครั้นในมิติแห่งลูเซียสเจ้าก็มิอาจจะเอาชนะข้าได้แม้แต่น้อย”
“แถมยัง.. กลัวข้าเสียอีกต่างหาก แล้วคราวนี้เจ้าคิดจะทำอะไรข้าอีกล่ะหืม?”`

“กว่ายี่สิบปีไซอาลอท.. กว่ายี่สิบปี” โครนอสกล่าวตอบกลับ
“จิตใจของข้ากังวลว่าเจ้าจะตื่นขึ้นมาสู่โลกแห่งนี้ ข้ามิอาจจะนอน จะพักผ่อนได้ตามที่ต้องการ”
“แต่ในวันนี้! มันเป็นดั่งฝันร้ายของข้า... ข้าก็จะทำดั่งที่ข้าเคยทำในยามที่ฝันร้าย”
“ข้าจะใช้ดาบแห่งธรรมนี้ขจัดเจ้าออกไปจากผืนดินแห่งนี้! ข้าจะทำลายล้างเจ้า!”
“ด้วยพลังแห่งข้าและเทพจากฟากฟ้า! ข้าจะลงทัณฑ์เจ้าด้วยพลังจากสรวงสวรรค์เอง!”

“ลงทัณฑ์? ปัญญาอ่อน...” มารเพลิงกล่าวท้วงขึ้นมา พลางยิ้มแย้มไปอย่างพอใจ
“เจ้ามิอาจทำอะไรข้าได้โครนอส ดั่งเช่นในอดีต! เจ้าหลบอยู่หลังของโคลริมและชารอนมานาน...”
“อ่อนแอ! มิอาจจะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง.. แล้วเจ้าบอกข้างั้นหรือว่าจะใช้พลังแห่งเทพมาสังหารข้า!”
“เหล่าเทพทั้งหลายต่างสยบภายใต้ฝ่าเท้าของข้า! และเจ้าก็จะเป็นเช่นนั้น..”
“เมื่อข้าทำลายสตอร์มโฮล์ม เจ้าจะได้มองเห็นพร้อมกับทั่วทั้งดาวดวงนี้”
“ว่าภัยพินาศมันได้มาถึงแล้ว!”

“ไม่มีวัน!”

  องค์ราชาตะโกนกลับไปเป็นการต่อต้านพร้อมกับฟาดฟันกระบี่ของตนหวังจะสร้างบาดแผลให้แก่มารเพลิง คมดาบนั้นมุ่งตรงไปยังอกของไซอาลอท เมื่อนั้นมารเพลิงก็รีบใช้มือของจนปัดดาบนั้นจนทิศทางหักเหไปทางอื่น ไซอาลอทง้างหมัดสุดแรงคิดจะต่อยกลับไป กระนั้นทางด้านของโครนอสก็ไหวตัวทัน เขากระโดดออกจากระยะของหมัดนั้น หลบมันไปได้อย่างหวุดหวิด กำปั้นข้างนั้นของปีศาจร้ายเฉียดใบหน้าของโครนอสจนเกิดเป็นแผลถลอกไหม้ขึ้นมาด้วยความร้อนที่อยู่รอบตัวของปีศาจ โครนอสพยายามจะตั้งรับ คิดถึงสิ่งที่จะทำเป็นขั้นต่อไป เขามิอาจจะเสี่ยงถูกมารเพลิงโจมตีแน่เพราะหากเป็นเช่นนั้นเขาอาจจะตายได้ทุกเมื่อ ไซอาลอทเองก็ยืนนิ่งรอจังหวะของเจ้าของแผ่นดินให้มาหาเขา มารเพลิงกวักมือเรียกชายผู้นั้นเป็นดั่งการยั่วยุเขา โครนอสที่เห็นแบบนั้นก็เกือบที่จะหลงกลและโจมตีมารร้ายไป เขายั้งตัวคิดไว้ได้ทันจึงไม่โจมตีไปในทันที ทันใดนั้นเองมารเพลิงก็เป็นฝ่ายรุดตัวเข้าไปหา เข้าวิ่งไปด้วยความเร็วพร้อมกับเสียงฝีเก้าที่ดังขึ้นมา สั่นสะเทือนแก่ผืนดินอย่างกับว่าจะทำลายแผ่นดินแห่งนี้ด้วยเท้าทั้งสองของตน โครนอสยกดาบขึ้นเบื้องหน้า ชี้ไปหามารเพลิง ทันทีที่ไซอาลอทวิ่งตรงเข้าไปหา ผู้ใช้ดาบแห่งแสงจึงใช้ความเร็วของพลังแสงเข้าช่วย เขาหลบมันไปได้ก่อนจะเหวี่ยงดาบฟันใส่ใบหน้าของไซอาลอทในทันที

  มารเพลิงถูกดาบนั้นฟันเข้าใบหน้าแต่กลัวเป็นเพียงแค่รอยแผลเล็กๆ ดั่งเช่นคมมีดเล็กเท่านั้น โครนอสแกว่งดาบนั้นต่อไปฟันใส่ร่างกายทุกส่วนของมารเพลิงจนเกิดเป็นแผล ไซอาลอทร้องด้วยความเจ็บปวดจนเกิดเป็นเสียงคำรามดั่งเช่นว่ามันออกมาจากปากของมังกรเองเลย เสียงร้องที่ดังกึกก้องนั้นทำให้ร่างของโครนอสปลิวออกไป กระแทกใส่กับม่านพลังของเขาเอง โครนอสล้มลงไปกับพื้นก่อนที่พยายามจะลุกขึ้นมา เขาเห็นว่ามารเพลิงค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาอย่างไม่เร่งรีบ ในมือของมารตนนั้นกำลังก่อปราณเพลิงเป็นลูกบอลกลมอยู่ ทันใดนั้นมารเพลิงก็ขว้างเพลิงพิโรธนั่นไปใส่ปรปักษ์ของเขา โครนอสรีบกลิ้งหลบมัน เขาหลบมันไปได้ บอลนั้นกระแทกใส่ม่านพลังนั้นจนระเบิดออก ก่อให้เกิดรอยแตกเล็กๆ ที่ม่านปราณนั้น ดูท่าพลังนั่นจะแรงพอควรเพราะมันสามารถสร้างรอยแตกให้แก่ม่านพลังระดับสูงแบบนั้นได้ โครนอสหันไปมองที่รอยแตกนั่นด้วยความตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่าพลังของมารเพลิงจะสามารถทำอะไรแบบนั้นได้ แถมนั่นยังเป็นปราณแค่เพียงส่วนเล็กนิดเดียวของไซอาลอทอีกต่างหาก องค์ราชามัวแต่กังวลจนลืมตัว มิหันไปหาศัตรูของตน เขาจึงถูกมารเพลิงเตะเข้าอย่างแรง โครนอสปลิวออกไปกลางอากาศอีกครั้ง เมื่อนั้นมารเพลิงจึงยกมือทั้งสองของเขา สร้างปราณไว้ที่มือทั้งสองดั่งจะเล็งแล้วปล่อยปืนใหญ่ปราณแผดเผาร่างของโครนอส

  เมื่อนั้นเพลิงแห่งความตายก็พุ่งออกมาจากหัตถ์ทั้งสองของเขา มันแผดเผาเสื้อผ้าบางส่วนของโครนอส เมื่อผู้ใช้พลังแห่งแสงรับรู้สึกว่าเขากำลังถูกเพลิงแห่งความตายกลืนกิน จึงรีบกระโดดออกไปจากจุดนั้นทันที ผ้าคลุมของโครนอสถูกเผาจนดำเกรียมพร้อมกับละลายชุดเกราะบางส่วน องค์ราชาปลดผ้าคลุมออกก่อนที่จะโยนมันออกไป ตั้งดาบก่อนที่จะวิ่งตรงไปหามารเพลิง แต่เมื่อระยะของทั้งคู่เริ่มใกล้เข้าเรื่อยๆ จู่ๆ ร่างของชายนามโครนอสก็หายไปในทันที ไซอาลอทหันไปมองรอบข้างด้วยความงุนงงและระแวงว่าชายผู้นั้นหายไปที่แห่งใด เมื่อนั้นโครนอสจึงผุดขึ้นมาเหนืนร่างของมารเพลิงโดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยสักนิด ชายผู้นั้นกดดาบลงไป แทงลงสู่หลังของมารเพลิง มันปักลงไปครึ่งหนึ่งของดาบ แต่กระนั้นโครนอสก็หาได้ที่จะหยุด เขากดดาบเล่มนั้นลงไปอย่างแรงจนร่างของไซอาลอทถูกกดติดอยู่กับผืนดิน โครนอสใช้เท้าอีกข้างของตนเหยียบร่างของมารตนนั้น เป็นดั่งอีกแรงที่ใช้กดร่างของมารเพลิงเพื่อไม่ให้มันลุกขึ้นมาได้ เมื่อนั้นดาบแห่งแสงก็เปล่งพลังของมันออกมา สิ่งนั้นทำให้อสูรร้ายกรีดร้องด้วยความทรมาณ

  โครนอสยังคงกดร่างของมารร้ายเอาไว้ก่อนที่จะปล่อยมือข้างหนึ่งออกจากดาบ ยกมันขึ้นเหนือหัวพร้อมกับแสงปราณที่มือข้างนั้น แสงที่เปล่งออกมาเป็นดั่งสัญลักษณ์คาถาเวทที่ใช้ในการผนึก เมื่อไซอาลอทเห็นเช่นนั้นจึงเบ่งพลังออกมาจากแผลที่ถูกดาบเล่มนั้นปักลง ไม่นานนักมันก็ผุดขึ้นมาซึ่งปราณเพลิงในรูปแบบดั่งหนวดปลาหมึก มันพุ่งออกไปพยายามจะรัดคอของโครนอส แต่ชายผู้นั้นก็ดึงดาบออกมา ฟาดฟันใส่ทุกอย่างที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขา ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองไซอาลอทค่อยๆ ลุกขึ้นมา หันไปมององค์กษัตริย์ที่ถอยฉากออกไป มารเพลิงก้มลงดูแผลของตนที่ถูกดาบเล่มนั้นแทงจนทะลุ ก่อนจะแสยะยิ้ม บาดแผลนั้นค่อยๆ ปิดลงไปและสมานจนหาย เจ้าเมืองที่เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างของมารเพลิงแสดงสีหน้าวิตก

“แสงนั่น... มันรู้สึกเย็บเฉียบมากกว่าที่มันควรจะเป็นนะ” มารเพลิงกล่าว
“มันควรจะแผดเผาร่างของช้ามิใช่หรือยังไงโครนอส?”
“เอาล่ะ... ข้าเล่นมามากพอแล้ว” เขากล่าวขึ้นมาต่อ
“ข้าขอแสดงพลังของข้าหน่อยล่ะกันนะท่านเจ้าเมือง”

  แม้นมารร้ายจะพูดแบบนั้นก็ตามแต่ เขาหาได้ขยับไปที่แห่งใดเลยสักนิด สิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่กางมือทั้งสองข้างออก พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มชวนดูขนลุก ไม่นานนักที่หน้าอกของมารร้ายตนนั้นผุดออกมาเป็นหัวมังกรอย่างเช่นที่เขาเคยทำในยามที่ต่อกรกับเนลเรี่ยน ปากของมังกรอ้าออกกว้าง เมื่อนั้นโครนอสจึงรู้สึกได้ถึงพลังปราณอันล้มหลามทั่วทั้งร่างของมารเพลิง มันมากกว่าที่เขาเคยเห็นมา เหล่าทหารกล้าที่เห็นเช่นนั้นก็แสดงอาการออกมาไม่ต่างจากโครนอสนัก พลังที่เกินความเป็นมนุษย์แบบนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถเอาชนะได้เลย หากพลังนั้นถูกปล่อยออกมาอาจทำลายล้างทุกอย่างได้ภายในพริบตาในระยะพลังของมัน เดิมทีองค์ราชามีความตั้งใจที่จะรับพลังนั้นด้วยปราณของเขาและดาบคู่ใจ แต่หากมันเป็นเช่นนี้เขาก็มิอาจจะต้านทานมันได้แน่ ทันใดนั้นปราณขั้นสูงก็ถูกเปล่งออกมาจากปากของมังกรนั้น เป็นดั่งคลื่นเลเซอร์บีมขนาดยักษ์ พลังนั้นถูกปล่อยออกมาก่อนที่จะเสียงการปลดปล่อยจะดังขึ้นมา

“บรึ้มมมมมมมมม!” เสียงของปราณที่ถูกยิงออกมาดังขึ้นเป็นเสียงดังลั่นอย่างกับแรงระเบิด

  โครนอสรีบกระโดดออกด้านข้างเพื่อหลบการโจมตีนั้น หากแต่ว่ากระสุนปราณนั้นหาได้มีเป้าหมายเป็นโครนอสแต่เป็นการทำลายม่านพลัง เพลิงพิโรธนั้นกระทบใส่ม่านจนทำให้พลังของบาเรียเกิดความไม่เสถียร มันไม่อาจต้านพลังแห่งความตายได้จึงถูกละลายจนเป็นรู รอบข้างของรูนั้นเกิดเป็นเพลิงไหม้และละลายดั่งเหล็กกล้าเมื่อถูกความร้อน พลังปราณที่ทำลายม่านนั้นหาได้หยุดแต่เพียงเท่านั้น มันพุ่งไปในตัวเมือง ทลายทุกอย่างที่ขวางหน้าด้วยอัคคี เหล่าทหารที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกชะล้างด้วยพลังแห่งไซอาลอทจนเหลือเพียงแค่เถ้าธุลีไร้วิญญาณ พลังบีมของไซอาลอทหาได้หยุดเพียงเท่านั้น มันยังคงพุ่งไปตามทิศทางของมันไปเรื่อย ชนใส่โบสถ์ใหญ่ที่เป็นความหวังของคนในเมืองจนสิ้น จนเมื่อพลังนั้นหายไป บริเวณระแวกนั้นที่ถูกยิงด้วยปืนใหญ่หัวมังกรหายไป ไร้ความศิวิไลซ์อีกต่อไป เช่นเดียวกับบาเรียที่สลายตัวไป โครนอสที่เห็นแบบนั้นแสดงสีหน้าอันตกตะลึงออกมา เขารู้สึกช็อคที่เมืองของเขาแทบจะถูกทำลายด้วยกระบวนท่าเดียวของมารเพลิง

  ด้วยความโกรธจนทำให้ชายผู้นี้ไม่ได้ยั้งคิด ความพิโรธที่เมืองของตนถูกทำลายทำให้เขาวิ่งตรงเข้าไปพร้อมกับดาบแห่งแสง แต่ในครั้งนี้เขาหาได้ใช้ความหวังและความดีเป็นตัวชนวนในการสร้างพลังปราณแสงอรุณ กลับกันมันเป็นความโกรธ มันจึงทำให้พลังที่ใช้นั้นไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังไม่ทันที่โครนอสจะไปถึงตัวของไซอาลอทเขาก็ถูกไฟของมารเพลิงโจมตีใส่จนล้มลงไป เขามิอาจจะลุกขึ้นมาได้... เมื่อนั้นมารเพลิงจึงเดินเข้าไปหาชายผู้นั้น จับดาบของโครนอสก่อนจะปักลงผืนดินใส่มือของโครนอสที่พยายามจะหยิบดาบนั้น

“ข้าจะทำให้เจ้าดูว่าความสิ้นหวังมันเป็นยังไง...”

  เมื่อมารเพลิงกล่าวาจาของตนจบ เขากางปีกของตนก่อนที่จะบินขึ้นไปบนฟากฟ้า เหนือเมืองหลวงแห่งสตอร์มโฮล์ม บัดนั้นมารเพลิงก็ยกมือข้างหนึ่งขึ้นเหนือหัว ก่อเกิดซึ่งพลังปราณเป็นบอลขนาดเล็ก แต่มันก็ค่อยๆ ขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ มันดูเหมือนกับว่ามารตนนี้กำลังสร้างพลังระดับสุดยอดหวังจะทำลายเมืองแห่งนี้ให้สิ้นซาก

“จงพินาศเสียสตอร์มโฮล์ม... เหลือเพียงเถ้าภายใต้แทบเท้าของข้าซะ!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XXIII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: