Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI   Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI EmptySun Feb 19, 2017 8:18 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XXXVI

------------

  ชายหนุ่มนักดาบล่าปีศาจและนางแวมไพร์แห่งโลหิต... พวกเขากำลังยืนอยู่ต่อหน้ากับหนึ่งในสิ่งมีชีวิตที่อันตรายที่สุดในทวีปแห่งเอสซิโอนิค มันคือเยติโบราณที่อยู่คู่กับดาวดวงนี้มานับพันปี ด้วยร่างกายที่ใหญ่เกินกว่ามนุษย์หลายเท่าตัว พลกำลังที่แข็งแกร่งและรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อผิดกับรูปลักษณ์ขนาดตัว แถมมันยังมีพลังปราณขนาดมหาศาลอยู่ภายในตัวอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าสัตว์สิ่งมีชีวิตหรือแม้กระทั่งป่าไม้ อะไรก็ตามที่มันสามารถหายใจ มีชีวิตอยู่ได้ล้วนแล้วแต่มีพลังปราณทั้งนั้น และสัตว์กว่าร้อยละเก้าสิบไม่สามารถขับพลังงานปราณออกมาใช้เป็นอาวุธ เกราะหรือทำอะไรได้เลยแม้แต่น้อย นั่นเพราะการที่จะใช้ปราณนั้นจำเป็นต้องผ่านการฝึกฝนหรือต้องมีความรู้ ความเข้าใจในการทำงานของระบบพลังภายในเสียก่อน แต่เยตินี้กลับต่างออกไป มันสามารถใช้พลังปราณได้ราวกับมนุษย์ผู้มีการศึกษาไม่มีผิดโดยที่มันไม่เคยแม้แต่จะเรียนรู้ด้วยซ้ำ คงจะเป็นเพราะอะไรสักอย่างที่มนุษย์ยังไม่สามารถรู้ได้ แต่อย่างไรก็ตามแต่ ทั้งด้านพลกำลังทางกายาและสามารถใช้ปราณมหาศาลได้นั้นก็ถือว่าอันตรายมากพออยู่แล้ว ยิ่งบวกกับความดุดันและสภาพอากาศที่มันอาศัยอยู่ซึ่งเป็นแดนหิมะ ถือเป็นทำเล ถิ่นฐานของเยติอย่างแท้จริง มันจึงยิ่งทำให้สิ่งมีชีวิตนี้ได้เปรียบคู่ต่อสู้ที่มันต่อกร เพราะฉะนั้นหากจะบอกว่าทั้งชารอนและคาร์เอลเป็นเหยื่อในกรงก็คงไม่ผิดนัก

  ชายหญิงทั้งสองยืนนิ่งเฉย สายตาจ้องมองเยติด้วยความตกใจพอควร พยายามที่จะไม่ทำอะไรให้มันโมโหเข้า อันที่จริงน่าจะบอกว่าพยายามจะไม่ให้มันรู้ตัวเสียมากกว่า การขยับทุกฝีก้าวโดยหุนหันล่ะก็อาจเป็นการสร้างความสนใจให้กับอสูรยักษ์ตนนั้นจนมันมองว่าเป็นการแสดงการขมขู่ต่อมันก็ได้ ชารอนและคาร์เอลหันหน้ามองกัน รู้ถึงสิ่งที่พวกเขาควรจะทำ ทั้งคู่พยายามจะก้าวถอยฉากไปช้าๆ เพื่อไม่ให้เยติตนนี้รู้ตัว แต่ด้วยความที่หิมะค่อนข้างสูงเกือบเท่าเข่า จึงทำให้การขยับเขยื่อนร่างกายนั้นลำบากพอควร กระนั้นก็จำเป็นที่จะไม่เปล่งพลังปราณออกไปมากจนเกินไป เนื่องด้วยเยตินั้นสามารถใช้พลังปราณได้ มันก็สามารถตรวจจับพลังปราณได้ดั่งเช่นผู้ใช้ปราณระดับสูงทำได้เช่นกัน หากมันรับรู้ว่าตัวปราณในร่างของคนใดคนหนึ่งสูงจนผิดปกติราวกับกำลังจะใช้งาน มันก็จะรู้ตัวทันทีและอาจจะออกโจมตีในยามใดก็เป็นได้ แต่มันเป็นอะไรที่ยากสำหรับหญิงสาวผมแดงอยู่พอควร ด้วยความที่ตัวเธอนั้นแตกต่างออกไปจากผู้ใช้พลังปราณปกติทั้งเรื่องคุณสมบัติพลังธาตุ และจำนวนพลังปราณในตัวของเธอ เธอจึงมีปราณเอ่อล้นออกจากตัวจนแทบจะได้กลิ่นราวกับเป็นคนพลังปราณแตกซ่านเลยด้วยซ้ำ แต่ต่างที่เธอยังสามารถควบคุมตัวได้ไม่เหมือนครั้นที่ได้ต่อกรกับเนลเรี่ยน หากเยติได้กลิ่นไอปราณของเธอล่ะก็ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่

“เจ้าแน่ใจงั้นหรือว่านี่จะได้ผลน่ะ?” ชารอนกล่าวกระซิบถามชายหนุ่มนักดาบผู้เป็นมิตร
“ข้าก็ไม่แน่ใจ...” เขาตอบ “ทั้งร่างกายที่ขยับยากแบบนี้ และกลิ่นปราณของเธอ..”
“เราคงจะถอยจากมันได้ไม่นานนักหรอก”

ยังถือว่าโชคดีสำหรับทั้งสองคนอยู่ที่เยติไม่แสดงท่าทีอันใดแปลกๆ ออกมา ราวกับว่ามันยังคงไม่รู้ตัวหรืออาจจะไม่ได้มองทั้งสองเป็นศัตรูก็ได้ ถึงแม้ว่ามันจะยืนนิ่งเฉยไม่แสดงอาการอะไรออกมาก็ตามที แต่ก็ไม่สามารถโล่งใจได้จนกว่าจะหลุดจากอสูรตนนี้ได้หรอก

“ปึกกกกกก!” เสียงของวัตถุอะไรสักอย่างขนาดใหญ่กระแทกใส่กับร่างของมนุษย์ดังขึ้นมา

  มันเป็นขาของเยติตัวนั้นที่ตวัดจนไปฟาดเข้าไปกลางท้องของดาบใหญ่ล่าปีศาจเข้าเต็มๆ แม้นว่าชายผู้นี้จะไหวตัวทันในจังหวะที่ขาข้างนั้นถูกตวัดออกมา ใช้ตัวดาบรับการกระแทกนั้นแต่ก็มิอาจสู้กำลังเหนือมนุษย์ได้จนร่างปลิวออกไปไกลอย่างกับว่าตัวเขาโดนเหวี่ยง ไกลจนพายุหิมะบดบัง มองไม่เห็นร่างของหนุ่มผู้นั้นเลย เมื่อนั้นเยติจึงประกบมือทั้งสองเข้า กำมือทั้งสองเข้าด้วยกันก่อนที่จะฟาดลงใส่ชารอนราวกับเป็นกระบวนท่าหัตถ์ขวานทลายภูผา หญิงสาวกระโดดหลบไปได้อย่างหวุดหวิด ด้วยพลกำลังอันมหาศาลแบบนั้นฟาดลงกับผืนดินสั่นสะเทือนไปทั่วแดนจนหญิงสาวที่ล่องลอยกลางอากาศเองก็สามารถรับรู้ถึงมันได้ หากโดนมันเข้าไปล่ะก็ร่างกายคงแหลกคามือทั้งสองของอสูรน้ำแข็งตนนั้นไปแล้ว ไม่ทันไรมันจึงดีดตัวขึ้นมาบนฟากฟ้า กระโจนตัวเข้าไปหาหญิงสาวผู้นั้นอย่างรวดเร็วราวกับกระสุนปืนใหญ่ที่ถูกยิงออกจากกระบอกปืน ดูเร็วจนน่าเหลือเชื่อ แต่ชารอนก็มิอาจจะมามัวพิศวงไปกับความเร็วนั้นได้ เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะหลบร่างนั้น เมื่อนั้นแวมไพร์สาวจึงควักแส้ อาวุธประจำตัวที่คาดอยู่ข้างเอวของเธอเอง แกว่งมันหมุนไปมาวนเป็นทรงกลมราวกับเป็นการสร้างแรงลม

  เธอสะบัดอาวุธของตนไปเรื่อยในระหว่างที่เยติเข้าใกล้ตัวเธอขึ้นทุกที จนเมื่อมันเข้าถึงระยะของแส้นั้นแล้ว แต่มันก็หาได้เข้ารัดร่างของยักษ์ใหญ่ตนนั้นอย่างที่ควรจะเป็นเลย ชารอนหาได้สนใจกับสิ่งที่ปรากฏและยังคงเหวี่ยงแส้ของตนไปเรื่อย ไม่นานนักมันจึงเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นมา เป็นดั่งทอร์นาโดที่มีใจกลางเป็นตาพายุ ซัดร่างของเยติออกไป อสูรตนนั้นถูกแรงลมซัดร่างจนพุ่งลงกระแทกใส่กับผืนดินอย่างแรง เช่นนั้นแล้วหญิงสาวผมแดงจึงหยุดกระบวนท่าวายุกรีดวิญญาณลง กำด้ามจับแส้นั้นก่อนจะเหวี่ยงสายแส้ให้พันมือของตนเอง เธอขับพลังปราณแห่งลมออกไปสู่แส้ตัวนั้นจนเกิดเป็นหนามดั่งลำต้นของดอกกุหลาบ กลายเป็นหมัดวายุท่าทางดูรุนแรง หล่อนเริ่มดิ่งลงไปสู่ร่างของศัตรูของเธอ ชกหมัดข้างนั้นที่เต็มไปด้วยพลังลมออกไปหวังจะสังหารเยติตนนี้ แต่หมัดนั้นกลับถูกหยุดไว้โดยอสูรเยือกแข็งตนนั้น มันใช้มือขนาดใหญ่เพียงข้างเดียวในการรับการโจมตีนั้น แม้นว่าแรงลมทอร์นาโดของชารอนจะสามารถบาดแผลให้กับหัตถ์แห่งเยตินับร้อยพันเป็นรอยบาดจากของมีคม โลหิตของอสูรถูกขับออกมาราวกับคลื่นสาดกระเซ็นแต่มันหาได้สนใจ ทันใดนั้นมันจึงกำหมัดหนามของชารอนราวกับไม่รู้สึกเจ็บ ก่อนจะฟาดเธอลงไปกับผืนดินอย่างแรง

  เธอถูกฟาดลงราวกับเป็นไม้ที่ถูกเหวี่ยงกระนั้นมันก็ยังไม่หยุดลงเพียงแค่ครั้งเดียว อสูรเยือกแข็งฟาดเธอลงไปเรื่อยราวกับเป็นการระบายอารมณ์คลั่งของมันโดยที่ชารอนไม่มีโอกาสที่จะสามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย หล่อนรู้สึกมึน มองภาพเห็นดั่งว่าโลกกำลังหมุนไปมาอย่างรวดเร็ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไปร่างกายของเธออาจจะไม่สามารถรับแรงกระแทกได้แน่ หล่อนพยายามจะเรียกสติกลับมา เธอสะบัดหน้าไปมาจนรู้สึกตัวก่อนที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่าง แกว่งขาออกเป็นเพลงเตะเข้าใส่เอวด้านซ้ายของอสูร มันทำให้เยติตนนั้นทรุดลงไปในทันที ชารอนพยายามจะขยับตัวให้หลุดออกจากเงื้อมมือของปีศาจตนนี้ เธอขยับแขนข้างที่พันแส้เอาไว้ เปล่งพลังปราณเข้าใส่แต่ก็ไม่เป็นผลอันใดเลย เยติที่ยังจับแขนของเธอไว้แน่นกระชากตัวของหล่อนขึ้นกลางอากาศ แรงพอราวกับจะเป็นการกระชากแขนให้ขาดออกจากตัว แต่หล่อนเป็นแวมไพร์ที่แกร่งกว่ามนุษย์บวกกับความแกร่งด้านกายาและปราณ มันจึงทำให้หล่อนรู้สึกเพียงเหมือนกับไหล่หลุดเท่านั้น หากเป็นคนธรรมดาร่างคงขาดออกเป็นสองส่วนแล้ว เยติปล่อยร่างของชารอนให้ลอยอยู่บนอากาศก่อนจะออกแรงเท้าถีบออกไปใส่ร่างของเธอ ปลิวไปตามแรงกระแทกใส่ภูผาเข้าอย่างจัง

หล่อนแทบจะไม่รู้สึกตัวว่ามันกำลังเกิดอะไรขึ้น ส่วนสมองที่รู้สึกมึนจนแทบจะมองไม่เห็นภาพอะไรต่อหน้า ไม่รู้ตัวเลยเสียด้วยซ้ำว่าหล่อนกำลังมีภัยอันตรายเข้าใกล้ตัว เยติตนนั้นวิ่งไปหาเธออย่างรวดเร็ว เตรียมหมัดจะทลายศีรษะของเธอให้แหลกคามือของมัน เมื่อนั้นหมัดข้างขวาที่ชาร์จพลังปราณเต็มที่จึงพุ่งเข้าไปหาชารอนอย่างรวดเร็ว

“เคร้งงงงงงงง!” มันกระแทกใส่กับคมดาบเหล็กไหลเข้าอย่างจัง ทำให้โลหิตของมันไหลรินออกมา

  อสูรน้ำแข็งต่อยหมัดของตนเข้าใส่คมดาบคร่ามังกรเข้าอย่างจัง จนคมดาบทะลุเข้าเนื้อของมันไป เยติกรีดร้องอย่างทรมาณกับบาดแผลลึกที่ตนเองได้รับ เมื่อนั้นคาร์เอลจึงดึงดาบเล่มนั้นออกมาก่อนจะแกว่งมันโดยพุ่งเป้าหมายไปหาเยติปีศาจตนนั้น ฟันเข้าใส่เอวข้างเดียวกันกับที่ชารอนถีบเข้าไป แต่ก็มิสามารถสะบั้นร่างอันใหญ่ยักษ์ให้ขาดออกได้ กลับกันมันเพียงแค่เข้าไปแค่ครึ่งดาบเท่านั้น คาร์เอลพยายามจะดึงดาบของตนออกแต่ก็มิเป็นผล เมื่อนั้นเยติจึงใช้มือทั้งสองข้างของมันกดดาบเอาไว้ ราวกับจะให้มันเฉือนร่างของผู้ถูกโจมตีเอง แม้แต่พลกำลังของผู้ที่สามารถกวัดแกว่งดาบเหล็กไหลคร่ามังกร ดาบที่แม้นแต่โกเล็มก็ไม่สามารถกวัดแกว่งดาบนั้นได้ กลับไม่สามารถสู้พลังแห่งเยติตนนี้ได้ เพียงชั่วพริบตาชายหนุ่มผู้นั้นจึงปล่อยมือออกจากดาบเล่มนั้น ยกมือโลหะสีแดงของตนขึ้นมาก่อนที่ข้อนิ้วทั้งห้าจะเปิดออกเป็นรูเหมือนกับจะขับอะไรสักอย่างออกมา ทันใดนั้นมือเหล็กไหลก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นดั่งปืนกลขนาดเล็ก รัวกระสุนปราณเหล็กไหลเข้าใส่ร่างของปีศาจ

  กระสุนปราณเหล็กไหลเหล่านั้นที่จับตัวจนกลายเป็นของแข็งราวกับเหล็กไหลแท้จริง พุ่งเข้าใส่ร่างของปีศาจราวกับเป็นห่าฝน แม้นว่ามันจะไม่ค่อยสร้างบาดแผลอะไรให้กับปีศาจตนนี้มากด้วยกระสุนเพียงไม่กี่นัด แต่มากเช่นนี้ก็สร้างแผลเป็นรูเหวอะให้กับเยติน้ำแข็งเช่นกัน มันถอยฉากออกไปทันใดที่ถูกกระสุนนับพันพุ่งเข้าใส่ ทรุดตัวลง ใช้มือทั้งสองข้างบังกระสุนไม่ให้โดนอวัยวะส่วนสำคัญ คาร์เอลที่เห็นเช่นนั้นก็หาได้หยุดการโจมตีนั้นเพียงเท่านี้ เขายังคงสาดกระสุนออกไปอย่างบ้าคลั่ง แต่การกระทำเช่นนี้หาใช่วิธีที่ฉลาดเท่าไหร่นัก แม้ว่ามันจะได้ผลแต่ก็ผลาญปราณไปอย่างมาก หากเยติไม่เป็นอันตรายอันใดเสียก่อนเขาเองที่จะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบเพราะหมดแรงก็เป็นได้ ไม่นานนักชายหนุ่มจึงหยุดยิงกระสุนปราณของตน ก่อนจะยิงตะขอโซ่เหล็กเกี่ยวดาบเหล็กไหลเอาไว้ ใช้แรงดึงของเครื่องมือในการช่วยเหลือ บวกกับพลกำลังของตนเองดึงดาบจนหลุดออกมา ด้วยกำลังในการดึงดาบใหญ่เล่มนั้นมันมากเกินไป จึงทำให้มันลอยออกไปเกินระยะจนคาร์เอลไม่สามารถจับมันได้ด้วยเอื้อมมือของตน ชายผู้นั้นจึงหันหลังให้แก่ปีศาจตนนั้น เปิดช่องโหว่ให้แก่เยติเพื่อที่ตนจะสามารถจับอาวุธของตนได้

เขาจับอาวุธนั้นได้ก่อนที่จะหันกลับไปหาศัตรูของตน เตรียมแกว่งดาบสังหารปีศาจเยติแห่งหิมะแต่ก็ถูกหมัดอันใหญ่ยักษ์ซัดเข้าใส่กลางใบหน้าจนปลิวออกไปไกล

“ตึงงงงงงงง!” ร่างของคาร์เอลกระแทกใส่ภูเขาอีกฝั่งหนึ่งไม่ไกลนัก

  ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองชารอนลุกขึ้นยืน สะบัดหน้าไปมาเพื่อทำให้ตนเองหายมึน ก่อนที่หล่อนจะกระโจนตัวเข้าไปหาเยติตนนั้นอีกครั้ง ในระหว่างที่มันกำลังเผลอและออกแรงโจมตีคาร์เอลจนปลิวออกไปอยู่ หล่อนจึงเหวี่ยงแส้ของตน รัดเข้าใบหน้าของปีศาจตนนั้น รัดมันแน่นด้วยแส้หนามแห่งโลหิต จนไม่สามารถหลุดออกจากศีรษะของเยติได้ มันใช้มือทั้งสองเพื่อที่จะดึงแส้นั้นออก แต่ก็ไม่สามารถสู้แรงปราณแห่งชารอนที่สร้างกำลังรัดได้ ไม่นานนักคาร์เอลจึงรุดตัวขึ้นมา กำดาบไว้แน่นก่อนจะโจมตีใส่ปีศาจตนนั้น เขาแกว่งเพลงดาบอย่างบ้าคลั่ง หาได้อ่อนช้อยเหมือนกับเพลงดาบของนักดาบระดับสูงคนอื่นเลยสักนิด ที่น่าประหลาดคือดาบใหญ่เหล็กไหลเล่มนั้นถูกสะบัดอย่างรวดเร็วราวกับดาบธรรมดาก็มิปาน เผลอๆ อาจจะเร็วเสียยิ่งกว่าเพลงดาบของบุคคลธรรมดาเสียด้วยซ้ำไป มันฟาดฟันใส่ร่างของเยติแทบทุกส่วนที่ดาบเล่มนี้จะสามารถสัมผัสได้ เพลงดาบเหล็กที่บ้าคลั่งราวกับพายุซัด มันถูกเรียกว่าเพลงดาบเครื่องจักรสังหาร หนึ่งในเพลงดาบที่สร้างชื่อเสียงให้แก่หนุ่มผู้นี้จนดังไปทั่วผืนภพ มันเป็นวิชาดาบที่จะฟาดฟันดาบคร่ามังกรไปเรื่อยจนกว่าผู้ถูกกระทำจะแหลกเป็นชิ้นๆ หรือจนกว่าผู้ใช้งานจะเหนื่อยเสียก่อน ว่ากันว่าไม่เคยมีมารตนใดสามารถรอดไปจากกระบวนท่านี้ได้เลยสักตน

  แต่เยติตนนี้ต่างออกไป และคาร์เอลก็ไม่เคยเจอปีศาจแบบนี้มาก่อนเช่นกัน แม้นว่าคมดาบเหล่านั้นจะสร้างบาดแผลขนาดใหญ่ให้แก่ปีศาจร้ายก็ตามที แต่มันก็หาได้เป็นการสังหารเยติลงได้เลย มันไม่สามารถทำให้อสูรน้ำแข็งตนนี้ทรุดตัวลงไปยังผืนดินเสียด้วยซ้ำ มันพยายามจะปกป้องตัวเองอย่างที่สุดเพื่อจะไม่ให้ได้รับบาดเจ็บ แต่คมดาบเหล่านั้นเร็วไปเกินไป บวกกับที่มันถูกแส้ดึงศีรษะจากด้านหลัง ไม่สามารถขยับตัวได้ตามต้องการ กลายเป็นดั่งเป้านึ่งแก่นักสู้ทั้งสองไปโดยปริยาย มันเริ่มเหวี่ยงแขนอย่างมั่วซั่ว ไม่สามารถเห็นอะไรได้เนื่องเพราะแส้ที่ปิดตาทั้งสองข้างของมันอยู่ แขนทั้งสองของมันแทบจะฟาดไม่ถูกชารอนหรือแม้กระทั่งคาร์เอลที่อยู่ใกล้ตัวกว่าด้วยซ้ำ บัดนั้นชารอนจึงกระตุกแส้ของตนลงเป็นการหักคอของปีศาจตนนี้จนเกิดเสียงกระดูกหักขึ้น ไม่นานนักร่างอันใหญ่ยักษ์ของมันจึงล้มลงไปสู่ผืนดิน เมื่อนั้นบรรยากาศทั้งหมดจึงตกอยู่ในความเงียบงัน หาได้มีเสียงอันใดนอกจากพายุหิมะ ดูเหมือนการต่อสู้จะจบลงแล้ว

“ทำไมเยติตนนี้มันถึงได้แกร่งนักล่ะ?” คาร์เอลกล่าวถามขึ้นพลางเดินไปตรวจเช็คดูให้แน่ใจว่าเยติตนนั้นตายแล้ว
“ข้าพอจะเคยอ่านผ่านๆ จากหนังสือบ้าง.. แต่นี่มันไม่เหมือนกับที่คาดไว้เลย”

ชารอนหาได้ตอบวาจาอันใดกลับ หล่อนเดินไปดูสภาพศพของเยติตนนั้น พบเห็นปราณจำนวนมากไหลรินอยู่ภายในตัวของปีศาจตนนั้น พร้อมกับโลหิตที่อยู่ภายในแผลใหญ่แต่ละส่วนของอสูรเยือกแข็งที่แข็งตัวจนปิดแผลทุกส่วนอย่างรวดเร็ว มันหาได้เป็นเพราะเม็ดเลือดที่จับตัวกันเป็นก้อนเพื่ออุดตันบาดแผล แต่เป็นเหมือนกับว่าโลหิตเหล่านั้นถูกแช่แข็ง ไม่ใช่จากสภาพอากาศภายนอก แต่เป็นภายในกายาของมันเอง

“ข้าพอจะรู้ว่าทำไม..” ชารอนกล่าวขึ้น ค่อยๆ ถอยฉากออกจากร่างของเยติช้าๆ
“ท่านคาร์เอล... ถอยออกมาค่ะ” เธอกล่าวเตือนหนุ่มผู้นั้นต่อ

ชายผู้นั้นหันไปมองเธอด้วยความสงสัย เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงกล่าวเช่นนั้นกับเขา แต่หนุ่มผู้นี้ก็ยอมทำตามที่เธอกล่าวแต่โดยดี

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เขาถามขึ้น
“มันยังไม่ตาย...” ชารอนตอบ
“เธอรู้ได้ยังไงกัน?”
“เพราะมันไม่สามารถฆ่าตายได้... หากร่างของมันยังเชื่อมต่อกันแบบนี้อยู่”
“เจ้าจะบอกว่าต้องทำลายกายหยาบของมันเพื่อจะสังหารมันงั้นรึ?”
“ใช่ค่ะ..”

ระหว่างที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่ ได้เกิดปราณน้ำแข็งเอ่อล้นออกมาจากตัวของปีศาจตนนั้น มันสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าจนทั้งคู่มั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองกำลังสู้ด้วยหาได้ถูกสังหารอย่างเด็ดขาด

“นี่มันตัวอะไรกันเนี่ย..” คาร์เอลกล่าวถามเชิงโวหาร
“เยติแห่งอาร์ชเดล” ชารอนกล่าว “ไม่สิ... ผู้ปกป้องประตูหน้าปราสาท..”
“ไม่ผิดแน่.. พวกเราอยู่ไม่ไกลจากตัวปราสาทแห่งอาร์ชเดลที่เราตามหาแน่นอนค่ะ”

“อะไรนะ?!” คาร์เอลถามแทรก

“สิ่งมีชีวิตนี้คือหนึ่งในผู้ปกป้องประตูหน้าปราสาท องค์รักษ์แห่งปราสาทอาร์ชเดล”
“โดยที่พวกมันจะอยู่เพื่อแค่โดยรอบของปราสาท รัศมีประมาณเพียงห้าร้อยเมตรจากตัวปราสาทเท่านั้น”
“ถึงว่าทำไมการโจมตีของข้าที่สามารถฆ่าสัตว์ป่าธรรมดาได้ถึงไม่สามารถโค่นมันลงได้” เธอกล่าว

  สิ่งที่ถูกเรียกว่าองค์รักษ์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน บาดแผลทั้งหมดก็ค่อยๆ เริ่มรักษาตัวเรื่อยๆ ด้วยพลังแห่งน้ำแข็งราวกับว่ามันได้รับพลังมาจากอะไรหรือใครสักคน มันจ้องมองชายหญิงทั้งสองราวกับเป็นเครื่องจักรไร้ชีวิต ที่ทำหน้าที่เพียงแค่ปกป้อง สังหารเท่านั้น เมื่อนั้นมันจึงยื่นมือทั้งสองเข้าไปหาตัวของคาร์เอลและชารอนอย่างรวดเร็ว หวังจะจับร่างของปรปักษ์ทั้งสองให้อยู่หมัด แต่ทั้งคู่ก็กระโดดหลบออกไปคนละฝั่ง คาร์เอลฟาดฟันเพลงดาบของตนเข้าใส่ปีศาจร่างยักษ์นั้นอีกครั้ง ตามด้วยชารอนที่ตวัดแส้สร้างพลังลมเพื่อสร้างบาดแผลให้แก่เยติแห่งอาร์ชเดลตนนั้น แม้นว่าบาดแผลใหม่จะเปิดออกก็ตามที แต่ก็หาได้ทำให้อสูรตนนั้นหยุดการโจมตีของตนเลย มันราวกับว่าไม่มีความรู้สึกอันใดเลยแม้แต่นิดเดียว หมัดที่ถูกปล่อยรัวออกไปอย่างไม่รู้จบโดยเป้าหมายของมันมีเพียงแค่ทำลายล้างบุคคลที่ต่อกรกับมันเท่านั้น หากใครสักคนถูกหมัดนั้นเข้าอย่างจังอีกสักครั้งล่ะก็อาจทำให้กระดูกบางส่วนหักจนทรงตัวไม่ไหวก็ได้

“แล้วมันต่างจากเยติโบราณธรรมดายังไงกันล่ะ?” ชายหนุ่มกล่าวถามขึ้นอีก

“กระดูกภายในมันไม่ใช่กระดูกที่สังเคราะห์ขึ้นโดยธรรมชาติ”
“แต่ภายในกระดูกกว่าสองร้อยชิ้นล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นมาจากปราณน้ำแข็งจนเป็นอวัยวะ” เธออธิบาย
“เจ้ากำลังจะบอกว่ามันถูกสร้างขึ้นมาด้วยน้ำมือของมนุษย์งั้นหรือ?”
“ก็คงประมาณนั้นค่ะ... แต่ที่แน่ๆ ปฏิกริยาทั้งหมดของมันหาใช่เป็นการประพฤติแบบสัตว์ป่า”
“การขยับเขยื่อนร่างกายราวกับเป็นผู้มีปราณยุทธ์การต่อสู้ การคิดที่จะเคลื่อนไหวแต่ละอย่าง”
“ตั้งแต่ทีแรกที่มันยืนขวางทางเราแล้ว.. มันมองเราเป็นผู้บุกรุกและจะกำจัดทิ้ง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง”
“มันคือหุ่นน้ำแข็งในร่างชีวภาพที่ทำหน้าที่ปกป้องปราสาทมานับศตวรรษ”
“แต่ด้วยความที่เจ้าของปราสาทได้สิ้นชีวาไปแล้ว มันจึงหาได้มีใครคอยสั่งมัน”
“สิ่งเดียวที่มันทำอยู่คือคำสั่งสุดท้ายที่มันได้รับ... นั่นคือทำลายทุกอย่างที่เข้าใกล้ปราสาท!” เธอตอบ

  ในระหว่างที่เธอกำลังอธิบายถึงสิ่งมีชีวิตที่พวกเขากำลังต่อกรด้วย การโจมตีของเยติก็ยังไม่เสร็จสิ้น เช่นเดียวกับการโจมตีของชารอนและคาร์เอล แต่ที่ต่างออกไปจากเมื่อครู่คือพวกเขาทั้งคู่เริ่มช้าลงและเป็นเยติที่รวดเร็วขึ้น อันที่จริงแล้วความเร็วของทั้งคู่ชายหญิงหาได้ลดลงเลยแม้แต่น้อยแต่เป็นตัวขององค์รักษ์แห่งอาร์ชเดลต่างหากที่รวดเร็วขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วทั้งคาร์เอลและชารอนก็มิอาจจะออกตัวโจมตีอย่างเดียวได้ พวกเขามิอาจต่อกรความความเร็วผิดมนุษย์แบบนั้นได้ไหว จึงจำเป็นต้องป้องกันตัวเองถี่มากขึ้นจนแทบไม่มีโอกาสได้จู่โจมเลย หมัดขนาดใหญ่ดั่งค้อนจากฟากฟ้าถูกเหวี่ยงไม่หยุดราวกับว่ามันไม่รู้จักคำว่าเหน็ดเหนื่อย มันกระแทกใส่ดาบของคาร์เอลหลายครั้งแต่ก็หาได้ทำให้การโจมตีหยุดลง แม้ว่าดาบเหล็กไหลนั้นจะหาได้มีรอยขีดข่วนอันใดจากการโจมตีเหล่านั้นและคาร์เอลจะจับดาบนั้นไว้แน่นก็ตาม แต่มือของผู้ใช้เริ่มทนแรงกระแทกไม่ไหว เขากำด้ามดาบไว้จนโลหิตไหลรินออกจากมือ จนแทบจะรู้สึกได้ว่ามือของตนได้ชาไปทั่วแล้ว มิอาจจะขยับมันได้ดั่งใจนึก

“แต่ว่า... มันดูแปลกๆ ไม่ใช่หรือ”
“ข้าหมายถึงถ้านั่นเป็นคำสั่งสุดท้ายของมันจริงๆ ล่ะก็...”
“มันก็ดูเหมือนกับว่ากำลังพยายามขัดขวางใครสักคนเพื่อไม่ให้เข้าถึงตัวปราสาทไม่ใช่หรอ?” ชายหนุ่มกล่าวถามต่อ

“ใช่ค่ะ” เธอตอบกลับ “และนั่นคือไซอาลอท..”
“แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงกันล่ะ?!” หนุ่มคาร์เอลยังคงไม่หยุดคำถามของตน

“ก็อย่างที่ท่านอัลทานิสได้กล่าวไปไงคะ... มีความเป็นไปได้ว่าเนลเรี่ยนจะอยู่ที่นั่น ฝึกฝนตัวในปราสาทแห่งน้ำแข็ง”
“จึงมีความเป็นไปได้ว่าทุกอย่างมันได้ถูกกำหนดไว้แต่เริ่มแล้ว ว่าผู้มีปราณแห่งซินโดร่าจะต้องถูกพาตัว หรือเดินทางไปยังปราสาทแห่งนั้นแน่ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง”
“หากไซอาลอทเข้าถึงตัวปราสาทก่อนเวลานั้น หรือในช่วงเวลานั้นก็ถือว่าจบกัน..”
“แต่ที่ข้าว่าไปก็แค่การคาดเดาเท่านั้นล่ะนะคะ..”

“ที่ท่านพูดก็มีเหตุผลพอที่จะเป็นจริงได้”
“งั้นก็แสดงว่าเราก็จำเป็นที่จะต้องฆ่ามันจริงๆ ล่ะนะ”

  เช่นนั้นแล้วนักดาบคร่ามังกรจึงถอยฉากออกจากระยะการโจมตีของยักษ์ใหญ่ตนนั้น และชารอนก็ทำหน้าที่เป็นตัวล่อเป้า คาร์เอลยกดาบขึ้นตั้งท่าเตรียมจะฟาดฟันใสฉับเดียว รวบรวมปราณธาตุเหล็กของตนเข้าที่ตัวดาบ ใช้ปราณเหล่านั้นคลุมทั่วทั้งดาบนั้นเพื่อเสริมความแกร่งและความคม ราวกับว่าตั้งใจจะให้การโจมตีนี้เป็นการโจมตีสุดท้าย วัดดวงทั้งหมดเพื่อชัยชนะ แต่หากพลาดขึ้นมานั่นย่อมหมายถึงตัวเขาที่จะเป็นอันตรายเสียเอง ทั้งปราณที่ถูกใช้ไปแล้วกว่าครึ่งและมือข้างหนึ่งที่หาได้เป็นแขนเทียมโลหะเริ่มไม่ไหวต่อการแกว่งดาบ กระดูกทั่วทั้งมือนั้นแทบจะแตกละเอียดในยามที่เขากันการโจมตีของเยติด้วยดาบจนตัวดาบสั่นกระทบทำลายสภาพมือข้างนั้น แต่ด้วยที่ชายหนุ่มยังใช้ปราณเหล็กคลุมมือข้างนั้นอยู่ เปรียบเสมือนการสร้างกระดูกชั่วคราวจึงยังทำให้เขาสามารถใช้การได้ในระยะหนึ่ง

  เขาเลื่อนขาขวาไปข้างหน้าและกดน้ำหนักทั้งหมดลงไปที่ขาซ้าย ใช้เป็นแกนหลักเป็นฐานการทรงตัวของเขา เมื่อใดก็ตามที่เขาเตรียมพร้อมที่จะฟาดเพลงดาบโลหะทลายเมฆ เขาจะเบี่ยงตัวออกไปข้างหน้า กดน้ำหนักออกไปที่ขาขวาแทนแล้วฟันดาบลงเพื่อปล่อยคลื่นพลังโลหะ ด้วยพลังเช่นนี้ มันสามารถที่จะทำลายล้างภูเขาใหญ่ได้เพียงฉับการโจมตีเดียว ชารอนเห็นทีท่าว่าคาร์เอลกำลังจะปล่อยเพลงดาบนั้น เธอจึงดีดตัวออกจากระยะรัศมี เช่นนั้นแล้วชายหนุ่มจึงฟาดฟันดาบลงไปและคลื่นปราณเหล็กไหลซัดสาดที่ก่อตัวเป็นคมมีดขนาดยักษ์เฉกเช่นโลหะจริง องค์รักษ์แห่งอาร์ชเดลมิทันได้สังเกตสิ่งนั้น มัวแต่สนใจกับชารอนที่ถอยตัวออก มันพยายามจะโจมตีเธอด้วยกำปั้นเยือกแข็ง ปล่อยหมัดออกไป พุ่งเข้าหาตัวหญิงสาวอย่างรวดเร็ว แต่มันก็หยุดลงภายในวินาทีสุดท้าย เยติตนนี้ถูกคลื่นออร่าสะบั้นร่างจนขาดเป็นสองส่วน แทบจะไม่รู้สึกอันใดเลย เมื่อนั้นซากศพสองท่อนจึงร่วงหล่นสู่ผืนดิน

  ทั้งสองไม่ค่อยมั่นใจว่าศพนั้นจะสิ้นใจแล้ว แม้นว่ามันจะถูกตัดขาดเป็นสองท่อนเช่นนั้นก็ตามที อวัยวะของมันไหลออกจากร่างที่ขาด ดูจากรูปการณ์แล้วมันแทบจะไม่มีความเป็นไปได้เลยว่ามันจะยังมีชีวิตอยู่ และมันก็เป็นอย่างที่ชารอนได้กล่าวไว้เมื่อครู่ กระดูกทุกชิ้นต่างเป็นน้ำแข็งที่หนาแน่นเสียยิ่งกว่ากระดูกสิ่งมีชีวิตจริงๆ และมันก็เย็นเฉียบมาก แม้นว่าสภาพอากาศของดินแดนหิมะแห่งนี้จะเย็นเข้ากระดูกดำอยู่แล้ว แต่ทั้งสองก็สามารถสัมผัสถึงความเย็บเฉียบของก้อนน้ำแข็งที่มีรูปลักษณ์เป็นกระดูกทั่วตัวของเยติได้เลย

“ข้าว่ามันคงจะตายแล้ว...”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Re: Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI   Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI EmptySun Feb 19, 2017 8:19 pm

“กึก!”

  แขนข้างหนึ่งของร่างไร้ชีวิตแห่งยักษ์ใหญ่ได้จับขาของคาร์เอลไว้แน่น และอวัยวะหลายๆ ส่วนก็เริ่มกลับเข้าที่เดิมเหมือนกับมีแรงดันหรือพลังอะไรสักอย่างรักษาตัวมันอยู่ กายาหยาบทั้งสองส่วนเริ่มเข้าประติดประต่อกัน สร้างความประหลาดใจให้แก่นักสู้ทั้งสองที่ประจักษ์ คาร์เอลพยายามจะใช้ดาบฟาดฟันใส่มือที่จับขาของเขาไว้ แต่ก็มิอาจใช้แรงมากพอที่จะสะบั้นมือนั้นให้ขาดได้ เขาเหนื่อยเกินไปที่จะแกว่งดาบแล้ว หญิงสาวผมแดงพยายามจะช่วยเหลือเขา แต่พลังลมของหล่อนก็มิอาจทำอะไรได้มากกับกายาอันแกร่งดั่งน้ำแข็งหนาได้

ของแค่นั้น... การโจมตีธรรมดาแบบนั้นจะไปสามารถทำอะไรต่อสิ่งที่ปกป้องปราสาทจากเพลิงพิโรธได้ล่ะ ในเมื่อสิ่งนี้ถูกสร้างมาเพราะมีจุดประสงค์ที่จะต่อสู้กับไซอาลอทโดยตรง มันก็ต้องมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นคู่มืออันสมเกียรติแก่ไฟแห่งความตายอยู่แล้ว

  บัดนี้มืออีกข้างหนึ่งรัดร่างของหญิงสาวโดยที่เธอไม่รู้ตัว เมื่อนั้นเยติแห่งอาร์ชเดลจึงฟื้นคืนสติของตน ลุกขึ้นยืนพร้อมกับมือทั้งสองที่จับเหยื่อเอาไว้ มันออกแรงบีบหวังจะให้ทั้งสองแหลกคามือของมัน แต่ด้วยพลังปราณของพวกเขาที่มีอยู่จึงช่วยเป็นสิ่งที่ป้องกันตัวเขาจากความตายอยู่ หากไม่มีพลังปราณคลุมกายช่วยเหลือไว้กระดูกทุกส่วน อวัยวะคงแตกไม่มีชิ้นดีไปแล้ว กระนั้นมันก็คงจะไม่สามารถช่วยให้พวกเขามีชีวิตได้นานนัก พวกเขาทั้งคู่ต้องทำอะไรสักอย่างให้หลุดออกจากพันธนาการนี้ หญิงสาวใช้แส้หนาม เริ่มปล่อยพลังแห่งปราณโลหิตเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง เธอกำลังพยายามที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เข้าสู่โหมดที่เธอเคยใช้ต่อกรกับเบลล์ โหมดพลังที่เธอใช้ในการเอาชนะมือขวาแห่งเพลิงพิโรธอย่างง่ายดาย นั่นคือพลังแวมไพร์โลหิต หากหล่อนใช้พลังนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ เธออาจจะเสียการควบคุมตัวจนเผลอไปทำร้ายมิตรสหายตนจนถึงขั้นสังหารคนผู้นั้นก็เป็นได้ แต่ถ้าหล่อนไม่ใช่มันในตอนนี้เธอก็อาจจะตายในที่นี้ก็ได้

ปราณสีโลหิตเริ่มผุดออกมาจากร่าง เป็นดั่งควันที่ปกคลุมทั่วกายเธอ มันสร้างความประหลาดใจให้แก่เยติตนนั้นพอดู มันรู้สึกตัวว่ามือข้างนั้นที่ตนใช้บีบเธออยู่ถูกดันออก จนแทบจะปล่อยให้เธอหลุดจากการบีบรัดนั่นแล้ว

  มือที่เยติตนนั้นใช้บีบร่างของชารอนถูกซัดออกจนมันแบมือ ทำให้แวมไพร์พิโรธหลุดออกจากพันธนาการนั้นได้ เธอพุ่งตัวเข้าหาปีศาจตนนั้นอย่างไร้ความกลัวในทันที ในจังหวะเดียวกันนั้นเอง มันตวัดมือ ตบร่างของหญิงสาวด้วยฝ่ามือข้างเดิมราวกับเป็นแมลงเม่าที่บินตามอากาศ หล่อนไถลตามผืนดิน เกิดรอยแผลถลอกหลายจุดทั่วตัว แต่หญิงสาวหาได้แสดงเจ็บปวดไม่ เธอสปริงตัวลุกขึ้นมาทันใดพร้อมกับสีหน้าที่เปลี่ยนไปจากเมื่อครู่โดยชัดเจน ดูเหมือนว่าหล่อนจะเข้าสู่โหมดการใช้งานพลังธาตุโลหิตอย่างเต็มตัว ฟันเคี้ยวที่ผุดออกมา เล็บที่ยาวขึ้น ดวงตาที่กลายเป็นสีแดงฉาน กลายเป็นดั่งแวมไพร์กระหายเลือดโดยแท้จริง แน่นอนว่าพลกำลังของเธอเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว น่าจะเทียบเท่าหรือมากเสียยิ่งกว่าองค์รักษ์แห่งอาร์ชเดลตนนี้เสียอีก ชารอนจ้องมองดวงตาเยือกแข็งของยักษ์ใหญ่ สะบัดแส้ไปมาก่อนที่มันจะค่อยสร้างเสียงของอะไรสักอย่างขึ้น เสียงเหมือนกับท่อนอะไรสักอย่างที่มีมวลหนากำลังกวัดแกว่งไปมา เธอใช้ปราณแห่งโลหิตจับตัวหนาจนกลายเป็นดั่ง... กระดูก! แส้ของเธอเปลี่ยนกลายเป็นแส้กระดูกโลหิตที่มีกระดูกข้อต่อหลายตัวประติดประต่อกับตัวแส้จนทำให้ตัวแส้แกร่งขึ้นหลายเท่าตัว

  ทันใดนั้นเธอจึงตวัดแส้ขึ้นไปบนฟากฟ้า เกี่ยวเข้ากับแขนของเยติ ส่วนของกระดูกข้อต่อแห่งแส้มีหนามขนาดใหญ่อยู่เต็มไปหมด มันปักลงไปใต้เนื้อของปีศาจตนนั้น เกาะจนเข้าที่ หญิงสาวโหนแส้ของตนขึ้นไป เป็นแรงพุ่งตัวเข้าหาปีศาจก่อนจะปลดส่วนแส้ที่ปักร่างของเยติเยือกแข็ง หวังจะใช้มันฟาดใส่อกของยักษ์ใหญ่ เพียงชั่วพริบตานั้นเองดั่งว่าองค์รักษ์ตนนี้หยั่งถึงความคิดของเธอว่ากำลังจะทำอะไร มันใช้ร่างของคาร์เอลที่อยู่ในกำมือเป็นเครื่องมือในการล่อความสนใจเธอ โยนมันไปต่อหน้าหญิงสาวเพื่อทำให้เธอยั้งการโจมตีเอาไว้ หล่อนทำในสิ่งที่เยติตนนั้นคาดจนร่างของชายหนุ่มนักดาบกระแทกใส่เธอ ทั้งสองหล่นกระแทกลงพื้นปฐพีอีกครั้ง และอยู่ในสภาพไม่พร้อมที่จะตั้งตัว พวกเขาเห็นเงาของปีศาจที่ปกคลุมทั่วทั้งตัว มันคือเงาของส้นเท้าที่กำลังจะเหยียบย่ำทลายคู่ต่อสู้

“พรึบบบบบบบ!” จู่ๆ ก็มีเงาของใครสักคนปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าชารอนและคาร์เอล ยืนนิ่งภายใต้เงาเท้าขององค์รักษ์ตนนั้น บุคคลคนนั้นยื่นมือออก แบบมือไปหาเยติดั่งเป็นการสั่งการ... ให้หยุด!

มันทำตามสิ่งที่คนๆ นั้นประสงค์... หยุดการโจมตี ก่อนจะเก็บเท้าของตนเข้าหาตัว

“โม! ” เสียงของชายผู้นั้นกล่าว
“อังกา... ไดอากัส...”

มันเป็นภาษาคล้ายคลึงกับภาษาโบราณ.. ไม่ใช่ภาษาที่ใช้กันในปัจจุบันในโลกแห่งนี้ ทั้งสองไม่ค่อยเข้าใจถึงความหมายของประโยคนั้น แต่ดูท่ามันจะสื่อถึงอะไรสักอย่างที่เป็นคำสั่งให้หยุดการกระทำ แถมสิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ตนนั้นยังดูเชื่อฟังในสิ่งที่บุคคลคนนั้น... คนนั้น เสียงแบบนั้น... หญิงสาวค่อนข้างคุ้นเคยกับมัน..

“เนลเรี่ยน?...”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XXXVI
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire X
» Cataclysm: The Endless Hellfire XI
» Cataclysm: The Endless Hellfire XII
» Cataclysm: The Endless Hellfire XLV
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIV

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: