Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm: The Endless Hellfire XLII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm: The Endless Hellfire XLII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm: The Endless Hellfire XLII   Cataclysm: The Endless Hellfire XLII EmptySat Apr 01, 2017 11:33 pm

Cataclysm: Endless Hellfire
Act XLII

------------

  นามของชายผู้สังหารราชัยน์แห่งสตอร์มโฮล์ม... มันได้ถูกเปล่งออกไปโดยผู้สังเวยร่างของบุคคลๆ นั้น ร่างของสิ่งที่ถูกเรียกว่ายูเรนัส บัดนี้มันได้ยืนอยู่เบื้องหน้าแวมไพร์ผมสีแดงไร้ซึ่งอารมณ์ สายตาที่มันมองเธอหาได้แสดงความคิดอันใดออกมานอกจากการหวังที่จะสังหารเป้าหมายเท่านั้น เขาถือเคียวรูปทรงเสี้ยวจันทร์สีใสสว่างดั่งคริสตัล โดยที่รอบข้างมีปราณประหลาดที่ก่อเกิดเสียงคล้ายไฟฟ้าสถิตอยู่ตลอด ดูท่าแล้วนั่นจะเป็นปราณสายฟ้า แต่ที่น่าแปลกคือมันกลับเป็นสีดำทมิฬ ไม่ค่อยต่างจากน้ำแข็งของเนลเรี่ยนที่บ้างก็แสดงออกมาเป็นสีดำเลย แน่นอนว่าสำหรับชารอนแล้วเธอไม่เคยได้เจอหรือพบปะกับชายผู้นี้แม้แต่ครั้งเดียว แทบจะไม่รู้ตัวตน นิสัยว่าหรือความเก่งกาจด้านพลังเป็นเช่นไร แต่สิ่งเดียวที่เธอรู้มีเพียงแค่ว่าชายผู้นี้สามารถสังหารโครนอสลงได้ด้วยน้ำมือของตนเอง ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาไม่ใช่คนที่จะสามารถโค่นลงได้โดยง่าย ซึ่งหนทางที่ดีที่สุดก็เป็นการที่ไม่คิดจะประมาทชายผู้นี้เป็นอันขาด กระนั้นก็จำเป็นที่จะต้องจัดการเขาอย่างเฉียบคม โดยเร็ว แถมต้องมาระวังว่าตัวของผู้สังเวย ผู้ใช้พลังแห่งวอยด์คิดจะตลบหลังสังหารเธอในยามที่ตนมีช่องโหว่หรือเปล่า

  นั่นคือสิ่งที่ชารอนแห่งอัลเชเรียคิดอยู่ภายในใจ เธอยังคงนิ่งเฉยเช่นเดียวกันกับผู้ที่ยืนอยู่เบื้องหน้า ไม่นานนักชายหนุ่มผู้สังเวยร่างของยูเรนัสจึงนั่งลงไปกับพื้น ทำท่าทางราวกับผ่อนคลายตัวเอง สายตาที่จ้องมองชารอนราวกับพยายามที่จะดูท่าทาง ปฏิกริยา การกระทำของแวมไพร์ผู้นี้ มันทำให้เธอเดาใจชายผู้นี้ไม่ถูกว่าเขากำลังต้องการอะไร

“จัดการเธอซะ...” ราธพูดออกเป็นการสั่งการอย่างสุขุม

  เช่นนั้นแล้วชายถือเคียวผู้นั้นจึงรุดตัวไปยังเบื้องหน้า กระโจนตัวเข้าไปหาชารอนอย่างรวดเร็วพร้อมกับตวัดคมเขี้ยวแห่งจันทร์เข้าที่ร่างของหญิงสาว เธอกระโดดหลบมันไปได้อย่างง่ายดาย ก่อนจะเปิดฉากโจมตีโดยเหวี่ยงแส้ก่อเกิดเป็นคมมีดนับร้อย ราวกับตนกำลังสร้างกระบวนท่าคมมีดวายุเพื่อจะฉีกร่างของชายผู้นั้นให้เป็นชิ้นๆ แต่ร่างที่ถูกกระทบโดยลมแรงเหล่านั้นหาได้แสดงออกเป็นดั่งร่างหยาบของมนุษย์เลยแม้แต่น้อย มันดูเหมือนเป็นอะไรอย่างอื่นคล้ายดั่งสายฟ้าเสียมากกว่า เหมือนกับเป็นร่างเทียมหาใช่ของจริง ทุกครั้งที่แส้นั้นซัดเข้าใส่ร่างของยูเรนัส มันก่อเกิดแค่เสียงสายฟ้าที่ดังเปราะเปรี๊ยะขึ้นและแส้ที่ทะลุผ่านร่างก่อเป็นภาพสายฟ้า แต่ร่างนั้นกลับอยู่นิ่้งเฉย ไม่พยายามขยับหรือตอบโต้อันใดเลย ผ่านไปได้สักพัก.. แส้วิญญาณของหญิงสาวผมแดงกลับหยุดลง พร้อมกับร่างของเธอที่ปลิวออกโดยไม่รู้สาเหตุ ราวกับถูกกระแทกกับอะไรเข้าอย่างรุนแรง มันทำให้ร่างของชารอนล่องไปตามอากาศอยู่สักระยะ นานพอที่จะทำให้เธอหันกลับไปมองว่าสิ่งใดกันที่ทำให้ตนเองถูกซัดออกไป มันเป็นอีกร่างของชายถือเคียวที่พุ่งเข้าหาตัวเธอ ออกหมัดใส่กลางใบหน้าอย่างรวดเร็ว ความเร็วที่มากเกินกว่าตาจะมองเห็นได้

  แต่ด้วยความแรงของหมัดไม่มากพอที่จะทำให้หญิงสาวหมดสติ เธอจึงตั้งหลักลงสู่ผืนดิน ตั้งท่ายืนอยู่บนพื้นได้อย่างปลอดภัย เช่นเคย... ยูเรนัสยืนนิ่งเฉย แต่ที่แตกต่างคือร่างนั้นแยกออกเป็นสองร่าง ดูเหมือนว่าร่างที่โจมตีเธอเมื่อครู่จะเป็นร่างจริง กระนั้นท่าทางของทั้งสองหาได้กล่าววาจาอะไร มันเป็นเหมือนท่าทางของคนไร้จิตใจที่รอรับคำสั่ง มันคือท่าทางที่ชารอนมิอาจจะคาดเดาได้เลยว่าเขากำลังคิดจะทำกาลอันใด หรือคิดจะโจมตีตัวเธอในตอนไหน

“โดนเข้าให้แล้วสินะ... กระบวนท่าของยูเรนัส..” ราธพูดกล่าวแทรกออกมาในระหว่างการต่อสู้
“ดูเหมือนว่าต่อให้เธอมีสุดยอดพลังปราณมากขนาดไหนก็ตาม”
“แต่สายตายังคงไม่เร็วเกินไปกว่าที่จะมองตามสายฟ้าได้ทัน”
“เฮ้อ..” จู่ๆ หนุ่มผู้นั้นก็ถอนหายใจออก “แบบนี้เธอจะโค่นยูเรนัสลงได้จริงๆ เรอะ?”
“เพราะถ้าเธอยังมิอาจจะโค่นชายผู้นี้ลงได้ ตัวเธอก็คงไม่มีปัญญาที่จะไปสู้กับนายท่านไซอาลอทได้หรอกนะ”

วาจาเสียดสีถูกกล่าวออกมาจากหนุ่มผู้สังเกตการณ์ เขาว่าออกไปทั้งสีหน้าที่ยิ้มแย้มอย่างมีความสุข

“น่าเสียดายนะ... ที่โคลริมเลือกหญิงโง่หัวโบราณแบบเธอมาเป็นคู่ต่อสู้ของพวกข้า”

  หญิงสาวหาได้แสดงอาการอันใดออกไป แม้นว่าตนเองจะเป็นผู้ที่เกลียดชังการโดนดูถูกย่ำยีในการต่อสู้ก็ตามที ในหัวเธอหาได้มีความคิดหรือรับฟังสิ่งที่ราธกล่าวออกมาเลยสักนิด เธอเพียงแค่จดจ้องอยู่กับยูเรนัสเท่านั้น คงมีความคิดเดียวที่อยู่ในหัวของตน นั่นคือการเอาชนะชายผู้นี้หรือฆ่าถ้าหากจำเป็น เช่นนั้นแล้วเธอจึงหยิบแส้ของตน ม้วนมันเข้าไปที่มือข้างขวาของตนที่กำหมัดไว้แน่น ราวกับว่าเธอจะใช้มันเป็นเครื่องมือช่วยเหลือ เป็นการเสริมพลังให้กับหมัดข้างนั้น แต่แม้ธรรมดาหรือจะสามารถช่วยอะไรได้ เมื่อเธอม้วนมันจนสุดแล้วจึงได้ผุดขึ้นมาซึ่งหนามนับร้อยทั่วตามแส้วิญญาณนั้น เป็นดั่งก้านกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามอันตราย มันเจาะทะลุเข้าไปในผิวหนังของเธอ กดลงไปกับเนื้อเพื่อตรึงมันเอาไว้ มันหาได้สร้างความเจ็บปวดให้แก่ตัวหล่อนแต่เป็นการเสริมสร้างความแกร่งกล้าของหมัดข้างนั้นเสียด้วยซ้ำ ด้วยความที่หล่อนเป็นแวมไพร์ผู้ใช้ปราณโลหิตเป็นหลัก เมื่อเลือดของเธอได้ไหลรินออกมา มันก็ไม่ต่างกับเป็นการเพิ่มพูลความคลั่ง พลังปราณของตัวเอง เพราะงั้นหากจะพูดว่าเธอได้เปิดโหมดการใช้พลังแห่งโลหิตอย่างเต็มตัวมันก็คงไม่ผิดนัก

  หมัดข้างขวาเริ่มแปลงสีกลายเป็นสีเลือด ดั่งกลีบกุหลาบ.. เมื่อนั้นมันจึงถูกปล่อยออกไปอย่างรวดเร็ว หมัดนั้นพุ่งเข้าหาร่างของยูเรนัส แต่น่าเสียดายที่ชายหนุ่มผู้นั้นหลบมันไปได้ ความเร็วของชารอนนั้นหาได้มากพอที่จะสู้กับชายผู้นี้ได้ เสียงหรือที่จะสามารถเอาชนะแสงได้ เช่นนั้นแล้วยูเรนัสจึงได้เหวี่ยงอาวุธของตนเข้าหาร่างของชารอนอีกครั้ง ในครั้งนี้มันเร็วเสียยิ่งกว่าครั้งแรกกว่าเท่าตัว หญิงสาวใช้มือข้างที่พันเข้ากับอาวุธกันไว้ มันทำให้เธอพ้นจากอันตรายได้แต่ก็แลกด้วยบาดแผลขนาดใหญ่ กระนั้นหญิงสาวหาได้รู้สึกเจ็บปวดหรือเสียสมดุลของร่างกายเลย การที่เธอได้รับแผลมากลับกลายเป็นการเพิ่มพลังให้กับหล่อน เคียวจันทร์ที่เสียบเข้ากับแขนของเธอถูกตรึงเอาไว้โดยโลหิตแห่งแวมไพร์ มันได้จับตัวเข้าเป็นก้อน แข็งตัวโดยเร็ว มันทำให้ผู้ใช้อาวุธระยะกลางนั้นมิอาจจะดึงอาวุธของตนกลับเข้ามาในมือได้ เช่นนั้นแล้วชารอนจึงเหวี่ยงแขนอีกข้างนึงออกไปโดยที่เล็บทั้งห้าของหล่อนมีโลหิตไหลออกมา มันจับตัวแข็งกลายเป็นดั่งกระดูกสีแดงฉาน พุ่งเข้าโจมตีชายผู้นั้น ปักลงใส่ไหล่ข้างขวาของเขา กลายเป็นแผลข่วนดั่งถูกราชสีห์ทำร้าย

  แต่สิ่งที่น่าประหลาดใจคือมันหาได้มีโลหิตแห่งสายฟ้าทมิฬไหลรินออกมาเลย ดั่งกับว่าเขาไม่มีเลือดอยู่ เป็นเหมือนกับที่ลัคนีย์ ข้ารับใช้แห่งไซอาลอท หรือว่าเขาเป็นสิ่งเดียวกับที่เธอเป็น ศพเดินได้ที่ถูกควบคุมโดยปราณร้าย แต่จะด้วยเหตุใดก็ช่าง มันดูเหมือนว่าการโจมตีทางกายภาพธรรมดาเช่นนี้มันไม่ได้ผลกับชายผู้นี้ มิทันไร เคียวเสี้ยวจันทร์แห่งยูเรนัสจึงเปล่งแสงออก ไม่สิ... มันดูเหมือนเป็นพลังแห่งความมืดสีดำที่ผุดออกมาจากทั่วทั้งอาวุธ แต่มันก็ถูกดูดกลืนเข้าไปภายในบาดแผลของชารอน ไม่! มันพุ่งเข้าไปภายในร่างกายของเธอเสียต่างหาก พลังแห่งความมืดแผ่ตัวเข้าไปในร่างของเธอ ผ่านทางเส้นเลือด สายทางพลังปราณทั่วทั้งกายา รวมตัวเป็นหนึ่งกับโลหิตของแวมไพร์ผู้นั้น จู่ๆ จึงเกิดประกายไฟฟ้าสถิตทั่วทั้งร่างของหญิงสาวผมสีทับทิม ก่อเกิดเป็นพลังสายฟ้าที่ช็อตร่างของหล่อนจนมิอาจจะขยับได้ ถูกสาปให้นิ่งเฉยโดยพลังสายฟ้าแรงกล้า เส้นประสาททุกส่วนถูกทำให้กลายเป็นอัมพาต เช่นเดียวกับสมองที่ไม่อาจจะสั่งการได้ มันทำให้ร่างของเธอตกอยู่ในพันธนาการ เมื่อสมองไม่อาจจะสั่งให้ปราณทำงานได้ตามต้องการ โลหิตที่จับตัวแข็งจึงแปรสภาพกลายเป็นของเหลว ทำให้ชายผู้ใช้ปราณสายฟ้าดึงเคียวนั้นออกไปได้

  อาวุธทมิฬนั้นถูกดึงกลับเข้าตัวก่อนที่มันจะหวดออกไป พุ่งตรงใส่ลำคอของหญิงสาวผู้นั้น ด้วยสภาพไร้การป้องกันของหญิงสาวผู้นั้น จึงกลายเป็นว่าเธอตกเป็นเป้านิ่งอย่างสมบูรณ์ แต่เคียวนั้นก็หยุดตัวลงไปทั้งที่มันหาได้สะบั้นคอของหญิงสาวเลย ดูเหมือนว่ามันจะถูกหยุดโดยพลังอะไรสักอย่าง เป็นของเหลวสีแดงที่อยู่เบื้องหน้าของแวมไพร์ผู้นั้น มันคือโลหิตของเธอที่ไหลออกมาจากบาดแผลที่แขน ผุดออกมาเป็นร่างแปลงที่มีรูปลักษณ์ สรีระคล้ายกับชารอนมิผิดเพี้ยน ที่ต่างคือร่างนั้นเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นด้วยของเหลว มันจับคมอาวุธของยูเรนัสได้ กำมันแน่นเป็นการแสดงการต่อต้านอย่างแรงกล้า กำลังการบีบของร่างอวตารโลหิตนั้นแทบจะบิดคมเหล็กกล้านั้นให้บิดเบี้ยวไปตามแรงกดได้ ดูเหมือนว่าร่างนี้จะถูกสร้างขึ้นมาโดยความไม่ตั้งใจของหญิงสาว แม้นว่าสมองจะช็อคและมิอาจจะสั่งการอะไรได้ แต่ปราณมันกลับทำงานเองราวกับเป็นสัญชาตญาณการเอาตัวรอดของเธอที่ทำงานโดยอัตโนมัติ

  บริเวณช่วงตัวของร่างโลหิตนั้นได้มีปฏิกริยาแปลกๆ เกิดเป็นรูที่เกิดขึ้นโดยการหมุนวนของโลหิตจำนวนนับสิบ เพียงชั่วพริบตามันจึงพุ่งออกมาซึ่งของมีคมเป็นเลือดที่จับตัวแข็งกล้า พุ่งเข้าใส่ร่างของยูเรนัสด้วยความเร็วเทียบเท่ากับกระสุน มันทิ่มแทงทะลุร่างของสายฟ้าผู้นั้น สร้างบาดแผลขนาดใหญ่ทั่วร่างของเขา มันหาได้หยุดร่างนั้นลงได้ เขาเปล่งสายฟ้าของตนเข้าใส่ร่างของชารอนผู้นั้น แต่ก็มิอาจจะทำอะไรได้เลย ร่างนั้นนิ่งเฉยกับสายฟ้าแรงกล้าที่สามารถฆ่าคนธรรมดาได้ภายในพริบตา จริงอยู่ที่ว่าร่างนั้นมีโมเลกุลที่เป็นของเหลว แต่มันหาได้น้ำ... มันเป็นโลหิตพลังธาตุพิเศษของแวมไพร์ที่ว่ากันว่าเป็นพลังที่แกร่งที่สุดในบรรดาพลังธาตุทั้งหมด ผลที่ออกมาคือร่างอวตารโลหิตนั้นหาได้เป็นอันตรายอะไรเลย แต่ร่างอวตารของชารอนกลับถอยฉากออกไป ยื่นมือไปที่กายหยาบของตนเพื่อหยิบอาวุธแส้มาไว้ที่มือ ดั่งการการสื่อว่าร่างอวตารนี้จะเป็นร่างที่ทำการต่อสู้กับปรปักษ์แห่งตน

“ฉลาดไม่เบา... ใช้กระบวนท่าโลหิตอวตรในการรับมือกับยูเรนัส”
“ตอนนี้ตัวของหล่อนปล่อยให้ปราณของตัวเองทำงานอย่างอิสระ” ราธบ่นออกมาเบาๆ
“โดยที่ร่างจริงตกอยู่ในพันธนาการที่ไม่อาจจะใช้งานได้อีกสักระยะ”
“แต่การทำแบบนั้นก็จะกลายเป็นว่าเธอไม่อาจจะคิด สั่งการได้โดยตัวเอง”
“ทำได้แค่ปล่อยให้ตัวเองไปตามสัญชาตญาณดิบเถื่อนของแวมไพร์เท่านั้น”
“โชคดีของเธอที่ยูเรนัสทำได้แค่รับคำสั่ง และทำงานเหมือนเครื่องจักรสังหาร”
“จึงพูดได้ว่า หากใครมีพลังที่เหนือกว่าก็เป็นฝ่ายชนะ..”

  นั่นคือสิ่งที่ราธสันนิษฐานเกี่ยวกับกระบวนท่าที่ชารอนได้ใช้งาน อวตารแห่งโลหิต ท่าที่ซึ่งสร้างร่างเทียมขึ้นมา หรืออีกนัยนึง ร่างแยกเพื่อใช้ในการต่อสู้ ปกติแล้วท่านี้มักจะถูกใช้เป็นท่าสนับสนุน ช่วยเหลือร่างจริงในการต่อสู้เท่านั้น นั่นเพราะร่างนี้ไม่มีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งเดียวที่มันจะทำคือการปกป้องร่างจริงและสังหารคู่ต่อสู้ของตน มันจึงเป็นกระบวนท่าที่เหมาะสำหรับกับการใช้งานในสถานการณ์เช่นนี้ ทั้งร่างนี้มิอาจถูกทำลายลงได้โดยง่าย เพราะมันรักษาตัวราวกับมีชีวิตอยู่ตลอดเวลา ทางเดียวที่จะสามารถโค่นร่างนี้ลงได้คือการทำลายร่างอวตารให้แหลกภายในกระบวนท่าเดียวที่หนักหน่วงพอเท่านั้น ต่อให้ร่างจริงตายไปมันก็คงจะทำงานต่อจนกว่ามันจะถูกทำลาย ซ้ำระยะการใช้งานของท่ายังไร้ขีดจำกัดเว้นเสียแต่ปราณจะหมดไปเท่านั้น แต่ด้วยตัวของชารอนเองเป็นบุคคลพิเศษที่สามารถดูดปราณธรรมชาติเข้าหาตัวได้ เธอมีวิธีการสังเคราะห์ สกัดปราณธรรมชาติให้กลายเป็นปราณโลหิต วายุหรือเสียงได้ตามพลังธาตุของเธอเอง จึงพูดได้ว่าปราณของเธอไม่มีวันสิ้นสุด

  บัดนี้ร่างอวตารนั้นกำลังทำการต่อสู้กับยูเรนัสแห่งสายฟ้าทมิฬ โดยที่แส้วิญญาณที่ถูกจับโดยปราณแห่งเลือดนั้นแปรสภาพเป็นแส้ที่มีกระดูกคมปกคลุมทั่วทั้งตัวอาวุธ กลายเป็นอาวุธในระดับที่แกร่งกว่าเดิมเป็นเท่าตัว มันฟาดฟันเข้าใส่ร่างของยูเรนัส แต่ชายผู้นั้นก็ยังคงแกว่งอาวุธของตนตอบโต้ แรงลมและสายฟ้าฟาดกระทบเข้าหากันก่อเกิดแรงระเบิดทำให้ร่างของทั้งคู่ปลิวไหวไปตามแรงลมหิมะแห่งดินแดนอาร์ชเดล ความแรงนั้นทำให้แม้กระทั่งร่างของหนุ่มผู้ใช้ปราณแห่งวอยด์ถูกซัดออกไปด้วย ทางด้านของชารอนและยูเรนัสถูกซัดออกไปคนละทิศทาง แต่นั่นหาได้หยุดการต่อสู้ ทั้งคู่ผสานปราณเข้าไปในอาวุธของตน ก่อเกิดเป็นคุณสมบัติพลังธาตุที่ตนเองใช้ ก่อนที่จะปล่อยมันออกไปเบื้องหน้า ตรงเข้าไปหาจุดหมายหวังที่จะทลายร่างของศัตรูตนให้สิ้นซาก คลื่นปราณของทั้งคู่ในปริมาณมากกระทบเข้าใส่กัน สร้างแรงสั่นไหวสะท้านปฐพี แหวกหิมะสีขาวออกจากผืนดิน ซัดเหลือแต่พื้นดินที่อยู่ใต้ทุ่งหิมะ ฝุ่นไอเย็นสีขาวกระทบเข้าร่างของทั้งสอง แต่มันหาได้ทำให้พวกเขารู้สึกตามความหนาวเหน็บนั้น

  ไม่นานนักทั้งคลื่นปราณของทั้งคู่จึงหยุดลง ผืนดินทุ่งหิมะหยุดการเคลื่อนไหว เหล่าฝุ่นสำลีสีขาวต่างล่องลอยกลับลงสู่พื้นตามแรงโน้มถ่วงของโลกโดยที่ถูกแรงลมช่วยพัดพามันกลับไปยังจุดเดิม บัดนี้นักสู้ทั้งสองยืนนิ่งเฉย โดยที่ชารอนยืนดูท่าทางของศัตรูของเธอว่าจะทำการอันใดเป็นขั้นตอนต่อไป ส่วนทางด้านของยูเรนัสกลับต่างออกไป เขาหาได้มองดูลาดเลาท่าทางของอวตารโลหิตเลยแม้แต่น้อย แต่เป็นเหมือนกับตนเองรอการสั่งการขั้นต่อไปเสียมากกว่า ชายหนุ่มผู้สังเวยค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากทุ่งหิมะ หลังจากที่ตนถูกซัดโดยการปะทะของคลื่นพลังโดยที่ตนเองไม่ทันจะได้ตั้งตัว เขาจดจ้องไปเห็นปราณสายฟ้าผู้นั้น เห็นท่าทางที่นิ่งเฉยของเขาอย่างกับตนรับรู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ทันใดนั้นเขาจึงค่อยๆ เดินไปเบื้องหน้าช้าๆ เข้าไปใกล้การต่อสู้นั้น ก่อนที่จะนั่งลงไปท่าเดิมราวกับจะยังคงสังเกตการณ์ต่อสู้นี้ต่อไป

“ยูเรนัส... จงใช้พลังทั้งหมดของเจ้า”
“ปิดฉากการต่อสู้นี้ทันที!”

นั่นคือคำสั่งของราธที่ถูกสั่งการออกไป ผู้ใช้เคียวเสี้ยวจันทร์พยักหน้าตอบรับเบาๆ ส่วนทางด้านของร่างอวตารที่ได้ยินเสียงกล่าวของราธจึงเปล่งเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างพึงพอใจ มันทำให้ราธดูตกใจเล็กน้อย... เพราะปกติแล้วร่างอวตารมันหาได้มีอารมณ์ ความคิดที่จะสามารถกระทำอะไรแบบนี้ออกมาได้

“ยังคงเหมือนเดิมเลยนะคะท่านราธ...” เธอกล่าวออกมาทั้งที่มันไม่ควรจะเป็นเช่นนั้น
“สั่งการลูกน้องของตน.. ไม่ต่างจากครั้นที่ข้าได้ต่อกรกับท่านเมื่ออดีตกาลเลย”

หล่อนพูดออกมาราวกับมีความคิด ชีวิตเป็นของตนเอง อย่างกับว่านั่นคือร่างจริงของเธอเองด้วยซ้ำ สิ่งนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับราธ แม้ว่าเขาจะอยู่ในผืนดินแห่งโพรโตเนี่ยนมานาน แต่ปรากฏการณ์เช่นนี้เขาไม่เคยได้พบเจอเลยแม้แต่ครั้งเดียว มันเป็นเหมือนการแสดงให้เห็นว่าชารอนคือสิ่งที่เหนือความเป็นมนุษย์ เหนือความเป็นชีวิต ราวกับเป็นสิ่งที่เหนือกว่านั้นมาก เทพหรือผู้สร้างก็มิอาจจะคาดเดาได้ ความคิดของราธในตอนนี้คงคาดว่าตัวของแวมไพร์ผู้นี้มีระดับทัดเทียมกับโคลริมเสียด้วยซ้ำ

ไม่นานนักร่างกายแท้ของหญิงสาวแวมไพร์ผมสีทับทิมจึงตื่นขึ้นมาจากพันธนาการ กลายเป็นสองร่างที่กำลังเคลื่อนไหวในนามแห่งชารอน ในขณะเดียวกัน... ร่างอวตารได้ยื่นส่งกลับคืนอาวุธที่เป็นของร่างแท้... แส้แห่งวิญญาณกลับคืนเข้าหาตัว

“คงตกใจไม่น้อยละสินะคะ” ร่างทั้งสองกล่าวขึ้นมาพร้อมกัน
“ท่านคงคิดว่านี่คือร่างอวตารที่ไร้ความคิด... แต่เปล่าเลย..”
“มันคืออีกร่างหนึ่งของข้าต่างหาก” เธอกล่าวมันขึ้นเป็นการอธิบาย “ตัวข้านั้นคือโลหิต”
“เพราะงั้นทุกอย่างที่เป็นโลหิตของข้าก็เป็นดั่งกายา ความคิดของข้า”
“นั่นจึงหมายถึง.. ต่อให้ข้าแยกร่างออกมาสิบร่างก็ตามที ทุกร่างก็ล้วนแล้วแต่จะมีความคิด”
“และเป็นเหมือนตัวข้าเองทุกประการ...”

“นี่เจ้า... ก้าวข้ามความเป็นสิ่งมีชีวิตไปแล้วรึยังไง?” ราธกล่าวถามด้วยความสงสัย

“เปล่าค่ะ..” เธอตอบกลับ “ข้าไม่เคยก้าวข้ามขีดจำกัดของสิ่งมีชีวิต”
“ข้าแค่เป็นสิ่งที่เหนือกว่าปีศาจสวะเช่นท่านเท่านั้น!”
“งั้นเรอะ?!” ชายหนุ่มกล่าวสวนขึ้น “ยูเรนัส! จัดการมันซะ!”

  ทันใดนั้นเคียวแห่งจันทราจึงพุ่งเข้าหาตัวของหญิงสาวชารอน ตรงไปสู่ร่างกายหยาบของเธอที่ซึ่งน่าจะเป็นจุดอ่อนสำคัญที่สุดของตัวเธอเอง เมื่อคมอาวุธชิ้นนั้นเข้าใกล้กายาแห่งแวมไพร์ อวตารโลหิตจึงเปลี่ยนรูปร่างของตนในทันใด กลายเป็นอาวุธแส้ยาวที่ยาวยิ่งกว่าแส้วิญญาณของชารอนเอง มันรัดอาวุธของยูเรนัสทันใด โดยที่เขาไม่อาจจะทำอะไรมันได้แม้แต่จะใช้สายฟ้าช็อตใส่โลหิตปราณนั้น มันกลายเป็นการใช้ปราณอย่างใช่เหตุ แส้โลหิตได้รัดเข้าทั่วทั้งร่างของยูเรนัสอย่างกับเป็นเถาวัลย์รัดกายา เขาไม่อาจใช้แรงในการดิ้นตัวให้หลุดออกไปได้ กลายเป็นการตกอยู่เป็นเป้านิ่งอย่างสมบูรณ์ เช่นนั้นแล้วหญิงสาวจึงถอยฉากออก จับแส้ของเธอไว้แน่นโดยที่มีปราณวายุสลาตันรวมอยู่ที่มืออย่างแรงกล้า หวังจะใช้มันเผด็จศึกการต่อสู้นี้ในทันใด เมื่อนั้นมือที่ถูกเหวี่ยงออกไปจึงทำให้ตัวแส้แผ่ออก พุ่งตัวเข้าไปราวกับอสรพิษทำการโจมตี ตัวแส้ที่พริ้วไหวไปตามแรงลมยิ่งเป็นการเพิ่มพูลอานุภาพ ฤทธิ์เดชพลังปราณที่จะทำลายคู่ต่อสู้ให้สิ้นซาก

  มันถูกเหวี่ยงออกไปเป็นรูปกากบาทต่อหน้าของยูเรนัส เป็นกระบวนท่าวายุที่ฟาดฟันแหวกลมให้กลายเป็นคลื่นพลังในระยะเผาขน ซึ่งถ้าหากโดนมันเข้าไปเต็มๆ ละก็... ต่อให้เป็นผู้สังหารราชาแห่งสตอร์มโฮล์มก็ตามทีก็มิอาจจะรอดไปจากกระบวนท่านี้ได้ แต่ลมปราณเหล่านั้นมันหายไปต่อหน้าต่อตาของผู้ใช้งาน ราวกับถูกสภาพแวดล้อมดูดกลืนเข้าไปเสียทั้งอย่างนั้น สิ่งที่เธอเห็นในชั่วพริบตาเป็นเหมือนกับว่าพลังวายุเมื่อครู่ได้แหวกมิติจนเกิดเป็นรูหนอนแล้วซัดเข้าไปภายในตัวมิตินั้น แต่นั่นหาได้เกิดขึ้นจากกระบวนท่าของเธอเอง... แต่เป็นของผู้ใช้พลังแห่งวอยด์... ใช่แล้ว... ราธทำการเปิดประตูมิติในช่วงเวลาสั้นๆ เพื่อทำให้กระบวนท่าของชารอนไร้ผล โดยเหตุผลที่ใช้งานน่าจะพูดได้ว่าเป็นการป้องกันผู้ที่ตนสังเวยให้พ้นจากภัยอันตราย แน่นอนว่านั่นไม่ทำให้ชารอนแปลกใจเลยแม้แต่น้อย แต่ยังคงรู้สึกหงุดหงิดกับการกระทำนั้น การยื่นมือเข้ามาวุ่นวายของราธนั้นกลายเป็นการทำให้หญิงสาวเสียพลังปราณไปโดยไร้ประโยชน์

“เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะอยู่นิ่งเฉยให้เจ้าจัดการเครื่องจักรสังหารของข้าหรอกนะ...”

ราธกล่าวขึ้นพลางทำท่ากระดิกนิ้วเป็นการใช้งานวิชาประตูมิติแห่งวอยด์ และหญิงสาวผู้นั้นไม่กล่าววาจาอะไรตอบกลับ เธอกัดฟันกรอดด้วยความโมโห ทันใดนั้นหล่อนจึงมุ่งความสนใจไปหาชายหนุ่มราธแทน ตัวเขาถูกแส้แห่งวิญญาณกรีดเข้าที่แขน เนื้อที่ถูกอาวุธชิ้นนี้กระทบสร้างบาดแผล ทำให้โลหิตของชายผู้นั้นพุ่งออกมาอย่างรุนแรง มันสาดกระเซ็นถูกใบหน้าของแวมไพร์สาวผู้นั้น ก่อนที่เธอจะใช้นิ้วของตนเองปาดเลือดนั้นติดหัวแม่มือ ลิ้มรสโลหิตนั้นแสดงตนถึงความเป็นผู้กระหายโลหิต

“รสชาติหวานไม่เบาเลยนะคะท่านราธ” เธอกล่าวมันออกมาหลังจากที่ใช้ลิ้นเลียโลหิต
“ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าแส้นั้นจะทำให้ข้าบาดเจ็บได้ขนาดนี้” ชายผู้นั้นกล่าวตอบ
“แต่เธอลืมไปแล้วรึไงว่าเธอยังต้องต่อกรกับสายฟ้าทมิฬอยู่นะ!”

  วาจากล่าวเตือนนั้นถูกเปล่งออกไป และหญิงสาวที่หันขวับกลับหลังตามคำกล่าวนั้น แต่มันไม่ทันเสียแล้ว เธอถูกยูเรนัสผู้นั้นใช้เคียวของตนปักลงเข้าช่วงไหล่ข้างซ้าย ลึกลงไปจนเกือบที่จะทิ่มลงไปสู่หัวใจจากด้านบน การโจมตีนั้นทำให้หญิงสาวทรุดลงไป ไร้แรงที่จะต่อกรตอบกลับได้ ปลายเคียวอันแหลมคมยังถูกกดลงไปด้วยแรงของชายหนุ่มปราณสายฟ้า พร้อมกับพลังปราณสีดำที่ปล่อยเข้าไปในร่างของชารอน หญิงสาวที่ได้รับสายฟ้าสีทมิฬกรีดร้องอย่างทรมาณ ราวกับเธอรู้สึกตายทั้งเป็นกับพลังช็อตเข้าทั่วร่าง เธอไม่อาจจะขยับร่างได้ ทั้งแรงกด บาดแผลและปราณปรปักษ์ที่ได้รับมาทำให้หล่อนตกอยู่ในสภาพนี้ ขาทั้งสองมิอาจจะค้ำจุนร่างกายเอาไว้ได้ มันจึงทรุดลงไปทำให้ร่างกายของหญิงสาวล้ม เข่ากระแทกกดลงไปตามแรงโน้มถ่วง คุกเข่าจำนนต่อจำนวนศัตรูที่มากกว่า เธอจ้องมองราธด้วยสายตาอาฆาตซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นที่ถูกมองยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขาค่อยๆ นั่งยองลงจนหัวอยู่ในระดับเดียวกับแวมไพร์สาว

“สายตาแบบนั้น ท่าทางแบบนี้ สถานการณ์เช่นนี้...”
“มันทำให้ข้านึกถึงเหตุการณ์นึงที่เพิ่งเกิดขึ้นได้ไม่นานนักเลยนะ”
“อย่างกับเดจาวูเลย..” ชายหนุ่มผู้ใช้ปราณแห่งวอยด์กล่าว
“ในตอนที่พวกเราสังหารราชาแห่งสตอร์มโฮล์มไง...”
“โอ้จริงสิ! เจ้าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ละนะ” เขากล่าวต่อ “แต่จงภูมิใจ..”
“เพราะเจ้าจะได้เป็นส่วนนึง รับรู้ถึงสิ่งที่โครนอสได้รู้สึก!”

  เขาพูดถึงเหตุการณ์ที่ยูเรนัสได้สังหารผู้เป็นบิดาของตน... โครนอสลงเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน เพราะทุกองค์ประกอบ ท่าทางของชารอน... ลักษณะที่เธอกำลังเป็นอยู่ อารมณ์ความโกรธแค้น ทุกอย่างมันให้อารมณ์เช่นเดียวกับครั้งนั้นที่พวกเขาได้สะบั้นคอขององค์ราชาแห่งสตอร์มโฮล์มเลย เมื่อนั้นราธจึงลุกขึ้นยืน จับดาบของตนที่อยู่ในฝักดาบข้างหลังออกมา ยื่นมันไปข้างหน้าจ่อเข้าใกล้ลำคอของหญิงสาว คล้ายดั่งเพชรฆาตที่กำลังจะสะบั้นคอของเธอออกจากร่าง พลังปราณสีม่วงเริ่มปกคลุมอาวุธดาบเล่มนั้น สายตาของราธที่มองดูชารอนอย่างเย่อหยิ่งราวกับเธอเป็นมดปลวกที่กำลังจะถูกฆ่าทิ้ง และดวงตาของหญิงสาวที่ไร้ความกลัว จ้องมองเข้าไปนัยต์ตาแห่งวอยด์อย่างอาฆาตแค้น มิอาจจะทำอะไรได้นอกจากแช่งให้ชายผู้นี้ไปตายโดยการจ้องมอง

“ลาก่อน...”

วาจาสิ้นสุดลง ดาบแห่งวอยด์ยิ่งเข้าใกล้ลำคอของหญิงสาวขึ้นทุกที ชารอนพยายามที่จะเอนลำคอออกไปในด้านตรงข้าม เพื่อหลีกเลี่ยงคมดาบนั้น แต่มันก็ไม่ได้ผล หล่อนจึงหลับตายอมรับชะตากรรมของตน

“เคร้งงงงงงง!”

  มันกลับเกิดเป็นเสียงของแข็งกระทบกัน คล้ายดั่งคมดาบสองชนิดที่เข้าปะทะ น่าแปลกเพราะมันควรจะเป็นเสียงของเนื้อ อวัยวะของชารอนที่ถูกแหวกออกจากร่างเสียมากกว่า และในขณะเดียวกัน สีหน้าของราธดูค่อนข้างไม่พอกับใจสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้า เพราะสิ่งที่เขาประจักษ์ได้พบเห็นคือเนลเรี่ยนแห่งซินโดร่า ชายหนุ่มผมสีทองผู้ใช้ปราณน้ำแข็งได้ใช้คมมีดของตนที่ผสานกับปราณน้ำแข็งจนงอกออกคล้ายเป็นดาบ ใช้มันรับคมดาบของราธไว้ได้ทันเวลา เนลเรี่ยนไม่สามารถทนดูนิ่งเฉยได้อีกต่อไป สีหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวกับการกระทำอันไร้เกียรติของราธ จ้องมองายผู้ใช้พลังแห่งวอยด์ อาฆาตแค้นที่เขาทำร้ายชารอนจนเป็นเช่นนี้ ดาบน้ำแข็งของเนลเรี่ยนนั้นหาได้เป็นผลึกสีใสแต่มันเป็นสีดำที่เกิดขึ้นจากการใช้งานของพลังแห่งซินโดร่า และแน่นอนว่าพลังนี้ย่อมเหนือกว่าพลังที่เนลเรี่ยนใช้ปกติหลายเท่าตัวอยู่แล้ว มันค่อยๆ แผ่ความเย็นไปเรื่อย ขยายไปที่ดาบของราธทำให้ดาบเล่มนั้นถูกแช่แข็ง โชคดีที่ราธดึงมันออกมาทันก่อนที่น้ำแข็งนั้นจะเชื่อมดาบทั้งสองจนติดกัน ทันใดนั้นเขาจึงถอยฉากออกไป พร้อมกับยูเรนัสที่ดึงเคียวแหลมคมออกจากไหล่ของชารอน และถอยตามผู้ที่สังเวยตนไป

“หึ! มาทันเวลาเชียวนะ... ผู้ครองซินโดร่า...” ชายผู้นั้นกล่าวขึ้น
“ดวงตาของเจ้า... ดูท่าคงจะหวงยัยแวมไพร์นั่นน่าดูสินะ”
“ก็ได้... สภาพแบบนี้ขืนต่อสู้กับเจ้าก็มีแต่เราที่จะเสียเปรียบ”
“ข้าและยูเรนัสต่างก็ใช้ปราณไปเกินกว่าครึ่ง มิอาจจะอยู่เป็นเพื่อนเล่นให้กับเจ้าได้หรอก”
“เพราะงั้นพวกข้าจะถอยกลับไปแต่โดยดี”
“อีกอย่าง... สภาพของชารอนที่ถูกปิดกั้นทางเดินสายปราณโดยยูเรนัสในตอนนี้คงจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นานหรอก!”

เช่นนั้นแล้วจึงมีประตูมิติเปิดออกจากเบื้องหลังของหนุ่มทั้งสอง

“ไว้เจอกันใหม่... ซินโดร่า!”

ทั้งสองถอยฉากเข้าไปในประตูมิติ โดยที่เนลเรี่ยนรีบพุ่งตรงเข้าไปดูอาการของชารอนที่นอนจมกองเลือดของตนราวกับไม่สนใจศัตรูที่กำลังถอยกลับไปเลย ทันใดนั้นประตูมิติจึงถูกปิดลง กลายเป็นยูเรนัสและราธที่สามารถหลบหนีไปได้ แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เนลเรี่ยนห่วงเลย เขาห่วงชารอนที่ตกอยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีเสียมากกว่า

“ชีพจร... พลังปราณอ่อนเหลือเกิน... คงถูกปราณสายฟ้าช็อตกระแสสายปราณพลังจนไม่สามารถหล่อเลี้ยงตัวได้” เนลเรี่ยนพูดขึ้นในเชิงพร่ำบ่น
“คงต้องรีบทำอะไรสักอย่างแล้ว..”
“แต่...”

  เขาหยุดบ่นไปในทันทีพร้อมกับแสดงท่าทีเขินอายแปลกๆ เพราะในสภาพของชารอนที่ถูกปิดกั้นเส้นทางพลังปราณทั้งหมด มิอาจจะส่งปราณในแบบธรรมดาโดยการสัมผัสเช่นนี้ มันจึงมีหนทางเดียวที่เขาจะสามารถส่งผ่านปราณได้ นั่นคือการสัมผัสทางอวัยวะเข้าถึงภายใน ส่งปราณเข้าสู่รูทวารเก้าช่อง ไม่ช่องใดก็ช่องหนึ่ง แต่ด้วยความที่เนลเรี่ยนหาได้มีความรู้เรื่องแพทย์ศาสตร์ จึงไม่อาจที่จะทำการส่งปราณเข้าไปในช่องทวารได้ เพราะหากเขาไม่มีความรู้ด้านนี้แล้วฝืนทำในขณะที่ร่างกายของบุคคลนั้นๆ ถูกปิดกั้นการเดินสายปราณ มันจะเป็นการทำให้เส้นปราณในร่างของบุคคลที่รับปราณอุดตัน ไม่สามารถเดินไปได้และระเบิดออก ซึ่งผลที่ออกมาคือลมปราณแตกซ่านและตายในที่สุด ปกติแล้วเหล่าแพทย์จะใช้กระบวนการฝังเข็มปราณเข้าสู่รูขุมขนเพื่อส่งปราณอ่อนๆ ในระดับที่แม่นยำ ละเอียดจริงๆ เข้าไปทลายกระบวนการที่ปิดกั้นการเดินสายปราณ หรืออีกหนทางหนึ่งคือการส่งมันผ่านลมหายใจ ซึ่งวิธีที่จะทำได้คือการผายปอด และส่งปราณอ่อนๆ ไปตามอากาศที่ส่งเข้าไป ถึงมันจะเสี่ยง แต่ก็ได้ผล..

“หืยยย.... สถานการณ์ตึงเครียด....”
“เอาวะ! เป็นไงเป็นกัน!”

ชายหนุ่มรวมรวบความกล้าทั้งหมดก่อนที่จะก้มตัวลงไป ริมฝีปากของหนุ่มเข้าใกล้กับหญิงสาวผู้มีริมฝีปากอ่อนนุ่มสีแดงอมชมพู แต่เนลเรี่ยนก็ยังคงสั่นเกร็ง ประหม่ากับสิ่งที่กำลังจะทำ แต่มันก็ชะงักลงเพราะมือของหญิงสาวขยับขึ้น บีบรัดเข้าไปกลางลำคอของชายหนุ่ม ดวงตาที่เปิดออกแสดงถึงความตกใจ เธอตื่นขึ้นมาในช่วงวินาทีสุดท้ายที่เขากำลังจะจูบเธอ มันทำให้เนลเรี่ยนค่อนข้างตกใจ

“ท่านคิดจะทำอะไรของท่านคะ!?” เธอกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน
“ชะ... ช่วยชีวิตเจ้าไง...”
“ปราณของเจ้ามันถูกปิด..”
“ราธหลอกท่านคะ! นั่นเป็นวาจาลมปากที่ท่านผู้นั้นมักจะใช้เพื่อปั่นป่วน”
“ข้าไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นค่ะ!” เธอแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเช่นเดิม

“งะ... งั้นก็... ปล่อยข้าได้แล้ว..”

เธอลดมือลง ปล่อยคอของชายหนุ่มให้เขาได้หายใจ เนลเรี่ยนสูดอากาศหายใจเข้าเต็มปอดก่อนที่จะพยายามจะไปพยุงตัวเธอขึ้น

“ข้าลุกขึ้นเองได้ค่ะ” เธอกล่าวขึ้นมาเสียก่อน และค่อยๆ ลุกขึ้นมา
“แล้วราธไปไหนแล้ว?”
“หนีไปแล้ว..” ชายหนุ่มผมทองกล่าว “คงจะกลัวข้าละมั้ง”
“งั้นหรอกหรือ...” เธอกล่าวตอบ “แล้วท่านคาร์เอล...”
“ปลอดภัยดี เขาเอาชนะยัยตัวตลกได้เชียวนะ”
“ดูเหมือนว่าสิ่งที่คาร์เอลประสงค์คือการจับตัวยัยตัวตลกนั่น คงคิดจะทำอะไรสักอย่างแน่ๆ”

“ว่าแต่... แล้วเจ้าละชารอน? เป็นยังไงบ้าง?”
“แผลแค่นี้มันทำอะไรข้าไม่ได้หรอกค่ะ ท่านน่าจะรู้ดีที่สุดนี่หน่า”
“ก็จริง..”
“ว่าแต่ท่านบอกว่าท่านคาร์เอลจับตัวลัคนีย์ได้หรือคะ?”
“ใช่” หนุ่มเนลเรี่ยนตอบ “ทำไมหรือ?”
“ข้าพอจะมีไอเดียนะค่ะ”
“ข้าว่าเรารีบกลับเข้าไปในปราสาทก่อนดีกว่า..”
“ข้ามีแผนที่จะกระชากสิ่งที่จะกระชากทุกอย่างที่ท่านลัคนีย์รับรู้..”

“เกี่ยวกับความประสงค์ของไซอาลอท!”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm: The Endless Hellfire XLII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Cataclysm: The Endless Hellfire I
» Cataclysm: The Endless Hellfire II
» Cataclysm: The Endless Hellfire XIX
» Cataclysm: The Endless Hellfire III
» Cataclysm: The Endless Hellfire XX

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: