Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Amnesiac EP 2

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Amnesiac EP 2 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Amnesiac EP 2   Amnesiac EP 2 EmptyWed May 24, 2017 10:48 am

เรซอร์ยืนอยู่ในความมืด เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความมืดที่อยู่รอบตัวเขา ชายผู้มีใบหน้าอ่อนโยนรู้สึกคุ้นเคยกับบรรยากาศแบบนี้ เรซอร์นึกๆแล้วเขาก็นึกได้ว่าครั้งหนึ่งฝันของเขาเริ่มต้นแบบนี้ ในขณะที่ชายผมขาวยืนอยู่กับที่ เขาก็เห็นประกายไฟจากระยะที่ห่างไกล เรซอร์เริ่มก้าวเท้าและมุ่งตรงไปยังประกายไฟที่เขาเห็น เขาเร่งฝีเท้าขึ้นเรื่อยๆ เขาอยากรู้ว่าประกายไฟที่เขาเห็นนั้นคืออะไร ยิ่งเขาเข้าใกล้แสงสว่างนั้นก็สว่างขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดเขาก็เห็นต้นตอของแสง มันเป็นบ้านไม้ที่ถูกปกคลุมด้วยทะเลเพลิง ดวงตาของเรซอร์เบิกกว้าง เขารีบตรงเข้าไปในบ้าน

เขาก็ไม่รู้เหมือนว่าเพราะเหตุใดเขาต้องรีบตรงเข้าไปในบ้าน แต่เหมือนกับร่างกายสั่งการเขา ชายผมสีขาวกวาดสายตาอะไรบางอย่าง แต่เขาไม่เห็นอะไรเลยนอกจาก เปลวไฟที่เผาทำลายทุกอย่าง เฟอร์นิเจอร์ในบ้านนั้นถูกอัคคีกลืนกิน เสาบ้านนั้นล้มลงและกระแทกกับพื้น

“จันน่า!!” เรซอร์ตะโกน

เขาตะโกนชื่อนี้ออกไป แต่หลังจากที่เขาตะโกนออกไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าชื่อนี้คือใคร แต่ร่างกายของเขานั้นยังคงสั่งให้เขาตะโกนชื่อนี้อยู่เรื่อยๆ เรซอร์ยังคงเดินต่อไป เขาก้าวขึ้นไปยังชั้นสองของบ้าน เขาเดินมาถึงประตูบานหนึ่ง ลูกบิดประตูห้องนี้นั้นถูกทำลายลง จึงไม่จำเป็นที่จะต้องบิดลูกบิดเพื่อเปิดประตู ชายผมขาวใช้มือของเขาผลักประตูออก เขารู้สึกได้ถึงความกลัวในขณะที่ประตูนั้นเคลื่อนออกช้าๆ เมื่อประตูเปิดจนสุดนั้น เรซอร์ก็เห็นหญิงคนหนึ่งนอนจมกองเลือดอยู่กลางห้อง เรซอร์เห็นแล้วก็รีบวิ่งตรงไปยังร่างของหญิงคนนั้น เธอเป็นหญิงผมสีดำ ผมของเธอนั้นยาว ผิวของเธอในตอนนี้ซีดและดูไม่มีชีวิตชีวา เรซอร์ใช้มือยกร่างของเธอขึ้น

“จันน่า...จันน่า” เรซอร์ตะโกนชื่อของเธอ

เธอไม่ตอบอะไร ชายผมขาวใช้มือจับไปที่ต้นคอของเธอ เขาไม่สามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรอะไรเลย น้ำใสนั้นไหลออกจากดวงตาของชายหนุ่ม เขาสวมกอดร่างไร้วิญญาณของเธอไว้ก่อนจะกระซิบข้างหูของเธอเบาๆ หวังให้เสียงของเขาสามารถปลุกเธอจากโลกความตายขึ้นมาได้ ในขณะที่ชายผมขาวนั้นสวมกอดร่างของหญิงคนนี้ เขาก็เห็นธงสีแดงที่มีรูปสิงโตปักอยู่วางอยู่ไม่ไกลจากเขานัก เขาปล่อยร่างของหญิงที่เขารัก และใช้มือเพื่อปิดดวงตาของเธอ เรซอร์เดินไปหยิบธงสีแดงนั่นขึ้นมา เขาพลิกไปหลังธง มันทำให้เขาเห็นข้อความที่ถูกเขียนด้วยหมึกสีดำ

“นี่คือบทลงโทษของสิ่งที่แกก่อไว้”

=====

ชายผมขาวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขากวาดสายตาไปรอบๆ เขาอยู่ในห้องเล็กๆ มันเป็นห้องที่มีตู้และโต๊ะไม้วางอยู่ ใกล้ๆกับเตียงนอน แสงสว่างนั้นส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ดูเหมือนทั้งหมดเมื้อกี้มันเป็นเพียงแค่ความฝัน หยดน้ำหยดลงผ้าห่ม เรซอร์ใช้มือของเขาจับไปที่แก้วของเขา มันเป็นน้ำตา ทำไมกันนะ? ทำไมเขาถึงร้องไห้? เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร? ทำไมเขาถึงรู้สึกเศร้าขนาดนี้ เขาใช้มือของเขาปาดน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นมาจากเตียง เรซอร์เปิดประตูเดินออกจากห้อง ชายผมขาวก้มลงยังชั้นล่าง ทุกอย่างนั้นเงียบสงัด นอกจากเสียงฝีเท้าของเขาแล้ว เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย

“ท่านมาร์ตี้?” เรซอร์ตะโกนถาม

หากทว่าไม่มีใครตอบกลับมา ชายผมสีขาวยังคงเดินต่อไป เขาเดินจนไปถึงห้องรับแขก ก็ยังไม่มีใคร ดวงตาของชายผมสีขาวนั้นเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งถูกวางไว้บนโต๊ะไม้ เรซอร์เดินไปก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมา มันเป็นกระดาษที่ถูกเขียนด้วยลายมือสวยงาม เรซอร์ยืนและอ่านจดหมายฉบับบนี้

“ถึง เรซอร์
วันนี้ข้าเข้าวังไปเพื่อติดต่อเรื่องของเจ้า จะกลับมาช่วงเย็นๆ
มาร์ตี้”


“ดูเหมือนเราจะอยู่คนเดียวแฮะตอนนี้” ชายผมขาวพูดกับตัวเอง
“ถ้างั้นเราออกไปเดินเล่นหน่อยละกัน” เรซอร์พูดกับตัวเองอีกครั้ง

ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าอ่อนโยนเดินก้าวออกไปข้างนอกอาคารที่เขาอาศัยอยู่ เขาเห็นผู้คนมากมายเดินไปเดินมาดั่งเช่นเมื่อวาน เรซอร์ก้าวเท้าและเดินไปยังอีกเส้นทางที่เขาไม่ได้ไป เขาเดินสวนทางกับผู้คนมากมายและในขณะเดียวกันเขาก็เดินไปยังเส้นทางเดียวกันกับใครหลายๆคนและเมื่อเขารู้ตัวอีกที เรซอร์ก็มาถึงลานกว้างใจกลางเมือง ตรงกลางนั้นมีรูปปั้นหินอ่อนตั้งอยู่ มันเป็นรูปของสตรีคนหนึ่ง รูปปั้นของผู้หญิงคนนี้นั้นเลื่อนดาบมาข้างหน้า ชายผู้สูญเสียความทรงจำก้าวเดินใกล้ๆรูปปั้น เขาเห็นตัวอักษรที่ถูกสลักไว้

“องค์ราชินีคาสซานดร้า”

เรซอร์เงยหน้ามองรูปปั้นนี้อีกครั้ง เขายิ่งมองเขาก็รู้สึกคุ้นเคยของใบหน้า “องค์ราชินีคาสซานดร้า” พอสมควร มันเหมือนกับว่าเขาเคยเห็นใบหน้าของเธอจากไหนมาก่อน เรซอร์พยายามคิด แต่ไม่มีความทรงจำอะไรผุดในหัวของเขามาก่อนเลย ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกปวดหัวมากเท่านั้น เขารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกำลังบีบศีรษะของเขาอยู่ มันทำให้เขาเริ่มเสียการทรงตัว และเมื่อตัวของเรซอร์รู้ตัวอีกที ตัวของเขาก็เซและกระแทกอะไรบางอย่าง เรซอร์รีบหันมาก่อนจะเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ตัวใหญ่สามคนที่มองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ

“อ๊ะ ขอโทษขอรับ” เรซอร์รีบก้มขอโทษ

แต่ดูเหมือนคำขอโทษของเขานั้นจะไม่เป็นผล ชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ตรงกลางดึงคอเสื้อของเรซอร์ขึ้น ชายที่ถูกยกขึ้นพยายามดิ้น ปากของเขายังกล่าวขอโทษอีกครั้ง

“อย่าทำตัวเกะกะได้ไหม ข้ายิ่งอารมณ์ไม่ดีอยู่” ชายฉกรรจ์พูดพร้อมง้างหมัด

ชายผมขาวหลับตาปี๋เตรียมรับแรงกระแทกจากหมัดของชายคนนี้ แต่เขาก็ได้ยินเสียงของใครบางคนดังขึ้นมา

“ข้าว่าเจ้าปล่อยเจ้าหนุ่มนั่นจะดีกว่านะ”

เรซอร์เปิดตาขึ้นมาก่อนจะหันไปตามเสียง เช่นเดียวกันกับกลุ่มชายที่กำลังโกรธเกรี้ยวพวกเขาหันไปตามเสียง ทุกคนเห็นชายผิวแทนยืนอยู่ ใบหน้าของเขานั้นดูเหมือนเป็นชายอายุประมาณกลางสามสิบ ผมของเขานั้นเป็นสีดำและสั้น เสื้อผ้าสีชมพูของเขานั้นดูซอมซ่อมันมีรอยขาดและรอยปะอยู่เต็มไปหมด บนใบหน้าของเขามีผ้าปิดตาข้างนึงคาดปิดอยู่ กลุ่มชายฉกรรจ์ปล่อยมือออก เรซอร์ล้มลงไปก้นกระแทกกับพื้น กลุ่มชายฉกรรจ์เบนเป้าไปยังชายในชุดสีสว่างคนนี้ ชายร่างยักษ์ผลักอกของชายผิวแทนก่อนจะพูดขึ้น

“เฮ้ย เจ้าน่ะอย่ายุ่งดีกว่า ถ้าเจ้าไม่อยากโดนดีอี-“

ไม่ทันที่ชายคนนี้จะพูดจบประโยค ชายผมสีดำผู้นี้ก็หยิบดาบและจ่อไปที่คอของชายฉกรรจ์ที่หาเรื่องเขา คมมีดนั้นใกล้คอมาก อีกนิดเดียวก็จะกรีดคอแล้ว ดวงตาของชายในชุดสีสว่างคนนี้เต็มไปด้วยจิตสังหาร

“ถอยไปถ้าไม่อยากตาย” ชายที่ถือดาบพูด

ชายทั้งสามคนถอยออกช้าๆก่อนจะวิ่งหนีไป บุรุษผิวสีแทนเก็บดาบเข้าไปยังฝักของตัวเอง เรซอร์พยุงตัวเองขึ้นมาจากพื้น

“ขอบคุณท่านมาก” เรซอร์กล่าวขอบคุณชายผิวสีแทน
“เจ้าก็ควรจะเข้มแข็งกว่านี้ เจ้าจะหวังให้ข้าช่วยเจ้าตลอดไปไม่ได้หรอกนะ” บุรุษปริศนากล่าวกับเรซอร์
“โลกนี้น่ะถ้าไม่ฆ่าก็ถูกฆ่า”

ชายผิวแทนเดินจากไปทิ้งไว้ให้เรซอร์ยืนฉงน

=====

ในขณะเดียวกันภายในราชวัง มาร์ตี้นั้นเดินโดยมีทหารสองคนคอยประกบเขาอยู่ มาร์ตี้เดินอยู่โถงยาว พื้นนั้นไม่ได้ถูกปูด้วยพรมแต่เป็นกระเบื้องสีขาว บนผนังมีรูปภาพมากมายแขวนอยู่ แต่ละรูปนั้นดูเป็นรูปที่งดงามและถูกวาดโดยจิตรกรมากฝีมือ ทหารหยุดตรงหน้าประตูบานหนึ่งมันเป็นประตูไม้บานเดียว มาร์ตี้จับลูกบิดและเปิดประตูไม้ เมื่อประตูไม้ถูกเปิดออก มาร์ตี้ก็เห็นชายผมบลอนด์ในชุดเกราะนั่งเขียนอะไรอยู่ สีหน้าของเขานั้นดูจริงจังและดูเคร่งเครียด แต่เสียงประตูที่ถูกเปิดออกทำให้เขาหยุดเขียนก่อนจะเงยหน้าขึ้น

“มาร์ตี้งั้นหรือ?” บิลลี่เอ่ยปากขึ้น
“ขอรับ” มาร์ตี้ก้มโค้งให้กับพี่ชายขององค์ราชินี
“ไม่ได้เจอกันตั้งนาน เจ้าน่ะเป็นยังไงบ้าง?” บิลลี่เอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“กระหม่อมสุขสบายดี แล้วพระองค์ล่ะ?” มาร์ตี้ตอบพร้อมกับตั้งคำถามไปยังบิลลี่
“ข้าเองก็สบายดี” บิลลี่ตอบกลับ
“แล้วเจ้ามาหาข้านั้นมีเรื่องอะไรให้ข้าช่วยงั้นหรือ?” บิลลี่ถามต่อ

“กระหม่อมมีคนไข้คนหนึ่งที่สูญเสียความทรงจำไป และกระหม่อมได้พาเขาไปพบกับนักเวทย์ในเมืองแล้ว”
“แต่ก็ยังรักษาไม่ได้ กระหม่อมจึงคิดว่านักเวทย์ในวังน่าจะช่วยเขาได้มากกว่า” มาร์ตี้แจ้งเจตจำนงของตัวเอง
“งั้นหรือ? ก็ได้ถ้างั้นสัปดาห์หน้าพาเขาเข้ามาในวังแล้วกัน ข้าจะนัดจอมเวทย์ของที่นี่ไว้ให้” บิลลี่ตอบรับคำขอของคุณหมอ
“ขอบคุณ พระองค์มาก” คุณหมอก้มโค้งให้กับราชวงศ์คนนี้

“พระองค์ ก่อนที่จะเข้ามากระหม่อมเห็นหน้าท่านดูกังวล ไม่ทราบว่าพระองค์กังวลเรื่องอะไรหรือ?” ชายผมสีทรายพูดขึ้นมาอีกครั้ง

บิลลี่ไม่ได้ตอบ สีหน้าของเขานั้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นมาก่อนจะหันไปหาหน้าต่างที่อยู่ข้างหลังโต๊ะของเขา หน้าต่างนั้นให้เห็นกับทิวทัศน์ของอาณาจักรกราเดล บิลลี่ถอนหายใจฟอดใหญ่ก่อนจะเปล่งเสียงออกมา

“อีกไม่นานเจ้าก็คงจะรู้อยู่แล้ว ดังนั้นข้าพูดเลยละกัน”
“เจ้าคงรู้จักอาณาจักรคิโดร่าไหม?”
“กระหม่อมรู้จัก คิโดร่าเป็นอาณาจักรที่ขึ้นชื่อเรื่องสงคราม และมีแผ่นดินกว้างขวาง” มาร์ตี้ตอบคำถามของบิลลี่
“ดูเหมือนเจ้าจะรู้จักรอาณาจักรนี้ดีนี่ และนั่นแหละอาณาจักรคิโดร่าประกาศสงครามกับเรา” บิลลี่หันกลับมาตอบมาร์ตี้

ใบหน้าของมาร์ตี้นั้นตกตะลึงหลังจากได้ยินคำที่ออกมาจากปากของบิลลี่ ชายในชุดเกราะหันกลับไปมองออกนอกหน้าต่างอีกครั้ง

“ข้าพยายามเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือจากอาณาจักรอื่นๆอยู่”
“แต่ดูเหมือนพวกเขาจะกลัวพวกคิโดร่าเหมือนกันหมด เลยไม่มีใครกล้าส่งทัพมาช่วย” บิลลี่เสริม
“เท่ากับว่าตอนนี้พวกเราต้องสู้คนเดียวงั้นหรือ?” มาร์ตี้ด้วยสีหน้าหวาดกลัว
“ใช่ ตอนนี้มีเพียงพวกเราคนเดียว”

=====

เรซอร์ยังคงเดินในเมือง ในขณะที่เขาเดินเขาก็เริ่มเห็นกลุ่มคนเริ่มจับตัวกัน มันทำให้เรซอร์รู้สึกอยากรู้ เขาเดินเข้าไปรวมในกลุ่มนั้นเหมือนกัน ซักพักเขาก็เห็นทหารจากราชวงศ์เดินมาก่อนที่หญิงผมสีแดงในชุดสีแดงจะก้าวขึ้นไปบนเวทีที่ทำจากไม้

“นั่นท่านแฟลมม่านี่นา” ชาวบ้านข้างๆพูดคุยกันเอง

หญิงผมสีแดงที่ชื่อว่าแฟลมม่ารับกระดาษแผ่นหนึ่งจากทหารคนข้างๆก่อนที่เธอจะกางออกมาและพูด

“ถึงพสกนิกรอาณาจักรกราเดล ทางราชวังนั้นมีเรื่องจะประกาศ”
“ในตอนนี้อาณาจักรคิโดร่าได้ประกาศสงครามกับพวกเรา”

ประโยคนี้สร้างเสียงฮือฮาให้กับประชาชนอย่างมาก ทุกคนหันมาคุยกัน สีหน้าของพวกเขาต่างหวาดกลัวกับประโยคนี้ทางราชวังประกาศออกมา

“คิโดร่า...คิโดร่า....คิโดร่า” ชายผมขาวพูดชื่ออาณาจักรนี้วนไปวนมา

ภาพของธงสีแดงที่มีสิงโตสีดำปรากฏเข้ามาในดวงตาของเขา เรซอร์ก็ไม่รู้กันว่าทำไมเขาถึงจับชื่ออาณาจักรนี้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่เขามั่นใจคือในช่วงชีวิตของเขา เขาต้องเคยเจอกับอาณาจักรนี้มาก่อน
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Amnesiac EP 2
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Amnesiac EP 1
» Amnesiac EP 3
» Amnesiac EP 4
» Amnesiac EP 5
» Amnesiac EP 6

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: