Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 20

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 20 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 20   Sengoku : 20 EmptySat Oct 04, 2014 10:06 am

(สามวันผ่านไปหลังจากที่ยาโนะพบคาเมอิ)

“สวัสดีครับ ท่านไทโซ ท่านมาซามิ” เสียงของชาวบ้านเอ่ยทักทาย
“อ๊ะ สวัสดีค่ะ” มาซามิตอบรับคำทักทายด้วยรอยยิ้ม

มันเป็นเวลาเที่ยงๆ เป็นช่วงที่ในตัวเมืองนั้นคึกคักไปด้วยผู้คน เหล่าพสกนิกรต่างพักทางอาหารและมีความสุขกับรสชาติอาหารของตน แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดบ้างก็รู้สึกถึงความผิดพลาดในการที่ตนเลือกจะกินอาหารที่อยู่หน้าตนเอง บ้างก็จับจ่ายซื้อของเพื่อจะนำไปปรุงอาหาร เสียงของเหล่าผู้คนที่ต่อรองราคาดังไปทั่วจนแยกไม่ออกว่าเสียงไหนมาจากไหน เด็กๆต่างวิ่งเล่นและหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน สามีภรรยาผู้นำแคว้นทังโกะเดินเป็นหนึ่งเดียวกับผู้คน ตลอดทางนั้นผู้คนต่างทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้มและสิ่งที่พวกเขาได้กลับมาคือรอยยิ้มของผู้นำเช่นกัน ในขณะที่ทั้งคู่กำลังเดินอยู่นั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้คนตะโกนไล่หลังมา ทั้งคู่หันกลับไป ก่อนจะเห็นชายชราวิ่งแหวกฝูงชนมา เขาวิ่งตรงมาที่ไทโซและมาซามิก่อนที่เขาจะก้มกราบผู้นำทั้งสอง

“ท่านมาซามิ ท่านไทโซ ได้โปรดช่วยข้าด้วย” เขาอ้อนวอนทั้งสอง
“เงยหน้าขึ้นก่อนเถิดท่าน...เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” มาซามิเอ่ยปากถามชายชราที่ก้มกราบ
“ครอบครัวของข้าถูกโจรจับไป และพวกเขาต้องการเงินจากข้า”
“หากทว่าข้าไม่มีเงิน...และข้าก็ไม่มีที่พึ่งอื่นแล้ว เหลือเพียงแต่ท่าน รบกวนช่วยข้าด้วย” สิ้นเสียงของชราเขาก็ก้มกราบอีกครั้ง

มาซามิหันไปมองไทโซที่ยืนอยู่ข้างๆ แน่นอนการช่วยชายชราคนนี้ถือเป็นเรื่องที่ควรกระทำของผู้นำ หากทว่าในสภาวะสงครามเช่นนี้ การเสียทหารไปแม้แต่คนถึงสองคนก็อาจจะส่งผลต่อชัยชนะได้ ยิ่งหากคู่ต่อสู้ของเขาเป็นชาวต่างชาติที่แข็งแกร่งแล้ว มันยิ่งเป็นอะไรที่ไม่น่าทำเข้าไปใหญ่ แต่ในขณะเดียวกันจะให้ทอดทิ้งชายแก่ผู้น่าสงสารผู้นี้หรือ? ไทโซยืนมองก่อนจะยืนคิดซักพักก่อนจะสูดหายใจลึกๆและพูดออกมา

“ก็ได้...ข้าจะส่งเท็ตซึกะไปช่วยเจ้า เจ้าบอกมาว่าพวกมันอยู่ไหน” ไทโซตอบ
“ขอบคุณมากครับท่านไทโซ ขอบคุณมากครับ” ชายแก่ผู้นี้ก้มกราบเพื่อแสดงความขอบคุณ

=====

ในขณะเดียวกัน ชายหนุ่มหน้าหวานกำลังเดินไปสถานที่แห่งหนึ่ง ในหัวของเขานั้นยังคงแสดงให้เห็นภาพของสิ่งประดิษฐ์ของคาเมอิอยู่ มันเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ญี่ปุ่นชนะสงครามได้ หากทว่ามันก็เป็นสิ่งสามารถทำลายอังกฤษจนพินาศได้ ยาโนะเดินไปเรื่อยๆก่อนจะหยุด เบื้องหน้าของเขาเป็นคฤหาสน์สองชั้น มันเป็นสถานที่ที่เขามาก่อนหน้านี้ ใช่...มันเป็นคฤหาสน์ของพวกนอกรีต ถ้าหากจำไม่ผิดชื่อของมันคือวิคตอเรีย ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเขาเหลือบไปเห็นเรือลำใหญ่เทียบท่าอยู่ แต่มันต่างจากคราที่แล้วคือเหลือเรือเพียงแค่ลำเดียวเท่านั้น “อีกลำไปไหนนะ?” ยาโนะเอ่ยปากถามตัวเอง ยาโนะเดินตรงเข้าไปที่ทางเข้าของมัน ในวันนี้ต่างกับคราวที่แล้วโดยที่มีทหารสามถึงสี่คนยืนป้องกันทางเข้าอยู่ เมื่อยาโนะเดินเข้าใกล้นั้นพวกเขาก็ยกดาบขึ้นมาไขว่กันขวางทางเดินของยาโนะ

“ที่นี่เป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่อนุญาตให้คนญี่ปุ่นเข้า” ทหารคนหนึ่งพูดขึ้นเป็นภาษาอังกฤษ
“ข้ามาหาท่านแมรี่และท่านเอ็ดเวริด์ ข้ามีเรื่องจะแจ้งให้พวกเขาทราบ” ยาโนะตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษ

การพูดเป็นภาษาอังกฤษของยาโนะนั้นทำให้ชาวอังกฤษตกใจไม่น้อย พวกเขาไม่คาดคิดว่าชายชาวญีปุ่นคนนี้จะสามารถโต้ตอบได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาเก็บอารมณ์ความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความตกตะลึงไว้เบื้องหลังก่อนจะเอ่ยปากตอบยาโนะที่เอ่ยปากขอพบเจ้านายของพวกตน

“ไม่ได้ ถ้าหากเจ้าไม่ได้นัดกับท่านแมรี่ไว้ พวกเราก็ไม่สามารถให้เจ้าผ่านไปได้” ทหารอังกฤษคนเดิมตอบ
“แต่ข้ามีข้อมูลสำคัญที่จะทำให้พวกเจ้าไม่แพ้สงครามนะ” ยาโนะพูดขึ้นมา

คำพูดประโยคนี้ทำให้เหล่าทหารอังกฤษสะดุ้งก่อนจะมองหน้ากันอีกที พวกเขาหันหน้าก่อนจะมาคุยกันเอง พวกเขากระซิบกระซากกันก่อนที่หนึ่งในทหารกลุ่มนั้นจะวิ่งออกจากกลุ่มและวิ่งตรงเข้าไปที่คฤหาสน์แห่งนั้น ผู้มาเยือนยืนรอเงียบๆ กลับกันทางผู้รักษาประตูยังคงคุยกันกับสิ่งที่ยาโนะพูด ไม่นานนักทหารคนเดิมก็วิ่งออกมาจากตัวอาคารพร้อมกับหญิงผมสีทรายในชุดเกราะสีน้ำเงิน ยาโนะรู้จักเธอดีและในขณะเดียวกันเธอเองก็รู้จักยาโนะดีเช่นกัน เมื่อแมรี่เดินออกมาเหล่าทหารก็แหวกทางให้ ยาโนะคุกเข่าลงไปเพื่อแสดงความเคารพต่อเธอ

“กระผมชินซึเกะ ยาโนะ ผมต้องขออภัยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของท่าน”
“ไม่เป็นไร ข้าก้ไม่ชอบอยู่เฉยๆอยู่แล้ว” แมรี่ตอบกลับ
“แล้วสิ่งที่จะทำให้ข้าไม่แพ้คือสงครามมันคืออะไรงั้นหรือ” แมรี่ตั้งคำถามขึ้นมากับสิ่งที่ยาโนะพูด
“กระผมเกรงว่าถ้าหากคุยกันตรงนี้จะใช้เวลา กระผมว่าท่านหาที่นั่งก่อนจะดีกว่า” ยาโนะพูดด้วยความเป็นห่วง

แมรี่พยักหน้าก่อนที่แมรี่จะเชิญชวนให้ยาโนะตามเธอมา ยาโนะลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะเดินตามเธอไป หลายๆอย่างนั้นคงเหมือนเดิมจากคราวก่อนไม่ว่าจะเป็นน้ำพุ ต้นไม้ มีเพียงแต่โคมไฟเท่านั้นที่ต่างจากเดิมเพราะเปลวเพลิงภายนั้นไม่ได้จุดแต่อย่างใด ก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะนี่ก็เป็นตอนกลางวันมีแสงเพียงพอจะให้ดวงตามองเห็นได้ ยาโนะเดินเข้าไปในตัวอาคารและเดินขึ้นบันไดขึ้นไป เมื่อขึ้นมาชั้นสองสิ่งแรกที่ยาโนะเห็นคือห้องโถงที่เคยใช้จัดงานเลี้ยง เคยเต็มไปด้วยผู้คน เคยเต็มไปด้วยผู้คน เต็มไปด้วยเสียงของผู้คนและดนตรี หากทว่าตอนนี้ว่างเปล่าเป็นเพียงห้องโถงกว้างๆ แมรี่เดินตัดผ่านห้องโถงไปก่อนเธอจะใช้มือของเธอผลักประตูกระจกออกไป เธอเลี้ยวขวา ก่อนจะลงไปนั่งบนเก้าอี้สีขาวที่อยู่ติดกับระเบียงที่ทั้งสองเคยเต้นรำด้วยกัน หากทว่ามันเป็นคนละด้านกัน กล่าวคือนี่คือทิศตะวันออกซึ่งหันออกไปด้านชายฝั่งทะเล ยาโนะคุกเข่านั่งลงไปบนพื้นหินอ่อน ซึ่งมันทำให้แมรี่ฉงนไม่น้อย

“ทำไมเจ้าไม่มานั่งข้างบนเก้าอี้ล่ะ?”
“ตัวกระผมนั้นเป็นเพียงแค่คนธรรมดา ไม่ควรจะนั่งเทียบเท่ากับท่านหรอก” ยาโนะตอบ

แมรี่ได้ยินก็หัวเราะกับสิ่งที่ยาโนะพูดก่อนจะกลั้นเสียงหัวเราะของตนเองและพูดกับยาโนะ

“ตัวข้าก็ไม่ได้วิเศษอะไรกว่าเจ้าดังนั้น เจ้ามานั่งบนเก้าอี้เถิด”

ยาโนะก็นั่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าและขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ตรงข้ามกับแมรี่ ลมทะเลพัดโชยขึ้นมา ยาโนะกับแมรี่หันไปทางทะเล ไม่นานนักคนรับใช้ของแมรี่ที่เป็นหญิงชราและร่างท้วมก็เดินมาหาทั้งสอง แมรี่เอ่ยปากขอชาจากหล่อน คนรับใช้โค้งให้ก่อนจะเดินหายไปจากระยะสายตา ในขณะที่ยาโนะกำลังดื่มด่ำไปกับทัศนียภาพนั้น แมรี่ก็เรียกชื่อของเขาและทำให้เขาหันกลับมามองที่เธอ

“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าเจ้าเป็นผู้ชาย ตอนที่ข้าเจอเจ้าก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าเจ้าเป็นผู้หญิงจริงๆแล้วเสียนั่น” เธอเปิดประเด็น

ยาโนะได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะแห้งๆ ไม่รู้จะนับว่าเป็นคำชมดีรึเปล่า ไม่นานนักคนรับใช้คนเดิมก็กลับมาพร้อมกับถาดที่มีแก้วน้ำชาวางอยู่ รวมถึงกาน้ำสีขาวที่มีควันโพยพุ่งออกมา เธอวางถาดลงก่อนจะหยิบแก้วออกมาจากถาดและวางลงต่อหน้าทั้งสอง หญิงร่างท้วมรินน้ำชาลงบนแก้วสไตล์ยุโรปที่อยู่หน้าทั้งสองก่อนที่เธอจะโค้งและเดินจากไปพร้อมกับถาดในมือของเธอ แมรี่ใช้มืออันเรียวบางของเธอถือถ้วยน้ำชา ก่อนที่เธอจะดื่ม ยาโนะมองก็ลอกเลียนแบบสิ่งที่แมรี่ทำ หากทว่าเมื่อยาโนะจิบชาฝรั่งนั้น ยาโนะก็วางลงอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดเจนว่ารสชาตินั้นไม่ถูกลิ้นของชาวญี่ปุ่นเท่าไหร่

“แล้วท่านเอ็ดเวริด์ล่ะขอรับ?” ยาโนะเอ่ยปากถามถึงพี่ชายของนาง
“ท่านพี่ออกไปล่าสัตว์น่ะ คงอีกซักพักกว่าท่านพี่จะกลับมา”
“งั้นหรือขอรับ” ยาโนะตอบรับ
“ถ้างั้นระหว่างนี้เราคุยกันฆ่าเวลาก่อนจะดีไหม?” แมรี่เสนอขึ้นมา
“ก็ดีขอรับ” ยาโนะตอบรับ
“แล้วจะคุยกันเรื่องอะไรดีล่ะ?” หญิงชาวอังกฤษเอ่ยปากถาม
“ถ้าหากจะไม่เป็นการล่วงเกินอะไร ท่านแมรี่ช่วยเล่าเรื่องของท่านให้กระผมฟังได้ไหม” ยาโนะเอ่ยปากถาม

เธอพยักหน้าก่อนจะเล่าเรื่องของเธอให้ฟัง เธอเกิดในตระกูลอัศวินและเกิดหลังพี่ชายของเธอสองปี โดยปกติแล้วอัศวินนั้นจะมีเพียงแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ได้เป็น หากทว่าด้วยฝีมือของแมรี่ที่มีสูงกว่าเด็กชายทั่วไปหลายๆคนจึงทำให้เธอได้เป็นอัศวินดั่งเช่นเด็กผู้ชายทั่วไป เมื่อเธออายุได้ 15 ปี เธอก็ได้ร่วมสงครามครั้งแรกเพื่อต่อต้านทัพของพวกฝรั่งเศส มันเป็นความรู้สึกที่หนักอึ้งเมื่อเธอจำเป็นต้องลงดาบสังหารเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ไม่ต่างอะไรกับยาโนะเท่าไหร่ จนถึงตอนนี้ยาโนะก็จำได้ดีความรู้สึกเมื่อจำเป็นต้องลงดาบลงบนร่างของคู่ต่อสู้ของเขา เธอยังคงเล่าไปเรื่อยๆ ก่อนที่ซักพักหนึ่งนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามา เมื่อทั้งคู่หันไปก่อนจะเห็นเอ็ดเวริด์เดินในชุดนักล่าของเขา ในมือของเขาถือปืนอยู่ด้วย เขาเดินตรงมาหาทั้งสอง ยาโนะลงจากเก้าอี้ก่อนจะคุกเข่าแสดงเคารพเอ็ดเวริด์

“ไม่ต้องพิธีขนาดนั้นก็ได้” เอ็ดเวริด์พูดพลางยื่นปืนของตนให้กับคนรับใช้อีกคน
“ไปเอาเก้าอี้มาอีกตัวเสีย” ชายผมทองพูดกับคนรับใช้

คนรับใช้พยักหน้าก่อนจะคว้าเก้าอี้อีกตัวมา มันเป็นเก้าอี้ที่รูปร่างเหมือนกับเก้าอี้อีกสองตัวที่มีคนนั่งแล้ว พ่อบ้านนำมันมาวางไว้ก่อนที่เอ็ดเวริด์จะนั่ง ยาโนะลุกขึ้นมาจากพื้นก่อนจะกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเดิม เมื่อทั้งสามคนเผชิญหน้ากัน เอ็ดเวริด์ก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ข้าได้ยินว่าเจ้าบอกพวกข้าว่าเจ้ามีข้อมูลสำคัญที่จะทำให้เราไม่แพ้สงคราม”
“มันคืออะไรหรือ” ฝรั่งคนนี้เอ่ยปากถาม
“พวกผมได้ผลิตอาวุธขึ้นมา มันเป็นอาวุธที่ใช้พลังงานแสงอาทิตย์และมีความรุนแรงมากพอ”
“ที่สามารถเผาผลาญและทำลายเรือของท่านทั้งลำได้” ยาโนะพูดพลางชี้ไปที่เรือลำยักษ์ของพวกเขา
“แล้วอาวุธชิ้นนี้อยู่ที่ใด?” เอ็ดเวริด์เอ่ยปากถามชาวญี่ปุ่นผู้นี้
“ต้องกราบขออภัยด้วย...แต่ตัวผมนั้นมิสามารถบอกได้ว่าอาวุธอยู่ที่ใด” ยาโนะตอบกลับ
“แล้วถ้าหากเจ้ามิสามารถบอกพวกข้าได้ว่าอาวุธของท่านอยู่ที่ใด แล้วเจ้ามาแจ้งให้พวกข้ารู้ทำไม” แมรี่ตั้งข้อสงสัย
“ก่อนอื่น ผมขอถามพวกท่านได้ไหมครับ ว่าที่พวกท่านมาบุกดินแดนของพวกเรานี่พวกท่านมาเพื่ออะไร” ยาโนะเปลี่ยนประเด็น

แมรี่กับเอ็ดเวริด์หันมามองหน้ากันราวกับส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง

“พวกเราได้รับคำสั่งให้บุกมายึดทรัพยากรของที่นี่” เอ็ดเวริด์ตอบ
“เหตุที่ผมนำข้อมูลเหล่านี้มาให้พวกท่าน เพราะสิ่งที่ผมไม่ต้องการคือการตายอย่างไม่จำเป็น” ยาโนะตอบ
“ดังนั้นสิ่งที่ข้าอยากจะเสนอคือการเจรจาต่อรองเพื่อหาข้อยุติที่ดีที่สุด” ผู้นำข่าวพูดขึ้นมา
“แล้วเราจะมั่นใจได้เช่นไรว่าเจ้าพูดจริง?” แมรี่เอยปากถาม

ยาโนะเงียบอยู่ชั่วครู่ราวกับในหัวของเขาคิดอะไรอยู่ ดวงตาทั้งสองคู่จากชาวต่างชาติมองเขาตาไม่กระพริบและยังคงรอคอยว่าเขาพูดว่าอะไร ยาโนะหลับตาลงก่อนจะสูดหายใจลึกๆพร้อมกับเปล่งเสียงเพื่อตอบคำถามที่ถูกตั้งขึ้นมา

“ตัวผมไม่มีหลักฐานพิสูจน์อะไรเลยแม้แต่น้อย” ยาโนะพูด
“หากทว่าพวกท่านก็น่าจะรู้ไม่ใช่หรือว่าด้วยเกียรติของเหล่าซามูไร พวกเขาไม่คิดจะเจรจาสงบศึกหรอก”
“แล้วผู้นำคนอื่นๆรู้เรื่องที่เจ้ามาพบกับพวกข้ารึเปล่า?”
“ไม่ทราบครับ การที่ผมมาพบกับพวกท่านเป็นความประสงค์ของผมเอง” ยาโนะตอบ

ได้ยินเช่นนี้แมรี่กับเอ็ดเวริด์ก็เหลือบไปมองกันอีกรอบ ก่อนที่จะมองไปที่ดวงตาของชายหนุ่มหน้าสวยผู้นี้ พวกเขามองหน้ากันอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าให้กันละกัน

“ข้าดูจากดวงตาของเจ้าแล้ว ข้าเชื่อว่าสิ่งที่เจ้าพูดจริง” แมรี่พูดขึ้นมา
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” เอ็ดเวริด์เห็นด้วยกับน้องสาวของตน

สิ้นเสียงของเขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้สีขาวของเขา

“พรุ่งนี้เราจะเดินทางไปพบกับผู้นำของท่าน” หัวหน้าชาวอังกฤษพูด

=====

ในค่ำคืนนั้น มันเป็นคืนที่เงียบสงบไร้ซึ่งเสียงผู้คน แตกต่างกับค่ำคืนแห่งการเฉลิมฉลองลิบลับ ยาโนะที่คืนนี้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้และจะออกเดินทางไปพร้อมๆกับคณะชาวต่างชาติเพื่อเข้าเจรจาหาข้อยุติยืนอยู่ที่ระเบียง ในหัวของเขาคิดสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เขาตั้งคำถามกับสิ่งที่เขาทำว่าถูกต้องแล้วหรือ? อุดมการณ์ของเขานั้นคือสงครามที่สูญเสียคนน้อยที่สุด หากทว่าพอมานึกสิ่งที่ชาวต่างชาติพวกนี้ทำ มันสมควรแล้วหรือที่จะปล่อยพวกเขาไป และญาติดีกับพวกเขาราวกับไม่เคยเกิดขึ้นพวกนี้ แล้วถ้าหากเหล่าไดเมียวไม่ยอมรับล่ะ มันจะเป็นผลเช่นไร ยาโนะยืนนึกเงียบๆ ในจิตใจของเขาตอนนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ความเป็นกังวล ความเป็นปิติ ตีกันมั่วไปหมด หากทว่าในความเงียบและความมืดเขาได้ยินเสียงฝีเท้าเดินตรงเข้ามาหาเขา ยาโนะหันไปก่อนจะเห็นหญิงผมสีทองยาวสลวยในชุดนอนสีขาวยืนถือตะเกียงอยู่ ตะเกียงนั้นไม่ได้ส่องสว่างมาก แต่ก็ส่องสว่างพอที่จะเห็นใบหน้าของเธอ แมรี่เดินมาข้างๆยาโนะก่อนจะวางตะเกียงไว้บนระเบียงและวางแขนไว้บนระเบียงเช่นกัน

“นอนไม่หลับหรือ?” เธอเอ่ยถาม
“ผมกำลังคิดถึงอะไรหลายๆอย่างอยู่น่ะครับ” ยาโนะให้สาเหตุของเขาไป

แมรี่พยักหน้า ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้งหลังจากที่ยาโนะตอบไป แสงไฟนั้นยังคงเฉิดฉายในความมืดอยู่ เสียงคลื่นที่ซัดเข้าสู่ชายฝั่งดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง อาจจะเพราะความเงียบจึงสามารถได้ยินเสียงของคลื่นอย่างชัดเจนเพราะในวันที่สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงดนตรีและเสียงหัวเราะ เขาไม่ได้ยินเสียงของคลื่นเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มสูดหายใจลึกๆก่อนจะเอามือวางไว้บนอกของตนและหันหน้าของเขาเข้าหาหญิงสาวผมสีทอง

“ท่านแมรี่...จริงๆแล้วนอกจากที่ผมไม่อยากให้มีคนตายในสงครามนี้แล้ว...” ยาโนะเปิดประเด็นขึ้นมา
“มันยังมีอีกสาเหตุนะครับ”
“แล้วสาเหตุนั้นคืออะไรหรือ?” แมรี่หันมาถามยาโนะด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย
“…..ผมชอบท่าน....แมรี่” ยาโนะเงียบชั่วครู่ก่อนจะสารภาพความในใจออกไป

ยาโนะพูดเสร็จก็หน้าแดงไปด้วยความเขินอาย ส่วนทางแมรี่นั้นก็ยิ้มกับสิ่งที่ยาโนะพูด เธอคว้ามือของยาโนะก่อนจะดึงยาโนะเข้ามาหาตน ริมฝีปากของทั้งสองประกบกัน ดวงตาของยาโนะนั้นเบิกโพลนด้วยความตกใจ ในขณะที่ดวงตาของแมรี่นั้นปิดสนิท ไม่นานนักริมฝีปากของทั้งสองก็แยกออกจากกัน ชายชาวญี่ปุ่นจับไปริมฝีปากของตน ใบหน้าของเขายิ่งแดงก่ำกว่าเดิม แดงราวกับมะเขือเทศก็ว่าได้ เธอยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะพูดกับยาโนะด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา

“ข้าเองก็ชอบเจ้าเหมือนกัน ยาโนะ”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 20
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 10
» Sengoku : 23
» Sengoku : 39
» Sengoku : 2
» Sengoku : 11

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: