Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Sengoku : 36

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
DanielsoN
Xiao Mei's Husband
Xiao Mei's Husband
DanielsoN


จำนวนข้อความ : 2272
Join date : 19/09/2010
Age : 29

Sengoku : 36 Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Sengoku : 36   Sengoku : 36 EmptyThu Nov 13, 2014 2:30 pm

ในที่สุดยามวิกาลก็มาถึง มันเป็นคืนที่มืดสนิท ไร้ซึ่งแสงจากดวงจันทร์หรือดวงดาว เหล่าทหารตระกูลฮิมูระต่างยืนเป็นรูปขบวนตามที่ยูริโกะวางไว้ ในแต่ละทัพมีทหารที่ถือโคมไฟอยู่ แสงไฟนั้นไม่ได้ส่องสว่างมาก แต่ก็ส่องสว่างพอที่จะเห็นเส้นทางบนพื้นได้ ยาโนะนั้นอยู่ในทัพเดียวกันกับไทโซที่ยืนเป็นแนวหน้าเช่นกัน แน่นอนว่าตอนนี้จิตใจของยาโนะไม่สงบเลยแม้แต่น้อย เขาเป็นกังวลกับสงครามนี้ ไม่นานนักเสียงฝีเท้าของทัพหน้าที่นำโดยเมโกะก็เริ่มเดิน ยาโนะและไทโซก็ได้แต่เดินตามไปอย่างเงียบๆ ทุกฝีก้าวของพวกเขานั้นต้องก้าวอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากเขาเหยียบลงบนฝืนหญ้าแล้วเกิดเสียงขึ้นมา มันอาจจะหมายถึงความพินาศของแผนนี้ก็ได้ (เว้นแต่ถ้าตระกูลเท็ตซึยะ เตรียมตัวไว้อยู่แล้ว นั่นก็แปลว่าแผนนี้พังตั้งแต่ต้นแล้ว)

เพราะไร้ซึ่งแสงจันทร์ จึงทำให้รอบๆนั้นมืดสนิท ถ้าหากไฟจากโคมไฟนั้นมอดลง ทัพของตระกูลฮิมูระต้องตกอยู่ในความมืดเป็นแน่แท้ พวกเขาหวังว่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้เปลวอัคคีนี้ดับลงไป แต่ดูเหมือนคำภาวนาของเขานั้นจะไม่เป็นจริง เพราะมีธนูส่วนหนึ่งลอยมายิงใส่ร่างของทหารที่ถือโคมไฟอยู่ เมื่อธนูนั้นปักเข้าสู่ร่างของทหาร ตะเกียงที่อยู่ในมือก็ตกลงพื้น ก่อนที่เปลวเพลิงจะมอดลงเพราะสายลมที่พัดผ่าน แสงไฟนั้นเริ่มดับลงทีละน้อย ทีละน้อยก่อนที่จะมืดสนิท ความมืดนั้นเข้าปกคลุมที่นี้ในที่สุด ทหารเริ่มแตกตื่นกับความมืด เสียงของพวกเขาเริ่มดังขึ้น พวกเขากำลังตกอยู่ในความกลัว เพราะในความมืดนั้นพวกเขามองอะไรไม่เห็นและภาพต่างๆนาก็ถูกเนรมิตขึ้นมาในหัวใจของเขา

“จุดพลุสีแดงขึ้นมา!! เร็วเข้า!!” ยาโนะตะโกนขึ้นมาในความมืด

สิ้นเสียงของยาโนะได้ไม่นาน พลุก็ถูกจุดขึ้นมา เมื่อพลุสีแดงระเบิดขึ้นบนท้องฟ้าพลุนั้นก็มอบแสงสว่างให้เพียวช่วงระยะสั้นๆ แต่ถึงกระนั้นมันก็นานพอที่จะสามารถกวาดสายตาไปรอบๆได้ สิ่งที่ยาโนะเห็นนั้นมันเป็นสิ่งที่เขาคาดเดาได้ตั้งแต่แรก รอบๆเขานั้นมีแต่ทหารของตระกูลเท็ตซึยะ รวมถึงบนกำแพงเมืองนั้นก็ยังมีผลธนูอีกมากมายที่ยืนเรียงรายกันอยู่ กล่าวคือ “งานฉลอง” นั้นเป็นเพียงกับดักจริงๆ ทหารของตระกูลเท็ตซึยะเริ่มแห่เข้ามาทางยาโนะและไทโซ ทั้งสองรีบใช้ดาบของตนตัดร่างของทหารที่พุ่งตรงมาทางตรง ไม่นานนักทุกๆอย่างก็เริ่มกลับมามืดอีกครั้ง ยาโนะตะโกนคำสั่งเดิม พลุสีเดิมถูกจุดขึ้นอีกครั้ง และเช่นเคยพวกเขาก็มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบๆ แต่คราวนี้มันต่างจากเดิมคือบนพื้นนั้นเต็มไปด้วยร่างไร้วิญญาณของทหารจากตระกูลฮิมูระและตระกูลโยชิคุนิ ไม่นานนักแสงสว่างก็วูบลงไปอีกครั้งหนึ่ง พวกเขากลับไปมาอยู่ในความมืดอีกครั้ง ยาโนะที่แม้จะมองไม่เห็นแต่เขาก็รู้ตัวว่ายืนอยู่ใกล้ๆกับไทโซ เพราะทั้งสองไม่ได้ขยับไปไหนเลย พวกเขายังคงได้ยินเสียง ดาบที่ตัดร่างของทหารคนอื่น ถึงกระนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงดาบ

“จุดพลุอีกครั้ง!!” ยาโนะตะโกนอีกครั้ง

แสงจากพลุฉายขึ้นมาอีกครั้ง มันเป็นภาพที่ไม่ต่างจากคราวที่แล้ว ยาโนะรีบหันไปมองตำแหน่งที่จุดพลุก่อนจะเห็นร่างของทหารที่คอยจุดพลุให้เขาตลอดนอนอยู่ ชายหนุ่มหน้าหวานมองไปที่พลุที่เหลือแค่อันเดียว นั่นก็แปลว่าหลังจากพลุดอกนี้แล้ว พวกเขาจะไม่มีทางสร้างแสงสว่างได้อีกแล้ว และแน่นอนการรบในที่มืดก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ ยาโนะยืนคิดอยู่ครู่ถึงวิธีที่จะแก้ปัญหาในตอนนี้ ยาโนะหันกลับไปหาฮารุกะที่ยกปืนยิงทหารของตระกูลเท็ตซึยะที่กำลังเดินมาหาตน

“ฮารุกะ....เจ้ารีบไปหาท่านเคนตะ แล้วบอกให้ท่านเคนตะยิงธนูไฟมาที่นี่”
“เมื่อเห็นพลุสีแดง” ยาโนะพูดกับฮารุกะที่ยืนฟังอยู่
“เข้าใจแล้วค่ะ” ฮารุกะพยักหน้าตอบรับ

สิ้นเสียงของเธอ เธอก็รีบวิ่งฝ่าวงล้อมของทหารทัพเท็ตซึยะออกไป เมื่อยาโนะเห็นถึงหายไปนั้น แสงสว่างจากพลุก็หมดลง ตอนนี้เขาทำได้อย่างเดียวก็คือยื้อชีวิตและรอคอยให้เคนตะทำตามในสิ่งที่ตนได้บอกไว้กับองค์รักษ์ของตัวเอง

ฮารุกะวิ่งท่ามกลางความมืด ถึงแม้เธอจะมองไม่เห็น แต่โชคดีที่เซ้นส์การจำทางของเธอยังถือว่าเยี่ยม ไม่นานนักเธอก็มาถึงยังค่ายทหาร เธอวิ่งเข้าไปยังในตัวค่าย เธอเห็นทหารมากมายยืนรอเตรียมที่จะเข้าร่วมสงครามอยู่ องค์รักษ์หญิงของยาโนะรีบตรงเข้าไปหาชายหนุ่มผมสีดำที่มีทรงผมไม่เป็นระเบียบที่นั่งอยู่ ข้างๆเขานั้นก็คือยูริโกะที่นั่งอยู่ สีหน้าของเธอเมื่อเห็นฮารุกะนั้นก็ยิ้ม ราวกับว่าเธอคิดว่าเธอกำลังจะได้ยินข่าวดีว่าแผนการของเธอนั้นทำให้คว้าชัยชนะมาได้ ฮารุกะคุกเข่าลงไปก่อนจะรายงานสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อฮารุกะเล่าจนจบนั้น สีหน้าของยูริโกะก็เปลี่ยนไป จากสีหน้าที่หยิ่งทะนงกลายเป็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง ใบหน้าของเธอนั้นซีดเซียวหลังจากที่เธอได้ยินเรื่องราวที่ออกมาจากปากของฮารุกะ เคนตะลุกขึ้นมาก่อนจะขึ้นม้าของเขา เคนตะบอกให้ทหารของเขาส่งธนูมายังที่มือ ผู้นำตระกูลโยชิคุนิรีบนำทัพไปของตัวเองในยังสนามรบ เหล่าทหารที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วก็คำรามก่อนจะวิ่งตามออกไป ส่วนฮารุกะนั้นหันกลับมามองที่ยูริโกะ เธอนั่งนิ่งราวกับหุ่น ปากของเธอบ่นพึมพำอะไรบางอย่าง แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฮารุกะ สนใจเพราะตอนนี้เธอต้องกลับไปยังสมรภูมิที่เจ้านายของเธออยู่

ยาโนะนั้นยังคงยืนอยู่ท่ามกลางความมืด ท่ามกลางความมืดเขากวาดสายตาไปรอบเพื่อหาแสงไฟจากเคนตะ และแล้วเขาก็เห็นเปลวไฟจำนวนในความมืด เขารู้ได้ทันทีว่านี่คือแสงไฟจากตระกูลโยชิคุนิ ยาโนะรีบหันกลับไปก่อนจะวิ่งไปยังพลุ แม้ว่ามันจะมืด แต่เขาก็จำได้ว่าตำแหน่งมันอยู่ตรงไหน ยาโนะนั่งยองลงไปก่อนจะพลุสีแดงขึ้นมาและจุดขึ้นมา พลุนั้นลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนจะมอบแสงสว่างขึ้น เคนตะง้างธนูขึ้นมาก่อนจะยิงศรเพลิงไปยังร่างของศัตรู ร่างของทหารตระกูลเท็ตซึยะล้มลงไปทีละคนสองคน ก่อนที่ทหารที่ดักสุ่มโจมตีจะหมด เปลวเพลิงจากศรของเคนตะนั้นติดไปยังพื้นหญ้า ทำให้ก่อตัวเป็นไฟขึ้นมา และแน่นอนไฟนี้ทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น ไทโซที่ยืนอยู่ข้างๆก่อนจะหันมาก่อนจะพูดกับยาโนะ

“คิดได้ดีนี่ สมแล้วที่เป็นหนึ่งในกุนซือที่เก่งที่สุดในแผ่นดิน” ไทโซเอ่ยชม
“ขอบคุณมากครับ” ยาโนะตอบรับคำชมด้วยรอยยิ้ม

ไทโซหันไปที่ประตูเมืองก่อนจะยกดาบของเขา และตะโกนสั่งให้ทหารบุกเข้าไป ไทโซรีบวิ่งนำหน้า ก่อนจะหาทางเปิดประตูเมืองและบุกเข้าไปยังแคว้นฮิดะ หากทว่าประตูเมืองนั้นเปิดก่อนที่ตัวไทโซจะถึงเสียอีก และเมื่อประตูถูกเปิดออกมาก็ปรากฏเป็นภาพของ “ชาย” ที่สวมชุดเกราะสีแดง ร่างของเขานั้นสูงใหญ่ราวเกือบเท่ากับประตูเมือง มันเป็นภาพที่ทุกคนเห็นแล้วก็ต่างอึ้งไปพร้อมๆกัน ในมือของเขาถือดาบขนาดใหญ่ มันเป็นดาบที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่พวกเขาเคยเห็นในสงคราม ใหญ่ยิ่งกว่าดาบของจินเสียอีก ในขณะที่ยาโนะกำลังตกตะลึงอยู่นั้น เขาก็หันมาก่อนจะเห็นชายในชุดเกราะหนักสีเงินยกดาบและเตรียมจะสับร่างของ เขาแต่เมโกะวิ่งมาก่อนจะยกโล่ป้องกันไว้ทัน แรงกระแทกนั้นดันชายชุดเกราะสีเงินนี้ออกไป ยาโนะกล่าวขอบคุณเมโกะก่อนจะมองไปยังชายในชุดเกราะสีเงิน...ใช่ เขาคือ “จิน” ชายผู้พรากสิ่งสำคัญที่สุดไปจากเขา จินมองมาทางยาโนะและเมโกะ เขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่เงียบและยืนเฉยๆ

“เมโกะ...เจ้าไปช่วยท่านไทโซเถิด ข้าจะจัดการเขาเอง” ยาโนะหันมาพูดกับเมโกะที่ยืนข้างๆ
“งั้นหรือ ระวังด้วยก็แล้วกัน” สิ้นเสียงเมโกะ เธอก็วิ่งหายไป

ยาโนะหันกลับมามองหน้าของจิน เช่นเดียวกันกับชายในชุดเกราะหนัก เขาก็กำดาบของเขาไว้แน่น ยาโนะวิ่งตรงไปหาจิน ยาโนะใช้ดาบเล่มใหม่ของเขาแทงเข้าไปที่ร่างของจิน แต่ศัตรูของเขาหลบได้ ดาบของชายหน้าหวานนั้นแทงทะลุผ่านอากาศเท่านั้น จินยกดาบขึ้นก่อนจะเตรียมตัดร่างของยาโนะ แต่ยาโนะนั้นก้มหลบได้ ยาโนะวิ่งตรงเข้าไปหาจินที่โจมตีพลาด แต่ว่าลูกชายตระกูลเคซึเกะเองก็ได้ยกเท้าสวนขึ้นมา แรงกระแทกจากฝ่าเท้าของจินนั้นพลักชายร่างเล็กให้ล้มลงไปนอนกับพื้น หลังของยาโนะนั้นกระแทกลงไปบนพื้น จินยกดาบเตรียมจะปักลงบนร่างของยาโนะ หากทว่าดาบของเขานั้นไม่ได้ปักบนร่างของมนุษย์ แต่กลับปักลงไปบนพื้นดินเสียแทน ยาโนะลุกขึ้นมาทันก่อนที่ “จูซิมารุ” จะปักลงบนร่างของเขา จินดึงดาบขึ้นมาจากพื้นดิน ยาโนะมองเขาด้วยความระมัดระวัง แม้ว่าเมื่อเทียบกับซามูไรคนอื่นๆในใต้หล้า จินอาจจะไม่คนที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ถ้าเทียบกับตัวเขานั้น มันเป็นคนละเรื่องกันเลยก็ว่าได้ จินหันไปมองเปลวเพลิงด้วยสายตาอันอ้างว้าง ยาโนะเองก็ได้แต่มองเงียบๆ เพราะเขาเองก็ไม่เข้าใจว่าชายผู้นี้กำลังทำอะไร

“ข้าเห็นเปลวเพลิงแบบนี้แล้ว นึกถึง 5 ปีก่อน” จินพูดขึ้นมาลอยๆ
“ข้าบุกทำลายหมู่บ้านหนึ่ง...และข้าก็เผาผลาญหมู่บ้านนั้นจนพินาศ ข้าฆ่าทุกคน”

เมื่อยาโนะนั้นได้ยินคำว่าหมู่บ้านนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกโพลนขึ้นมา สิ่งที่จินพูดนั้นมันคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาเมื่อห้าปีก่อน เหตุการณ์ที่คร่าชีวิตครอบครัวของเขา มือไม้ของยาโนะนั้นสั่นไปหมด ดวงตาของเขานั้นลุกเป็นไฟ หากทว่าแม้เขาจะโกรธขนาดไหน เขาก็พยายามจะข่มอารมณ์ของตนเองไว้ ยาโนะอ้าปากก่อนจะเอ่ยปากถามจินซึ่งยืนอยู่ตรงข้ามกับเขา

“ข้าขอถามได้ไหมว่า หมู่บ้านที่เจ้าทำลายมีนามว่าอะไร”
“ข้าเองก็จำไม่ได้...แต่ข้าจำได้ว่าหมู่บ้านที่ข้าทำลายนั้นอยู่ใกล้แคว้นฮิดะ”

ใกล้แคว้นคากะ...ใกล้แคว้นคากะ มันเป็นแคว้นที่หมู่บ้านของยาโนะตั้งอยู่ ยาโนะคำรามก่อนจะวิ่งตรงไปด้วยความโกรธเกรี้ยว จินเองก็ยกดาบขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมจะรับมือกับชายหน้าหวานคนนี้

ณ ขณะเดียวกันที่หน้าประตูเมือง ไทโซที่กำลังหลบหลีกดาบเล่มยักษ์ของชายร่างยักษ์ ทุกครั้งที่เขาฟาดดาบของเขาลงพื้น มันมีน้ำหนักมากพอที่จะพัดร่างของผู้คนกระเด็น แม้ว่ามันจะช้าและหลบง่าย แต่ถึงกระนั้นไทโซก็ยังหาทางที่จะขึ้นไปโจมตีไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เขาวิ่งวนเพื่อหาช่องว่าง ไทโซก็ได้ไอเดียอะไรขึ้นมา เขารีบวิ่งตรงเข้าไปยังหัวเข่าของชายร่างยักษ์ ก่อนจะง้างดาบและแทงเข้าไป หากทว่าเมื่อดาบของเขาแทงเข้าไปนั้น เขาก็รู้สึกได้ว่าสิ่งดาบของเขาปักลงไปไม่ใช่ กล้ามเนื้อของมนุษย์แต่กลับเหมือนดาบของเขาปักลงกับเหล็ก ไทโซดึงดาบออกมา ก่อนจะแหงนหน้ามองอสูรกายตนนี้ ในขณะที่ไทโซมองอยู่ มืออีกข้างของมันก็คว้าร่างของไทโซขึ้นมา มันกำร่างของเขาไว้แน่น ไทโซพยายามจะดิ้น แต่ดูเหมือนมันจะเปล่าประโยชน์ ช่างร่างยักษ์นี้จ้องมองมาที่เขา ก่อนจะกำร่างของไทโซแน่นเตรียมบทขยี้ไทโซ ไทโซกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

หากทว่าอยู่ดีๆ ชายร่างยักษ์คนนี้ก็ต้องปล่อยไทโซลงมา เพราะธนูจำนวนมากที่เคนตะยิงมา ธนูทุกดอกนั้นปักมาที่ร่างของเขา แต่มันไม่ได้ทำให้มันรู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย แม้ธนูจะปักมันเกือบร้อยเล่ม แต่มันก็ยังเคลื่อนไหวได้ตามปกติ ไทโซนั้นอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เขากวาดสายตาไปรอบๆ ก่อนจะเห็นพรรคพวกของเขายังคงต่อสู้อยู่ ทั้งยาโนะที่ยังต่อสู้กับจิน ฮารุกะที่ยืนยิงคอยสนับสนุนอยู่ห่างๆ รวมถึงอากิโตะและเมโกะที่ใช้อาวุธของตนเอง จัดการศัตรูที่อยู่รอบๆ ไทโซตะโกนออกคำสั่งขึ้นมา

“ปืนใหญ่!! ยิงไอ้เจ้าอสูรกายตนนี้ซะ!!”

สิ้นเสียงของเขา เสียงปืนใหญ่ก็ระเบิดขึ้นมา ลูกปืนใหญ่นั้นกระแทกเข้าไปที่ร่างของชายร่างยักษ์นี้เต็มๆ ด้วยความที่ตัวของมันใหญ่ จึงทำให้ยากต่อการหลบหลีกกระสุนปืนใหญ่ ร่างของมันล้มลงไปกับพื้น เมื่อร่างของมันกระแทกกับพื้น ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงแรงสั่นสะเทือนอันมหาศาล ไทโซที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นก็ได้แต่ลุ้นว่ามันจะไม่ลุกขึ้นมาอีก แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นไปตามที่เขาหวัง มันลุกขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไทโซเห็นดังนี้ก็ได้แต่กัดฟันก่อนจะตะโกนคำว่า “ถอยทัพ” ดังสนั่น มันไม่ทางเลยในตอนนี้ที่จะล้มยักษ์ตัวนี้ เมื่อทัพของตระกูลฮิมูระได้ยินคำสั่งของเจ้านายก็เริ่มถอย เช่นเดียวกันกับยาโนะ ยาโนะถอยออกไป จินที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาทำท่าจะไล่ตาม แต่ด้วยกระสุนปืนจากของฮารุกะทิ่ยิงลงเบื้องหน้าเขาทำให้เขาหยุดชะงักลงก่อนจะได้แต่ยืนมองยาโนะที่วิ่งหนีหายไป

ในที่สุดเช้าวันใหม่ก็มาถึง พวกเขาเดินทางกลับมาถึงแคว้นโอมิได้ในตอนเช้า เหล่าทหารนั้นทั้งเมื่อล้า อ่อนแรง และบาดเจ็บ ยาโนะนั้นยังยืนนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสงครามเมื่อครู่นี้ ความผิดพลาดที่นำมาพามาซึ่งการถอยทัพ รวมถึงปริศนาที่กระจ่างว่าจินเป็นคนอยู่เบื้องหลังความสูญเสียของเขา ในขณะที่ยาโนะกำลังยืนคิดอยู่นั้น เหล่าทหารก็ต่างมาขอบคุณยาโนะสำหรับการตัดสินใจแก้ปัญหาของเขา ถ้าหากไม่ได้ชายหนุ่มหน้าหวานคนนี้ พวกเขาคงไม่มีชีวิตรอดจากสงครามนี้ได้เป็นแน่แท้ ในขณะที่ทุกคนต่างแห่กันมาขอบคุณยาโนะอยู่นั้น เขาก็เหลือบมองเห็นยูริโกะที่นั่งอยู่คนเดียวเงียบๆ ยาโนะจ้องมองดวงตาของเธอแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะต้องเดินเข้าไปหาเธอ ในขณะที่ยาโนะเดินเข้าไปนั้น เขาก็ได้ยินเคนตะที่สั่งให้มุนตะไปสืบข้อมูลเกี่ยวกับชายร่างยักษ์มา เมื่อยาโนะเดินไปถึงยูริโกะ เธอก็หันกลับมามองยาโนะด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า

“เอาเลยซิ...อยากหัวเราะข้าก็เชิญ” ยูริโกะพูดกับยาโนะที่เดินมาหาตน โดยเธอยังก้มมองไปที่พื้นอยู่

ยาโนะเห็นแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะใช้มือของเขาจับไปที่ศีรษะของยูริโกะ มันทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมามองยาโนะ

“รู้ไหม...ข้าเองก็เคยพลาดเหมือนกัน และไม่ใช่ครั้งเดียว ข้าพลาดถึงหลายครั้ง” ยาโนะพูดกับยูริโกะด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“แต่ทุกครั้งที่ข้าพลาด ข้าได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆเสมอ และมันก็ทำให้ข้าแข็งแกร่งขึ้นเสมอ”
“เช่นเดียวกับความปราชัยครั้งนี้ ข้าเชื่อว่าข้าและเจ้าก็ต่างเรียนรู้บทเรียนที่จะทำให้เราแข็งแกร่งขึ้น”
“และข้าก็เชื่อว่าแม้เจ้าจะพลาดในครั้งนี้ เจ้าก็ยังเป็นกุนซือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในแผ่นดิน” ยาโนะพูดจบก็ลดมือลงจากศีรษะของยูริโกะ

ยูริโกะยิ้มออกมาก่อนจะลุกขึ้นมาและมองหน้าของยาโนะ รอยยิ้มของเธอนั้นไม่ใช่รอยยิ้มแห่งความจองหองแต่กลับเป็นรอยยิ้มแห่งความยินดีที่มีคนมาปลอบประโลมเธอ

“ข้าจะยอมรับก็ได้ว่าเจ้าเก่งกว่าข้า...ในตอนนี้” ยูริโกะพูดขึ้นมา
“แต่ซักวันหนึ่งข้าจะเอาชนะเจ้า และพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่าข้าเก่งกว่าเจ้า” ยูริโกะพูดด้วยดวงตามุ่งมั่น

ยาโนะพยักหน้าก่อนจะยิ้มตอบ

“แล้วข้าจะรอ”
ขึ้นไปข้างบน Go down
 
Sengoku : 36
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» Sengoku : 12
» Sengoku : 34
» Sengoku : 19
» Sengoku : 35
» Sengoku : 20

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: