Bloody Wrestling Online
Would you like to react to this message? Create an account in a few clicks or log in to continue.

Bloody Wrestling Online

The Number One Cyber Wrestling Online
 
บ้านPortalLatest imagesสมัครสมาชิก(Register)เข้าสู่ระบบ(Log in)

 

 Cataclysm : Act VII

Go down 
ผู้ตั้งข้อความ
Neferpitou
Moderators
Moderators
Neferpitou


จำนวนข้อความ : 552
Join date : 05/12/2012
Age : 27
ที่อยู่ : The Facility of Banned Organizer

Cataclysm : Act VII Empty
ตั้งหัวข้อเรื่อง: Cataclysm : Act VII   Cataclysm : Act VII EmptyFri Jun 19, 2015 8:51 pm

Cataclysm : Act VII 2ikxwtc

  ณ เรือนจำแห่งหนึ่งทางตะวันออกของเมืองหลวงแห่งสตอร์มโฮล์ม มันเป็นแหล่งคุมขังเหล่านักโทษจากทั่วแดนเอสซิโอนิก โดยมากแล้วเหล่านักโทษที่ถูกจับมาล้วนแต่จะเป็นเหล่าค่าหัวสูงทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเหล่าอาชญากร ผู้ใช้พลังปราณหรือใด ๆ ก็ตาม สถานที่แห่งนี้มีระบบป้องกันที่เข้มที่สุดในบรรดาเรือนจำทั้งหลายในทวีปนี้ ตลอดสี่สิบปีหลังจากเหตุการณ์มหาศึกสงครามแห่งอสูรกาย ไม่มีผู้ใดที่สามารถแหกคุกออกไปจากที่แห่งนี้ได้เลยสักคน

  เหล่านักโทษหนุ่มหน้าใหม่ทั้งสามที่เพิ่งจะถูกจับเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหลังจากก่อเหตุในใจกลางเมืองได้ถูกคุมขังในชั้นใต้ดินของคุกนี้ มันเหมือนจะเป็นพื้นที่สำหรับเหล่าผู้มีปราณเท่านั้น รอบ ๆ ทั้งพื้นที่จะดูมืดสนิทหากไม่มีคบเพลิงในบริเวณนั้น ทั้งบรรยากาศยังดูเงียบสงัดถึงแม้ว่าจะมีผู้ถูกจองจำมากมายก็ตามที ไม่แปลกที่จะเป็นแบบนั้น เพราะในช่วงเวลานี้มีผู้คุมเดินอยู่ตามทางเดินยาว นั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ไม่มีใครกล้าปริปากก็ได้ เหล่าชายหนุ่มสามคนนั้นถูกขังที่ห้องขังใกล้ ๆ กัน พวกเขาสามารถมองเห็นกันเองได้โดยไม่มีปัญหาอะไร เมื่อผู้คุมเดินจากไปแล้ว เพรสตันจ้องสายตาตนไปหาชายหนุ่มผมสีทองเพื่อนของเขา เหมือนจะแสดงอาการที่ไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่นัก ส่วนฟลาบิลัสนั้นก็พยายามที่จะเลี่ยงหลบสายตาของเพรสตัน

“มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะ... ฟลาบิลัส” ชายหนุ่มผมสีน้ำเงินเอ่ยถามด้วยความสงสัย

ฟลาบิลัสผู้นั้นหาได้ตอบกลับใด ๆ พร้อมทั้งยังแสดงอาการที่เหมือนกับจะหลีกเลี่ยงการสนทนานี้อีกตะหาก

“ฉันถามว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้น แกถึงได้ถูกเจ้านั่นโจมตีได้น่ะหืม ?”

  ฟลาบิลัสยังคงเงียบใส่สหายของตนอยู่ ส่วนชายหนุ่มผมสีดำแชนเดรียนั้นก็เหมือนจะรอคำตอบอยู่เหมือนกันว่าทำไม แน่นอนล่ะเพราะเขาเป็นฝ่ายที่ถูกจ้องเล่นงานจากฟลาบิลัสผู้นั้น แต่เขาก็รู้คำตอบนั้นอยู่แล้วเมื่อพวกเขาเริ่มการต่อสู้จากปากของหนุ่มผมยาวนั้นโดยตรงเลย เขาโดนชายผู้นั้นจ้องค่าหัวอยู่ เพราะงั้นเหตุผลที่ชายผู้นี้จะรอคำตอบจากฟลาบิลัสคงจะเป็นแค่เพื่อความบันเทิงเล็กน้อยเท่านั้น แต่บรรยากาศกลับเงียบไปแทนที่จะได้คำตอบกลับมา

“ตอบเพื่อนแกไปสิเจ้าบ้านนอก... หรือว่าอยากจะให้ฉันตอบแทนล่ะ” แชนเดรียพูดยุขึ้น เขานอนราบบนเตียงนักโทษ ทำท่าเหมือนราบกับอยู่ในบ้านตัวเองเลยยังไงยังงั้น
“หุบปาก !!” เพรสตันสวนกลับไปทันควัน “ฉันไม่ได้อยากฟังความเห็นแก” เขาเอ่ยต่อ
“แกล่าค่าหัวมันใช่หรือเปล่า ?” เพรสตันถามเพื่อนของตนต่อ “คิดว่าฉันไม่รู้จักเจ้าโง่นั่นหรือไงว่ามันเป็นใคร”
“แชนเดรีย ดิ โลเกีย... ผู้สร้างสถิติเดินด้วยเท้าในเส้นทางเจนเนอร์ซิสเพียงแค่สามวัน หนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเอสซิโอนิก และเป็นชายที่กำลังจะสังหารเพื่อนของแกไง” ชายผมสีดำพูดสวนขึ้นมาเสียก่อนที่เพรสตันกำลังจะเอ่ย ราวกับว่าเป็นการแนะนำตัวเองพร้อมกับสร้างความโมโหให้กับชายผมสีน้ำตาล
“นี่ฉันถามความเห็นแกหรอ ? ไม่... งั้นแกควรจะหุบปากซะ !!”
“อะไรกัน ? ไม่เห็นต้องโมโหเลยก็ได้นิ... ฉันแนะนำตัวเองตามมารยาทเท่านั้น ให้คนอื่นมาบอกว่าเป็นใครโดยที่เราไม่ได้แนะนำตัว มันเสียมารยาทออกจริงไหม ?”
“นี่แกยั่วโมโหฉันงั้นหรอ ?”

“เนลเรี่ยน... นายควรจะใจเย็นก่อนนะ” ฟลาบิลัสกล่าวขึ้น
“ใจเย็นงั้นหรอ ? ฉันติดคุกกับเจ้าบ้านั่นโดยที่พยายามปกป้องนาย แถมยังไม่รู้สาเหตถเลยด้วยซ้ำว่าไอ้โง่นั่นมันมาโจมตีแกทำไม ?”
“ก็ไม่ได้อยากจะขัดหรอกนะ... แต่หน้าอย่างฉันเลือกคนสู้อยู่ว่ะ ที่ทำไปทั้งหมดก็แค่การป้องกันตัวเท่านั้น” หนุ่มผมสีดำยังพูดขึ้นมาอีก
“นี่ปากของแกทำด้วยอะไรกันเนี่ย ?! ถึงไม่รู้ว่าวิธีการหุบปากเขาทำกันยังไง”
“ฉันจะเงียบจนกว่าเพื่อนบ้านนอกของแกจะตอบคำถามที่แกถามมันไป โอเค ?” แชนเดรียพูดในเชิงยุ พร้อมกับแสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน
“และอีกอย่าง...” ชายหนุ่มผมดำพูดต่อ “แกมีสิทธิ์มาสั่งให้ฉันหุบปากงั้นหรอ ถ้าอยากจะหุบปากฉันขนาดนั้น ก็มาทำด้วยตัวเองสิ โอ้ ๆ !! ลืมไปว่ามีเหล็กกั้นระหว่างเราอยู่จริงไหม ? น่าเสียดายจังนะ”
“แก...” เพรสตันเริ่มแสดงอาการหงุดหงิดออกมา

“เนลเรี่ยน... ถ้าคำตอบฉันช่วยให้นายใจเย็นลงได้ ชั้นก็จะบอกให้ก็ได้โอเค ?” ฟลาบิลัสพยายามจะหยุดสงครามประสาทของแชนเดรีย “ฉันต้องการล่าค่าหัวมัน...”
“ล่าค่าหัว ? ตอนนั้นฉันบอกให้แกอยู่เฉย ๆ มันยากขนาดนั้นเลยหรือไง ?”
“เฮ้ย !! ฟังนะ ฉันไม่ได้เป็นคนรับใช้ที่เดินทางร่วมกับแก !! และอีกอย่างฉันไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากนาย โอเค ?!”

  คำพูดนั้นทำให้เพรสตันเงียบไป เหมือนกับเขาจะคิดได้ จะโมโหหรือโทษใครก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นอยู่แล้ว เขานั่งลงไปกับเตียง กุมหัวครุ่นคิดอย่างเคร่งเครียด ส่วนเพื่อนผมยาวของเขาก็หาได้ทำอะไรเช่นกันนอกจากจะนอนลงไปกับเตียงนั้น ราวกับไร้สิ่งที่จะทำ ไม่นานนักเพรสตันเงยหน้าขึ้นไปมองนอกกรงตน เขาเห็นชายหนุ่มผมสีดำนอนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งอย่างใจจดใจจ่อ เมื่อนั้นชายผมสีน้ำตาลก็ลุกขึ้นไปมองที่หนังสือนั้นเหมือนกับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เขาเริ่มเดินเข้าไปเรื่อย ๆ จนติดขอบกรงก่อนจะขยิบตาเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเห็นมันจริง ๆ หรือเปล่า แน่นอนว่าเขาเห็นมันชัดเจน มันเหมือนหนังสือเล่มเดียวกับที่เขามีเลย

“แกไปเอาหนังสือเล่นนั้นมาจากไหน ?” เพรสตันเอ่ยถามแชนเดียรที่กำลังอ่านหนังสืออยู่
“ทำไม ?” แชนเดียรเอ่ยถาม ชโงกหน้าตนไปมองผู้ที่ถามตน “อย่างน้อยที่คุกเขาก็ให้นักโทษมีหนังสือติดตัวนิ”
“ไม่ใช่ !! หนังสือเล่มนั้นมัน...”

“อ่าใช่... พลังนั่น... ข้าจำพลังนั้นได้... พลังที่เอ่อล้นออกมาจากหนังสือเล่มนั้น... ข้าจำมันได้เป็นอย่างดี” เพรสตันยังพูดไม่ทันจบก็มีเสียงประหลาดผุดขึ้นมา เสียงมันช่างดูแหบ เหมือนกับเสียงของผู้ที่มีอายุแล้ว อีกทั้งยังดูเหมือนกับผู้ที่ไร้เรี่ยวแรงยังไงยังงั้น มันดังขึ้นมาจากทางด้านขวาของทางเดิน เหมือนจุด ๆ นั้นจะเป็นกรงเดี่ยวเป็นทางตันของทางเดิน เหล่าชายหนุ่มทั้งสามหันไปยังจุดต้นกำเนิดของเสียง มันหาได้มีอะไรอยู่เลยนอกจากความมืดมิด ไม่นานนักได้ก่อเกิดเป็นแสงประกายราวกับดวงตาสีเขียวขึ้นมา มันดูทรงพลัง น่ากลัว เป็นดั่งฝันร้ายของเหล่าชายหนุ่ม แม้ชายหนุ่มสุดแกร่งอย่างแชนเดรียก็รู้สึกขนลุกไปกับมัน

“พลังปราณนั้น... ใช่ !! ข้าคุ้นเคยมันจริง ๆ... ถึงแม้มันจะเจือจางก็ตามที” ชายผู้นั้นพูดขึ้นมาต่อ
“พลังปราณ ?” แชนเดรียกล่าวขึ้นมาพร้อมกับเช็คดูหนังสือเล่มนั้น “ไม่เห็นรู้สึกถึงอะไรแบบนั้นเลย”
“ผู้ที่ไม่เคยสัมผัสพลังจากเจ้าของพลังน่ะ... ไม่มีทางรู้สึกถึงมันได้หรอก !!” ชายผู้นั้นตอบ
“สัมผัสจากเจ้าของพลัง ?... แสดงว่าเจ้าก็รู้งั้นสิว่าใครเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา ?!!” เพรสตันถามขึ้นด้วยอาการสงสัย
“แน่นอน... ข้าไม่มีวันลืมเลยล่ะ เจ้าแก่นั่น... พร้อมกับเจ้าแซ่หนามนั่น !! มันเป็นคนที่ทำให้ข้าต้องตกมาอยู่ในที่บ้านี่ยังไงล่ะ !!”
“มันพูดบ้าอะไรของมันวะ ?” แชนเดรียขัดขึ้นมา

“เจ้าแก่... กับเจ้าแซ่...” เพรสตันบ่นขึ้นเบา ๆ

“พวกมันคงจะคิดว่ามันจัดการกับข้าและนายแห่งข้าได้สินะ หึหึหึ !! แต่ยังหรอก... มันยังไม่ใช่เวลาที่ข้าจะยอมต่อพวกมัน”
“ไอ้บ้านี่คงจะติดคุกนานจนเพ้อเจ้อไม่รู้เรื่องล่ะสินะ” ชายผมสีดำยังขัดขึ้นมาอีก
“เดี๋ยวก่อน !!” เพรสตันซักคำพูดขึ้นมา “ข้าเคยอ่านเจอในหนังสือ... ฮีโร่บาบาเรี่ยนเฒ่าผู้มีมีขวาเป็นนักแซ่โลหิต ถ้าพวกนั้นทำให้เจ้ามาอยู่ที่นี่ แสดงว่า...”
“ถูกต้องเจ้าหนุ่ม !! ข้าคือผู้นำแห่งกองทัพศาสตร์มืด... ดิฮัลโฮลี่ แซงตั้ม”
“แกคือ... เบลล์” เพรสตันกล่าวขึ้นเบา ๆ พร้อมกับแสดงสีหน้าตกใจขึ้นมา

  ทันใดนั้นทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มผมสีน้ำตาลได้มีปราณผุดขึ้นมาอย่างแรงกล้า ทำให้บรรยากาศรอบข้างแตกตื่นทันที หนุ่มผมสีดำจอมกวนถึงกับลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างเร่งรีบ อีกทั้งฟลาบิลัสก็แสดงอาการแตกตื่นเช่นกัน ที่ทางเดินห่างสักสิบกว่าเมตรได้มีเสียงฝีเท้าของใครบางคนมาเป็นกลุ่ม พวกเขาพร่ำบ่นมาแต่ไกลด้วยเช่นกัน เท่าที่ฟังจากเสียงกระทบของชุดเกราะเหล่านั้น คงจะเป็นทหารผู้คุมอย่างแน่นอน

“ไอ้บ้านนอก !! หยุดใช้พลังปราณเดี๋ยวนี้ !! แกกำลังล่อพวกผู้คุมมาทางนี้ !! มันทำให้ฉันไม่มีสมาธิอ่านหนังสือนะโว้ย !!” แชนเดรียตะโกนขึ้นมาทันที
“เนลเรี่ยน !! ที่นี่มีคนตรวจจับพลังปราณนะ... หยุดการกระทำเหล่านั้นเดี๋ยวนี้ !!” สหายแห่งเพรสตันกล่าวขึ้นมาเช่นกัน

  เหล่าผู้คุมจำนวนไม่น้อยเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าเหล่าชายหนุ่มทั้งสองจะพยายามห้ามปรามชายที่กำลังเปล่งพลังออกมาก็ตามที แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลเลยสักนิด เบลล์ผู้นั้นก็หาได้แสดงอาการที่สื่อถึงความตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย เขาเพียงยิ้มอย่างมีเล่ห์นัยราวกับกำลังเริงรมย์ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

“มันอยู่ตรงนั้น !!” ผู้คุมคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา
“ซวยแล้ว...” ฟลาบิลัสกล่าว

  ทันใดนั้นผู้คุมคนนั้นก็เปิดกรงของเนลเรี่ยนออกและเข้าไปจู่โจมใส่ชายหนุ่มทันที แต่ชายผู้นั้นก็ถูกเนลเรี่ยนซัดด้วยหมัดอย่างหนัก บริเวณของทหารที่ถูกซัดด้วยหมัดนั้นก่อเป็นผลึกน้ำแข็งสีดำ มันทำให้ชายนามเบลล์ถึงกับตกใจในสิ่งที่เห็น เขาจับตามองที่ชายหนุ่มผู้นั้นอย่างไม่ละสายตาพร้อมกับกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่ พลางพร้อมกับยิ้มไปด้วยเช่นกัน แต่ถึงแม้ว่าหนุ่มปราณเยือกแข็งจะขัดขืนต่อเหล่าผู้คุมก็ตามที แต่กำลังเพียงคนเดียวไม่สามารถสู้จำนวนที่มากกว่าได้อยู่แล้ว เหล่าผู้คุมกดร่างของหนุ่มผู้นั้นลงกับพื้น พร้อมกับพยายามที่จะทำให้ชายผู้นั้นไม่สามารถขัดขืนได้ เหล่าชายหนุ่มอีกสองคนทำได้แค่มองดูเท่านั้น ส่วนชายเสียงแหบก็เริ่มหัวเราะเบา ๆ เหมือนกับกำลังสนุกไปกับมัน

“ได้เวลาแล้วสินะ...” ชายนามว่าเบลล์กล่าวขึ้น

“ตูมมมมมม !!!!”

  ที่เพดานของเรือนจำถล่มลงมา แต่เพียงไม่กี่ชั่วพริบตา เหล่าซากหินเพดานที่แตกเป็นชิ้น ๆ ได้ลอยขึ้นเหนืออากาศราวกับไร้แรงโน้วถ่วง ทุกคนสามารถมองเห็นแสงอาทิตย์ได้อย่างชัดเจน มันไร้ซึ่งเพดานกั้นอีกต่อไป แต่หาใช่เพียงแดดแรงกล้าเท่านั้นที่พวกเขาสามารถสัมผัสด้วยตา แต่ในแสงประกายเหล่านั้นได้มีกลุ่มคนที่ลอยอยู่เหนืออากาศอย่างน่าสงสัย ไม่มีไม้กวาด หรือพรมศักดิ์สิทธิ์ใด ๆ นอกจากชุดประหลาดและผ้าคลุมเท่านั้น เหล่าผู้ที่ยืนเหนือเรือนจำต่างจดจ้องเหล่ากลุ่มคนประหลาดอย่างไม่ละสายตา ไม่นานนักเหล่าซากหินได้แตกเป็นเสี่ยง ๆ และดูเป็นเข็มธุลีนับพันเล่มที่ล่องลอยเหนืออากาศ จากนั้นมันได้เข้าพุ่งใส่ผู้คนในเรือนจำเหมือนกับเป็นการเดาสุ่ม เว้นเสียแต่ชายนามเบลล์หาได้ตกเป็นเป้าการโจมตีเลยสักนิด เหล่าชายหนุ่มทั้งสามสามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้อย่างหวุดหวิด ในขณะที่ผู้คุมทั้งหลายต่างถูกการโจมตีนั้นและล้มตายในทันที

  เมื่อนั้นเบลล์จึงผงาดตัวขึ้นเหนือเมฆา จ้องมองเนลเรี่ยนผู้กำลังคลุมกายด้วยน้ำแข็งสีทมิฬ เขาแสยะยิ้มต่อหน้าชายปราณน้ำแข็งนั้นก่อนจะลอยตัวขึ้นสูง รวบรวมปราณสีเขียวมืดไว้ที่มือเป็นลูกพลังเล็ก ๆ ถึงแม้ว่าขนาดพลังมันจะดูเท่ากับลูกปิงปองก็ตามที แต่มันกลับดูทรงพลังผิดปกติ ขนาดที่แรงวายุยังถูกปราณดูดกลืนไปทำให้สภาพบรรยากาศดูตรึงเครียด ผ่านไปสักพักลูกบอลปราณก็พุ่งออกจากหัตถ์แห่งเบลล์ มันพุ่งด้วยความเร็วสูงจนกระทบลงกับผืนดิน

“บรึ้มมมมมม !!!!!”

  ปราณทำลายนั้นทำให้เกิดแรงระเบิดมหาศาลขึ้น พร้อมทั้งแสงจ้าสีเขียวประกายขึ้นเมื่อบอลออร่ากระทบลงผิวดิน อีกทั้งยังมีอณูวิญญาณร้ายพุ่งออกไปเข้าสู่ศพที่สิ้นชีวา ทันใดนั้นเหล่าซากศพลุกขึ้นมา เข้าจู่โจมไปยังผู้ที่ยังมีชีวิตอยู่ทั้งหมดที่ผืนดินนั้น เหล่ากลุ่มคนที่ล่องลอยเหนือนภาต่างแตกย้ายตนออกไป เสียงระเบิดดังขึ้นรัว ๆ แสดงให้เห็นว่าเหล่ากลุ่มปริศนานั้นกำลังโจมตีเมืองสตอร์มโฮล์มแล้ว พวกชายหนุ่มทั้งสามทำได้แค่ป้องกันตัวจากทูตผีที่ก่อขึ้นมาเรื่อย ๆ จากหลุมมิติแห่งหนึ่งที่เกิดขึ้นหลังจากบอลสีเขียวนั้นกระทบลงสู่พื้น

“พวกเรานักเวทย์แห่งความตายได้เคลื่อนไหวแล้ว !! ไม่มีใครจะหยุดพวกเราได้ !! ไม่มีใครสามารถหยุดความตายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าพวกเจ้าได้ !!” เบลล์กล่าวตะโกนขึ้นพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ
“บัดซบ !!” เนลเรี่ยนเปล่งวาจาขัดขึ้นมา

  หลังวาจาสบถนั้นถูกเปล่งออก ชายผู้ใช้ปราณน้ำแข็งจึงพุ่งตัวเข้าไปหานักเวทย์แห่งความตายผู้นั้นทันที แต่ไม่ทันจะได้ออกแรงโจมตีก็ถูกเบลล์ผู้นั้นกดหน้าลงกลางอากาศจนกระแทกสู่พื้นดินด้วยความแรง บริเวณรอบ ๆ กายของเพรสตันถูกตรึงด้วยวงแหวนเวทย์สีเขียวจนไม่สามารถขยับร่างกายได้เลย เมื่อนั้นผู้ใช้ศาสตร์แห่งความตายได้รวบรวมพลังเข้าที่มือข้างขวาของตนเองอีกครั้ง จ้องมองที่เหยื่อที่ถูกตรึงด้วยพันธนาการเหมือนกับว่าเป็นเป้าหมายตน

“ยังดีกว่า... มันยังไม่ใช่เวลา” เบลล์กล่าวขึ้น

  ทันใดนั้นชายผมสีทองได้ออกหมัดขวาเข้ากระแทกใบหน้าของเบลล์ทันที ออร่าสีเหลืองประกายแสงทั่วหมัดทำให้ใบหน้าของนักเวทย์แตกร้าวเหมือนหินปูน แต่หมัดที่ใช้ในการจู่โจมเมื่อครู่ของฟลาบิลัสก็เกิดเป็นพลังสีดำกัดกินออร่าสีทองและผิวหนังของชายหนุ่ม ชายหนุ่มกุมมือตัวเองทรุดลง กรีดร้องด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มผมสีดำจอมกวนใช้แท่งเหล็กชิ้นหนึ่งจากซากเพดานเรือนจำเข้าแทงทะลุร่างของปรปักษ์ผู้ใช้พลังบาป จริงอยู่ว่าที่แท่งเหล็กมันทะลุร่างได้ แต่แชนเดรียกลับไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองกำลังแทงก้อนเนื้อร่างมนุษย์เลยสักนิด เหมือนทะลุผ่านอากาศไปไม่มีผิดเพี้ยน ถึงแม้ว่าชายหนุ่มแข็งแกร่งผู้นี้จะดึงแท่งเหล็กออกมาเตรียมฟาด แต่กลับถูกพลังปราณแห่งบาปซัดใส่จนปลิวออกไป ว่าแล้วเบลล์จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปหาชายหนุ่มผมสีดำทันที แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดตัวลง รู้สึกถึงอะไรบางอย่าง เหมือนกับปราณแรงกล้าที่กำลังกดดันความคิดตนอยู่ เมื่อผู้ใช้ศาสตร์มืดหันไปยังแหล่งพลังนั้นจึงพบกับว่าวงแหวนเวทย์ที่กำลังตรึงร่างของผู้ใช้ปราณน้ำแข็งเริ่มคลายพลังลงเรื่อย ๆ

“เป็นไปไม่ได้ !!”

  เบลล์เริ่มมีความคิดผุดเข้ามาให้หัวตัวเองเมื่อเห็นกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ตนกำลังคิดถึงพลังที่แท้จริงของผู้ใช้ปราณน้ำแข็งสีดำทึบนั้น มันประหลาดไปหมดตั้งแต่แรก ทั้งพลังสีดำ ปราณที่เอ่อล้นออกมาผิดมนุษย์มนา ราวกับว่านั่นไม่ใช่พลังของมนุษย์แต่เป็นพลังแห่งเทพหรือมารร้ายสักตนไม่ผิดเพี้ยน ไม่นานนักข่ายพลังเวทย์นั้นก็ไม่สามารถเป็นพันธนาการต่อเพรสตันผู้นั้นได้ เบลล์เริ่มเห็นว่าท่าไม่ดีจึงลอยตัวขึ้นไปเหนือฟ้าถอยกลับไปตั้งหลัก

“ไอ้หนุ่มนั่น...” เบลล์กล่าวขึ้นเบา ๆ ราวกับกำลังพูดกับตัวเอง
“ถอยก่อน !!” ผู้ใช้ศาสตร์มืดกล่าวขึ้นแก่พรรคพวกของตน
“คิดว่าจะหนีพ้นงั้นหรอ ?!!” เนลเรี่ยนตะโกนขึ้น

  เมื่อนั้นชายผู้ควบคุมปราณน้ำแข็งก็พุ่งตรงไปยังเป้าหมายของตนทันที มือทั้งสองข้างของเขากลายเป็นกงเล็บเยือกเย็นสีดำสนิทเข้าจู่โจมใส่นักเวทย์มนต์แห่งบาป แต่ผลที่ออกมาก็เป็นดั่งสิ่งที่แชนเดรียประจักษ์ไปเมื่อครู่ การโจมตีมันไม่ได้ผลกับเบลล์ ซ้ำยังทะลุผ่านไปเหมือนหมอกควันเช่นกัน แต่คราวนี้ร่างของเบลล์กับแตกออกเป็นฝุ่นก่อนจะกลับมารวบเป็นก้อนเนื้อจนเป็นร่างมนุษย์ดังเดิม ร่างแห่งนักเวทย์อยู่ไกลจากเพรสตันราวสิบเมตร เขาแสยะยิ้มให้แก่ผู้ที่หมายปองชีวิตตน ขณะที่ประตูมิติประหลาดผุดขึ้นมาที่ข้างหลังของเบลล์ เขาก็บินถอยกลับไปเขาในหลุมช้า ๆ ทั้งสายตาที่ยังจ้องมองเนลเรี่ยนอย่างไม่ขาดสาย

“พลังของเจ้า... จะทำให้พวกเราได้พบกันอีก ไม่นานนักหรอก” ผู้นำแห่งศาสตร์มืดกล่าวต่อชายหนุ่มก่อนที่จะหายไปพร้อมกับประตูมิติ

  ในขณะเดียวกันที่เบลล์ผู้นั้นจากไป เหล่าพรรคพวกแห่งศาสตร์แห่งบาปก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือไว้เพียงแต่ซากปรักหักพัง ผู้บาดเจ็บจากการจู่โจมเมืองสตอร์มโฮล์มเท่านั้น ทั้งบรรยากาศกลับเงียบไปราวกับไร้สิ่งเกิดขึ้นหรือเสียงกรีดร้องหวาดกลัวใด ๆ เลย เหมือนกับเมืองร้างไม่มีผิด เหล่าชายหนุ่มทั้งสามต่างตกอยู่ภายใต้ความสงสัยที่ว่า “เจ้าพวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ ?” แต่ถึงกระนั้นสิ่งหนึ่งที่พวกเขารู้ดีก็คือมันไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน

“เฮ้ !! เราต้องคุยกัน...” เพรสตันกล่าวแก่ชายหนุ่มผมสีดำแชนเดรีย
“เรื่องอะไร ?”
“แกน่าจะรู้ว่าเรื่องอะไร ฉันมีหนังสือเล่มนั้นเหมือนกัน... แกรู้จักมัน !! ฉันรู้จักมัน !! เพราะงั้นมันเป็นการดีซะมากกว่าถ้าพวกเราคุยกัน”
“แกมี... ? จริงสิ แกเอ่ยถึงมันไปตอนที่เจ้าเบลล์แนะนำตัว งั้นฉันขอเดาเหตุผลที่แกอยู่ในเมืองนี้..”
“ตามหาหนังสืออีกเล่ม ถูกแล้ว !! และขอเดาว่าตัวแกเองก็เช่นกัน” เนลเรี่ยนตอบกลับทันที

แชนเดรียเงียบไป เขาครุ่นคิดถึงคำตอบ... จะตกลงกับชายผู้นี้หรือจะปฏิเสธไปดี อย่างน้อย ๆ เนลเรี่ยนก็รู้ถึงข้อมูลหนังสือดีพอ ๆ กับเขาเช่นกัน หรือบางทีอาจจะรู้อะไรที่มากกว่าก็เป็นได้

“ก็ได้” เขาตอบ “แต่ก่อนอีกเราต้องเผ่นไปจากที่นี่ซะก่อน”

-----------------------

  ประตูมิติประหลาดได้ถูกเปิดขึ้นภายในถ้ำลึกลับแห่งหนึ่ง ซึ่งมีบุคคลอยู่ภายในนั้น เขาย่างก้าวออกมาปรากฏเป็นชายผู้ใช้ศาสตร์มืดเบลล์ ภายในถ้ำแห่งนั้นมีผู้คนอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้คนที่สวมเครื่องแต่งกายที่คล้ายคลึงกับชายผู้นี้ ดูเหมือนพวกเขาจะเป็นเหล่าผู้ใช้เวทย์แห่งความตายเช่นกัน แต่เบลล์มีข้อแตกต่างในเครื่องแต่งกายที่ดูมีบารมีมากกว่าคนอื่น

“สี่สิบปี... ข้าต้องทนอยู่ในเรือนจำแสนโสโครกนั่น !! ไม่เห็นแม้แต่เสียงตะวัน !! ไม่สามารถปลดปล่อยพลังปราณได้ !!” เบลล์กล่าวขึ้นมา
“เหตุใดพวกเจ้าทั้งหลายถึงใช้เวลานานนัก กว่าจะช่วยข้าออกจากที่นั่นได้ !!” เขาพูดต่อ

  ไม่มีใครสักคนที่จะตอบคำถามของเขา เหล่าผู้คนต่างฝุบหัวลงราวกับไม่มีข้อแก้ตัวใด ๆ ต่อผู้ถาม ไม่สิ... ต่อผู้ที่เป็นหัวหน้าเขาเสียมากกว่า ถึงแบบนั้นก็เถอะ แต่สี่สิบปีมันก็ถือว่านานเกินไปสำหรับอายุขัยของมนุษย์ที่ต้องถูกจองจำในคุกซึ่งไม่สามารถมองเห็นแสงตะวันหรือสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ได้เลย แม้เวลาจะผ่านไปสักพักแต่ก็ไม่มีผู้ใดกล่าววาจากลับคืนไป มันตกอยู่ในสภาวะเงียบโดยสิ้นเชิง นอกจากสิ่งหนึ่ง... นอกจากฝีเท้าของใครสักคน เสียงมันแผ่วเบา... มาจากเบื้องหน้าของเบลล์ ภายใต้ความมืดที่แม้แต่ผู้เวทย์มนต์ดำก็มิอาจมองเห็นมันได้ จนเมื่อนั้นมันก็เริ่มดังขึ้น ดังขึ้น และดังขึ้น ปรากฏเป็นชายคนหนึ่ง เหมือนเด็กหนุ่มคนหนึ่ง อายุยังน้อย... น่าจะสักสิบเจ็ดได้ เขายิ้มต่อชายผู้ยืนอยู่เบื้องหน้า

“พวกเขาไม่ตอบท่านหรอก... เบลล์ ไม่มีทาง !!” เขากล่าวขึ้น
“เจ้าเป็นใคร...”

  ชายหนุ่มยังคงยิ้มต่อเบลล์ แม้จะมีคำถามกลับมา แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ตอบในทันที ก่อนจะหันไปรอบ ๆ... มองดูเหล่าผู้ใช้ศาสตร์มืดทั้งหลายที่ก้มหัวลงไป ซึ่งหากลองคิดดูดี ๆ แล้วการก้มหัวลงนั้นอาจจะหาใช่เพราะไร้คำตอบแต่เบลล์เมื่อครู่ แต่อาจจะเป็นพวกเขาเหล่านี้รู้ว่าชายคนนี้กำลังจะมาและก้มลงแสดงความเคารพเสียมากกว่า เมื่อนั้นชายหนุ่มก็หันไปมองเบลล์อีกครั้ง ซึ่งแม้แต่ผู้ใช้ศาสตร์มืดนามเบลล์เองยังคิดในใจลึก ๆ ว่ารอยยิ้มนั้น มันช่างดูน่าเกลียดและเต็มไปด้วยความชั่ว เขาดูไม่ชอบกับปฏิบัติของชายหนุ่มเลยสักนิด

“ข้าเป็นใคร ?” ชายหนุ่มกล่าวขึ้น...
“ผู้คนทั้งหลายต่างเรียกฉันว่า...”

“Wrath !”
ขึ้นไปข้างบน Go down
https://www.facebook.com/BillAlfenolf
 
Cataclysm : Act VII
ขึ้นไปข้างบน 
หน้า 1 จาก 1
 Similar topics
-
» รับสมัครตัวละครเรื่อง Cataclysm
» Cataclysm : Act I
» Cataclysm : Act II
» Cataclysm : Act III
» Cataclysm : Act IV

Permissions in this forum:คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
Bloody Wrestling Online :: BWO : Special Event :: BWO Novel-
ไปที่: